หลังพบภาพพรางตัววิ่งทดสอบที่ต่างประเทศสำหรับ Nissan Kicks เอสยูวีเจเนอเรชันที่สอง ที่ทั่วโลกรอคอยอยากพบอยากเห็นตัวจริงเสียงจริง
สานต่อความสำเร็จจาก Nissan Kicks เจนที่หนึ่งทำตลาดมายาวนานถึง 8 ปี ด้วยหน้าตาคล้ายกับ Nissan Note แบบ V-Motion ขนาดใหญ่ออกแบบเส้นแนวนอนห้าชั้นขอบบนสีเทาเข้มสลับกับสีเดียวกับตัวรถประทับตรา Nissan ขนาดใหญ่ สอดรับกับชุดไฟโคมใหม่สามดวงแบบ Adaptive LED และในโคมมีไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED ออกแบบเส้นนอนซ้าย-ขวา สามเส้นเข้ากันกับชุดกระจังหน้า
กันชนหน้าทรงใหม่ออกแบบเข้ากันลงตัว การออกแบบเน้นความสปอร์ตปราดเปรียวกว่าเดิมแถมตัวรถใหญ่ขึ้นเล็กน้อยด้านข้างไม่เทอะทะอีกต่อไปกับหลังคารถทรงสปอร์ตลาดลงดูดีขึ้นพร้อมราวหลังคา มีกระจกมองข้างดีไซน์ใหม่แบบทรงสปูน คิ้วขอบล้อทรงใหญ่ เสา C กับ D ดูใหญ่ขึ้น ด้านท้ายมาแนวเหลี่ยมดูดีในชุดฝาท้ายพร้อมสปอยเลอร์หลังกับกันชนหลังออกแบบใหม่พร้อมมิติวตัวรถตั้งแต่ความยาว 4,300 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,790 มิลลิเมตร ความสูง 1,600 มิลลิเมตร
ภายในถึงไม่มีรูปให้ดูแต่คาดว่าจะได้ออปชันเก๋ๆมาให้ทั้งมาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ระบบจอสัมผัสขนาดใหญ่ทันสมัยประมวลผลแม่นยำรองรับไร้สายทั้ง Apple CarPlay Android Auto เบาะนั่งสบาย 5 ที่นั่งโดยเบาะหลังพับได้แบบ 60/40 เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันท้ายตัดสามก้าน
ขุมพลังยังไม่แน่ชัดเท่าไหร่ว่าจะเป็นขุมพลังใหม่หมดหรือขุมพลังเดิมปรับกำลังใหม่โดยพื้นฐานเครื่องเดิมมีทั้ง e-Power ด้วยเบนซิน รหัส HR12 DE ขนาด1.2 ลิตร e-Power 82 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 103 นิวตันเมตรที่ 4,800 รอบต่อนาทีในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับชุดแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 2.06 kWh มีจำนวน 4 โมดูล 96 เซลล์ พ่วงเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้ารหัส EM47 AC3 Synchronous Motor
ให้พลังรวมมากขึ้นเป็น 136 แรงม้าที่ 3,410-9,697 รอบต่อนาที เพิ่มแรงบิดเป็น 280 นิวตันเมตรที่ 0-3,410 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนล้อหน้าและมีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อแรงม้าแรงบิดเท่ากันมอเตอร์ล้อหน้าอันเดียวกันแต่งานนี้เพิ่มมอเตอร์หลัง MM48 AC3 Synchronous Motor ให้พลัง 68 แรงม้าที่ 4,775-10,259 รอบต่อนาที แรงบิด 100 นิวตันเมตรที่ 0-4,775 รอบต่อนาที ให้พลังรวมมากขึ้นเป็น 204 แรงม้าที่ 8,185-19,956 รอบต่อนาที เพิ่มแรงบิดเป็น 380 นิวตันเมตรที่ 0-8,185 รอบต่อนาที
ทั้งสองรูปแบบจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed Gear Reduction พร้อมโหมดการขับ Normal, S, Eco, และ EV ให้พละกำลัง ได้รวมเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) กับมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ไว้เป็นยูนิตเดียวกัน ทำให้ส่วนของ Inverter มีขนาดเล็กลง 40% น้ำหนักลดลง 30%
พร้อมเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ e-Pedal step ช่วยให้ผู้ขับสามารถเร่ง หรือชะลอความเร็วได้เพียงการใช้แป้นคันเร่งเดียว ให้ความนุ่มนวลของการขับขี่ที่มากขึ้น ทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ Sport MODE และ ECO MODE (ทั้งตำแหน่ง D และ B) เมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าจากคันเร่ง รถจะชะลอความเร็วลงอย่างนุ่มนวล ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายและง่ายมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีขุมพลังเบนซินล้วน 1.6 ลิตร HR16DE 122 แรงม้าที 6,300 รอบต่อนาที แรงบิด 154 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า
พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงและช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง Nissan 360° Safety Shield อาทิเทคโนโลยีแจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ Lane Departure Warning (LDW) เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist – HBA) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC) เตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) ช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) เตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) เตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert – RCTA)
กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) และตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) กระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror – IRVM) ช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control – VDC) ช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Intelligent Trace Control – ITC)
ถุงลมนิรภัย SRS รอบคัน เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter Seatbelts) ระบบเบรก ABS, EBD และ BA เบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบหยุดรถอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) และไฟเบรกดวงที่สามพร้อมไฟ LED สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เบื่องต้นเจเนอเรชันที่ 2 เตรียมที่จะเปิดตัวในปี 2025 และจะเป็นการมาแทน Nissan Qashqai สำหรับบางประเทศ เมืองไทยรอกันต่อไป
ที่มา Bestcarweb