More

    ยอดขายรถยนต์ 2567 ลดลง 26% เกือบ 6 แสนคัน เพราะพิษไฟแนนซ์

    จบปีมังกรกับตลาดรถยนต์ไทยปี 2567 ไม่ถึง 600,000 คันอยู่ที่ 572,675 คัน  ลดลง 26.2% เมื่อเทียบกับปี 2566 จากหลายปัจจัยส่งผลกระทบต่อทิศทางตลาด

    Toyotaไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อที่ลดลงตามสถานการณ์ปัจจุบันของเศรษฐกิจ รวมถึง ค่าครองชีพ อัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ทรงตัวสูง ตลอดจนความเข้มงวดของมาตรฐานในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ภายในประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

    อย่างไรก็ดียังมีปัจจัยอื่นๆที่น่าสนใจ ซึ่งส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีที่ผ่านมาอาทิการที่ตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือกโดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริด (HEV) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เป็นแรงส่งสำคัญในช่วงที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัว เห็นได้จากการที่รถยนต์ไฮบริดในไทยมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 29% แสดงให้เห็นถึงทางเลือกเทคโนโลยีของผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น

    จากปัจจัยต่างๆดังกล่าวได้สะท้อนมายังตลาดรถยนต์ในประเทศโดยมีตัวเลขยอดขายรวมในปี 2567 อยู่ที่ 572,675 คัน ลดลง 26.2% เมื่อเทียบกับปี 2566 ประกอบด้วยรถยนต์นั่ง 224,128 คัน ลดลง 23.4% รถเพื่อการพาณิชย์ 348,527 คัน  ลดลง 27.9% รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง PPV) 200,190 คัน  ลดลง 38.4% และรถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง PPV) 163,347 คัน ลดลง 38.3%

    แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2568 คาดว่าจะยังคงอยู่ในสภาวะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจโดยรวมทั้งหมด โดยมีแรงหนุนด้านอุปสงค์จากกิจกรรมในภาคธุรกิจและการลงทุนที่จะกระเตื้องขึ้น ภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตดีขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการรถยนต์ให้สูงขึ้น

    นโยบายของภาครัฐที่จะสนับสนุนการใช้จ่ายให้เร่งตัวขึ้น การขยายตัวของการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมภายในประเทศและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการผลักดันมาตรการสนับสนุนของภาครัฐที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ตลอดจนกลยุทธการส่งเสริมการขายและสงครามราคาจากผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่างๆที่คงจะทวีความเข้มข้นยิ่งขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าดูสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลต่อการส่งออก ตลอดจนสถานการณ์ที่ทางสถาบันการเงินอาจยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เนื่องจากความกังวลต่อความสามารถในการชำระหนี้จากภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูงและอัตราหนี้เสียที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อไป และทิศทางของนโยบายอัตราดอกเบี้ย ทำให้คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2568 จะอยู่ที่ 600,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วแบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 235,900 คัน เพิ่มขึ้น 5% รถเพื่อการพาณิชย์ 364,100 คัน  เพิ่มขึ้น 4%

    สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือน มกราคม–ธันวาคม 2567

    Honda

    1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 572,675 คัน ลดลง 26.2%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า       220,356 คัน   ลดลง 17.1%    ส่วนแบ่งตลาด 38.5%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ             85,582 คัน   ลดลง 43.7%    ส่วนแบ่งตลาด 14.9%

    อันดับที่ 3 ฮอนด้า           76,574 คัน   ลดลง 18.8%   ส่วนแบ่งตลาด 13.4%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ          27,318 คัน   ลดลง 16.4%   ส่วนแบ่งตลาด  4.8%

    อันดับที่ 5 บีวายดี            27,021 คัน   ลดลง 11.2%   ส่วนแบ่งตลาด  4.7%

    MG

    2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 224,148 คัน ลดลง 23.4%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า       66,912 คัน  ลดลง   32.6%   ส่วนแบ่งตลาด 29.9%

    อันดับที่ 2 ฮอนด้า        46,595 คัน  ลดลง   17.9%   ส่วนแบ่งตลาด 20.8%

    อันดับที่ 3 บีวายดี         19,159 คัน  เพิ่มขึ้น 70.8%  ส่วนแบ่งตลาด 8.5%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ        18,134 คัน  เพิ่มขึ้น 17.5%  ส่วนแบ่งตลาด 8.1%

    อันดับที่ 5 เอ็มจี           12,739 คัน ลดลง   33.1%   ส่วนแบ่งตลาด 5.7%

    ISUZU

    3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 348,527 คัน ลดลง 27.9%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า       153,444 คัน  ลดลง 7.9%    ส่วนแบ่งตลาด  44.0%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ             85,582 คัน  ลดลง 43.7%  ส่วนแบ่งตลาด   24.6%

    อันดับที่ 3 ฮอนด้า          29,979 คัน  ลดลง 20.3%  ส่วนแบ่งตลาด   8.6%

    อันดับที่ 4 ฟอร์ด            20,865 คัน  ลดลง 42.8%  ส่วนแบ่งตลาด   6.0%

    อันดับที่ 5 มิตซูบิชิ           9,865 คัน  ลดลง 46.7%  ส่วนแบ่งตลาด   2.6%

    Ford

    4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน  (Pure Pick up และ PPV) ปริมาณการขาย 200,190 คัน ลดลง 38.4%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า  91,001 คัน   ลดลง 29.3%  ส่วนแบ่งตลาด   45.5%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ     74,594 คัน    ลดลง 45.3%  ส่วนแบ่งตลาด   37.3%

    อันดับที่ 3 ฟอร์ด    20,865 คัน    ลดลง 42.8%  ส่วนแบ่งตลาด   10.4%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ    9,135 คัน    ลดลง 46.7%  ส่วนแบ่งตลาด   4.6%

    อันดับที่ 5 นิสสัน     2,964 คัน    ลดลง 35.8%  ส่วนแบ่งตลาด   1.5%

    Mitsubishi

    5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 163,347 คัน ลดลง 38.3%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า      77,987 คัน   ลดลง  26.8%   ส่วนแบ่งตลาด 47.7%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ          61,580 คัน   ลดลง  46.7%   ส่วนแบ่งตลาด 37.7%

    อันดับที่ 3 ฟอร์ด         12,773 คัน   ลดลง  47.7%   ส่วนแบ่งตลาด  7.8%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ        6,898 คัน   ลดลง 46.8%    ส่วนแบ่งตลาด  4.2%

    อันดับที่ 5 นิสสัน          2,478 คัน   ลดลง 28.6%    ส่วนแบ่งตลาด  1.5%

    *ปริมาณการขายรถปิกอัพดัดแปลง PPV ปริมาณการขาย 36,843 คัน ลดลง 38.9%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า      13,014 คัน     ลดลง 37.6%   ส่วนแบ่งตลาด 35.3%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ          13,014 คัน    ลดลง 41.1%   ส่วนแบ่งตลาด 35.3%

    อันดับที่ 3 ฟอร์ด           8,092 คัน    ลดลง 32.7%   ส่วนแบ่งตลาด 22.0%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ         2,237 คัน    ลดลง 46.3%  ส่วนแบ่งตลาด   6.1%

    อันดับที่ 5 นิสสัน              486 คัน    ลดลง 57.7%   ส่วนแบ่งตลาด  1.3%

     

    ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนธันวาคม 2567

    Toyota

    1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 54,016 คัน ลดลง 20.9%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า      20,869 คัน    ลดลง 13.4 %   ส่วนแบ่งตลาด 38.6%

    อันดับที่ 2 ฮอนด้า         9,252 คัน    ลดลง 5.8 %    ส่วนแบ่งตลาด 17.1%

    อันดับที่ 3 อีซูซุ            8,153 คัน    ลดลง 20.6 %  ส่วนแบ่งตลาด 15.1%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ         2,678 คัน    เพิ่มขึ้น 21.6%  ส่วนแบ่งตลาด 5.0%

    อันดับที่ 5 ฟอร์ด            1,842 คัน    ลดลง 34.9%  ส่วนแบ่งตลาด 3.4%

    Honda

    2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 20,727 คัน ลดลง 20.7%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า      7,128 คัน      ลดลง 1.8%    ส่วนแบ่งตลาด 34.4%

    อันดับที่ 2 ฮอนด้า       5,426 คัน      เพิ่มขึ้น 0%     ส่วนแบ่งตลาด 26.2%

    อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ      1,494 คัน      เพิ่มขึ้น 31.2% ส่วนแบ่งตลาด 7.2%

    อันดับที่ 4 เอ็มจี         1,239 คัน      ลดลง 28.9%   ส่วนแบ่งตลาด 6.0%

    อันดับที่ 5 บีวายดี       1,208 คัน      ลดลง 63.8%   ส่วนแบ่งตลาด 5.8%

    Toyota

    3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 33,289 คัน ลดลง 21.1%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า      13,741  คัน    ลดลง 18.4%    ส่วนแบ่งตลาด 41.3%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ             8,153 คัน    ลดลง 20.6%    ส่วนแบ่งตลาด 24.5%

    อันดับที่ 3 ฮอนด้า           3,826 คัน    ลดลง 12.9%    ส่วนแบ่งตลาด 11.5%

    อันดับที่ 4 ฟอร์ด             1,842 คัน    ลดลง 34.8%    ส่วนแบ่งตลาด  5.5%

    อันดับที่ 5 มิตซูบิชิ           1,184 คัน   เพิ่มขึ้น 11.4%    ส่วนแบ่งตลาด 3.6%

    ISUZU

    4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ PPV*) ปริมาณการขาย 18,904 คัน ลดลง 21.3%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า      8,061 คัน    ลดลง 21.4%    ส่วนแบ่งตลาด 42.6%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ          7,327 คัน    ลดลง 19.4%    ส่วนแบ่งตลาด 38.8%

    อันดับที่ 3 ฟอร์ด         1,842 คัน    ลดลง 34.8%    ส่วนแบ่งตลาด 9.7%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ       1,184 คัน   เพิ่มขึ้น 11.4%    ส่วนแบ่งตลาด 6.3%

    อันดับที่ 5 นิสสัน            280 คัน    ลดลง 20.7%    ส่วนแบ่งตลาด 1.5 %

    Nissan

    5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 14,410 คัน ลดลง 26.3%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า        6,523 คัน     ลดลง 26.2%    ส่วนแบ่งตลาด 45.3%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ            5,434 คัน     ลดลง 30.1%    ส่วนแบ่งตลาด 37.7%

    อันดับที่ 3 ฟอร์ด           1,037 คัน     ลดลง 41.0%    ส่วนแบ่งตลาด 7.2%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ          985 คัน      เพิ่มขึ้น 19.5%   ส่วนแบ่งตลาด  6.8%

    อันดับที่ 5 นิสสัน            221 คัน       ลดลง 17.8%    ส่วนแบ่งตลาด 1.5 %

    *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (PPV) ปริมาณการขาย 4,494 คัน เพิ่มขึ้น 0.3%

    อันดับที่ 1 โตโยต้า      1,770 คัน     ลดลง 35.8%    ส่วนแบ่งตลาด 39.5%

    อันดับที่ 2 อีซูซุ           1,320 คัน      ลดลง 52.3%    ส่วนแบ่งตลาด 29.5%

    อันดับที่ 3 ฟอร์ด           1,067 คัน   ลดลง 31.8%    ส่วนแบ่งตลาด 23.8%

    อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ         239 คัน      ลดลง 61.4%    ส่วนแบ่งตลาด   5.3%

    อันดับที่ 5 นิสสัน            84 คัน       ลดลง 30.0%    ส่วนแบ่งตลาด   1.9%

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts