หลังจากเปิดตัวและเปิดราคาพิเศษ 500 คัน สำหรับ GWM TANK 500 Diesel พลังใหม่ 2.4 ลิตร จนยอดจองทะลุเป้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด GWM ประกาศปรับขึ้นราคาจำหน่าย GWM TANK 500 Diesel พีพีวีรุ่นใหญ่พร้อมรูปทรงทรงพลังบึกบึน แกร่ง มาพร้อมรุ่นพิเศษ Black Warrior ชุดแต่งดำทั้งคันตั้งแต่หัวจรดท้าย ขึ้นจากเดิม 50,000 บาท ยกเว้นรุ่น 2.4T PRO ยังคงราคาพิเศษ 1,399,000 บาท (ปกติ 1,449,000 บาท) มีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป ดังนี้
- รุ่น 2.4T ULTRA ราคา 1,549,000 บาท (จากเดิม 1,499,000 บาท)
- รุ่น 2.4T ULTRA 4WD ราคา 1,649,000 บาท (จากเดิม 1,599,000 บาท)
- รุ่น 2.4T ULTRA Black Warrior ราคา 1,579,000 บาท (จากเดิม 1,529,000 บาท)
- รุ่น 2.4T ULTRA 4WD Black Warrior ราคา 1,679,000 บาท (จากเดิม 1,629,000 บาท)
หน้าตาไม่ต่างจากรุ่นไฮบริด
- กระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK ที่ลงตัวรับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรงไฟหน้า
- Intelligent LED ดีไซน์โดดเด่นด้วยระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติและฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow me home) พร้อม Daytime Running Light
- ไฟตัดหมอกหน้า LED
- ด้านข้างตกแต่งหรูด้วยกรอบโครเมียมที่กระจก
- กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ปรับ-พับด้วยระบบไฟฟ้า
- ที่เปิดประตูแบบดึงก้าน
- บันไดข้างเป็นแบบขึ้นรูปแบบตายตัวจากเดิมจะเป็นบันไดข้างไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชัน เปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด-ปิดประตู
- หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ เปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
- ราวหลังคา
- เสาอากาศแบบ shark fin
- ประตูท้ายเปิดบานเดียวใหญ่แบบ horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้าช่วยผ่อนแรง พร้อมกล้องมองหลัง
- ไฟท้าย Vertical LED ดีไซน์แนวตั้ง
- ไฟเบรกดวงที่ 3 ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED พร้อมสปอยเลอร์ท้าย
- ยางอะไหล่ย้ายตำแหน่งไปที่ใต้ท้องรถ
- ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 แบบ Westlake ในรุ่น Pro
- ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง Continental ขนาด 265/50 R20 ในรุ่น Ultra และ Ultra 4WD
มิติตัวรถกว้างขวาง ถูกออกแบบมาอย่างลงตัวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถพัฒนาบนโครงสร้างแชสซีแบบตัวถังวางบนเฟรม (Body-on-Frame) ที่ออกแบบขึ้นเฉพาะสำหรับรถยนต์ในตระกูล GWM TANK มอบความแข็งแกร่งเหนือระดับ มิติตัวรถตั้งแต่
- ความยาว 4,886 มิลลิเมตร (ลดลง 192 มิลลิเมตร)
- ความกว้าง 1,934 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,905 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 224 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,585-2,635 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 78 ลิตร (เพิ่มจากเดิม 3 ลิตร)
ภายในหรูหราใส่ใจในทุกรายละเอียด
- หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้วในรุ่น Pro และขนาด 14.6 นิ้ว ในรุ่น Ultra รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay Android Auto MP5 Bluetooth ระบบนำทาง
- หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่พร้อมมาตรวัดดิจิทัล TFT (TFT Digital Driving Display) ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า
- ลำโพงจาก Infinity มาเป็นแบรนด์ Amor จำนวน 12 ลำโพง ระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระ และระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถในรุ่น Ultra และ Ultra 4WD กับ 8 จุดในรุ่น Pro
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับได้แบบ 4 ทิศทางปรับด้วยระบบธรรมดาจากเดิมเป็นปรับไฟฟ้า ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ที่พวงมาลัย
- ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient Light พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสีและเป็นจังหวะช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้คุณเพลิดเพลิน
- นาฬิกาแบบคลาสสิก
- เปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากรถ
- ระบบกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start
- ปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา-หลัง รวม 3 โซน พร้อมระบบกรองอากาศ N95
- ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย 50W พร้อมพอร์ต Type-A/C ด้านหน้า และ Type-A ด้านหลัง
- ระบบเบาะระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและแถวสอง
- การตกแต่งด้วยวัสดุสี Black, Silver, Piano Black, Chrome โทนสีภายในสีดำ
เบาะนั่งทั้ง 7 ที่นั่งหุ้มหนัง NAPPA ปรับไฟฟ้าคู่หน้าพร้อมระบบเบาะนวดและดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และ Welcome Seat เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ
เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 ปรับการใส่วัสดุโฟม เพื่อเพิ่มความนุ่มสบายในการนั่งให้มากยิ่งขึ้น พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศและเบาะระบายอากาศอีกระดับของความสบายด้วยที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 พร้อมพนักพิงปรับด้วยมือไม่พับไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกด้วยตำแหน่งปรับพนักพิงบริเวณข้างประตูผู้โดยสารแถวที่ 2 และประตูท้าย
พื้นที่ห้องโดยสารมีที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับเรียบแบบ 50:50 รองรับปริมาณสัมภาระสูงสุด 795 ลิตร ช่วยเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ
ขุมพลังใหม่
ด้วยดีเซลเทอร์โบแปรผันขนาด 2.4 ลิตร ในรหัส GW4D24 (E24D) ให้กำลังถึง 184 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 480 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที มาพร้อมกับเทคโนโลยีเทอร์โบแปรผัน (VGT) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Electronic Shifter มีช่วงอัตราทดเกียร์ที่กว้างถึง 8.843 ทำให้รถสามารถเปลี่ยนเป็นเกียร์ 9 ได้ที่ความเร็วเพียง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part Time 8 โหมดการขับขี่ได้แก่ โหมด 2H, โหมด 4H, โหมด 4L, โหมดพื้นหิมะ, โหมดพื้นโคลน, โหมดพื้นทราย, โหมดพื้นหิน และโหมดผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับทุกสภาพเส้นทางทั้งบนถนนและออฟโรดอย่างมั่นใจ (เดิม 11 โหมด AWD) ครั้งแรกของโลกกับการเพิ่มรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมดทั้ง โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด
พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าแปรผันตามความเร็วช่วยผ่อนแรงได้ 3 ระดับ (เบา/สบาย/สปอร์ต) ระบบสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ (Double-Wishbone) ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ มอบความแม่นยำในการควบคุมทิศทางช่วยสร้างสมดุลระหว่างสมรรถนะการควบคุมและความนุ่มนวลในการขับขี่อย่างลงตัว
สามารถลุยน้ำที่ระดับความลึก 800 มิลลิเมตร เพรียบพร้อมไปด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดอันชาญฉลาดและล้ำสมัย ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น
- ล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Front and Rear Differential Lock)
- ช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road (Offroad Cruise Control)
- ตรวจจับความลึกของน้ำ (Wading Depth Detection)
- แสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent)
ยิ่งไปกว่านั้นมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยด้วยการขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+ (Level L2+ Automated Driving) มีมากมาย ให้ทุกการเดินทางปลอดภัยไร้กังวล ได้แก่
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Full-speed Range ACC) รองรับความเร็ว 0-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- เตือนการชนด้านหน้า (FCW) Forward Collision Warning
- ช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน (LKA) Lane Keeping Assist
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) Traffic Jam Assist
- ควบคุมอัจฉริยะบนทางด่วน (HWA) Highway Assist
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) Lane Departure Warning
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) Emergency Lane Keeping
- ช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (MEB) Mild Off-Road Braking
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) Rear Cross-Traffic Alert (เฉพาะรุ่น Ultra และ Ultra 4WD)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) Rear Cross-Traffic Braking (เฉพาะรุ่น Ultra และ Ultra 4WD)
- ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA) Lane Change Assist (เฉพาะรุ่น Ultra และ Ultra 4WD)
- ช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP)
- ช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA)
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 540 องศา แสดงภาพรอบคันแบบเรียลไทม์ เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่และจอดรถ
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI)
- ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
- ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)
- ช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM)
GWM TANK 500 Diesel สานต่อความสำเร็จในไทยมีสีภายนอก 3 สี สีขาว Hamilton White สีดำ Sun Black (เฉพาะรุ่น Black Warrior) และสีเทา Crystal Gray