OMODA&JAECOO พร้อมแล้วที่จะเผยเอสยูวีไฟฟ้ามาดลุยรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการกับ JAECOO 6T พื้นฐานเดียวกับ JAECOO 6 EV

โดยการเปิดตัว JAECOO 6T พร้อมเปิดราคาจำหน่ายที่งาน Motor Expo 2025 ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้

ภายนอกต่างจาก JAECOO 6 EV
หน้าตาที่เปลี่ยนไปจากเดิมตั้งแต่บังโคลนหน้าซ้าย-ขวาดีไซน์เหลี่ยมตีโป่งและบึกบึนกว่า พร้อมช่องระบายอากาศแนวตั้ง ออกแบบกระจังหน้าทรงทึบใหม่ ออกแบบกันชนหน้าใหม่กลมกลืนกับชุดบังโคลนหน้าพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED ช่องระบายอากาศแนวตั้งข้างๆชุดไฟหน้า บังโคลนหลังดีไซน์หนาขึ้นกลมกลืมกับบังโคลนหน้า กันชนหลังใหม่ พร้อมกล่องขนาดเล็กลงเก็บสัมภาระในตำแหน่งเดียวกับที่ห้อยยางอะไหล่สไตล์รถลุยยุค 90
ทุกอย่างยกมาจาก JAECOO 6 ทั้งไฟหน้าดีไซน์ยูคว่ำประกบด้วยชุดไฟหน้า LED แบบ Matrix Adaptive ขนาดเล็ก มีไฟแนวตั้งแบบ DRL LED สองข้างรับกับกันชนหน้าสีดำเข้ม พร้อมไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ด้านข้างมีความคล้ายกับ Land Rover Defender นอกจากบังโคลนใหม่แล้วยังมีที่เปิดประตูเรียบเนียนกับตัวรถ

หลังคารถสีดำพร้อมราวหลังคาและดีไซน์เสา A-D เน้นความเหลี่ยมและหนักแน่นสร้างความโดดเด่นและดุดันให้กับตัวรถ ไฟท้าย LED พร้อมไฟตัดหมอกหลัง แนวตั้งพร้อมฝาท้ายเปิดบานใหญ่แบบเปิดด้านข้างแต่ไม่มีฟังก์ชันปิดประตูด้วยระบบดูดไฟฟ้า และล้ออัลลอยทูโทนสีดำโครเมียมขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 245/55 R19
ตัวรถมีขนาดใหญ่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับ JAECOO 6 ทรงกล่อง 5 ประตูจากแพลตฟอร์ม i-MS Platform โดยโครงสร้างตัวรถแบบเหล็กและอะลูมีเนียม ตั้งแต่
- ความยาว 4,433 มิลลิเมตร (เดิม 4,406 มิลลิเมตร)
- ความกว้าง 1,916 มิลลิเมตร (เดิม 1,910 มิลลิเมตร)
- ความสูง 1,741 มิลลิเมตร (เดิม 1,715 มิลลิเมตร)
- ฐานล้อ 2,715 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 1,914 กิโลกรัม
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 225 มิลลิเมตร (เดิม 195 มิลลิเมตร)
ภายในคล้าย JAECOO 6 EV
แต่ปรับเล็กน้อยเริ่มที่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน เปลี่ยนมาใช้โลโก้ตัวอักษรแทนตัว i ออกแบบหนังสัมผัสใหม่รูปตัวยูที่แผงคอนโซลหน้า นอกนั้นเดิมๆทั้งคอนโซลหน้าทรงถึกสี่เหลี่ยมพร้อมออปชันเด่นทั้ง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านทรงท้ายตัด มาตรวัดดิจิทัล LCD ลดขนาดมาเป็น 9.2 นิ้ว
จอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้วประมวลแม่นยำด้วยชิฟ Qualcomm Snapdragon 8155 ห้องโดยสารนั่งสบายพร้อมไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารหรือ Ambient Light 64 สี ทีชาร์จมือถือไร้สาย 50 W เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อมลำโพง 12 จุดรอบคันจาก Infinity
ภายในส่วนกลางบริเวณที่พักแขน (Armrest) ที่มีพื้นที่จัดเก็บของภายในมากมาย พร้อมทั้งยังถูกออกแบบมาให้ช่วยลดความรู้สึกของระยะห่างระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้าอีกด้วย แผงประตูยังมีการออกแบบที่กระชับมั่นคง ด้วยมือจับประตูไฟฟ้าแบบซ่อนด้วยสีทูโทนที่เรียบหรู สวิตช์กระจกอิเล็กทรอนิกส์และมือจับประตูภายในที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านความปลอดภัยไปพร้อมกับความฉลาดล้ำของผู้ขับขี่รุ่นใหม่ พร้อมลำโพง 12 จุดรอบคันจาก Infinity

รองรับการขับขี่ออฟโรดด้วยวัสดุภายในที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและให้ความรู้สึกสบายสำหรับผู้ขับขี่ มาพร้อมกับเบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าด้านคนขับปรับ 6 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะที่นั่ง (Memory seat)และคนนั่งปรับได้ 4 ทิศทาง
มีฟังก์ชันเพิ่มเติมมากมายระดับเฟิร์สคลาสที่ช่วยเพิ่มความสะดวกอาทิ ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะที่นั่ง (Memory seat) ระบบรองน่องปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง (4-Way Electric Leg support)
ระบบปรับอุณหภูมิของเบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าของรถ ที่สามารถช่วยระบายอากาศเพิ่มความสบายขณะขับขี่ในทุกสภาพอากาศ รองรับการขับขี่ออฟโรดด้วยวัสดุภายในที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและให้ความรู้สึกสบายสำหรับผู้ขับขี่ ด้านเบาะหลังพับได้แบบ 60/40 มีพื้นที่ด้านท้าย 450 ลิตร

ขุมพลังไฟฟ้าขายรุ่นขับสี่
สเปกไทยนำขุมพลังเดียวกับ JAECOO 6 EV รุ่น Long Range 4WD มาประจำการด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่เพิ่มมอเตอร์ล้อหน้าเข้ามา 95 แรงม้า แรงบิด 165 นิวตันเมตร ผสมกับมอเตอร์ล้อหลัง 184 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกัน ให้กำลังรวม 279 แรงม้า แรงบิด 385 นิวตันเมตร จากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 69.77 kWh ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ในระยะเวลา 6.5 วินาที วิ่งได้ไกลสุด 418 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC หรือ 364 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พร้อมโหมดการขับขี่ iWD intelligent electric 4-wheel drive ทั้งโหมด 9 โหมดไม่ว่าจะเป็น โหมดประหยัด ECO, โหมดทั่วไป Normal, โหมดสปอร์ต Sport, โหมดคัสตอม Custom รวมโหมดลุยอีก 5 โหมดได้แก่ โหมด All Road, โหมดลื่น Slippery, โหมดทราย Beach (Sand) ,โหมดโคลน Muddy, โหมดหลุมบ่อ Bumpy
ชาร์จได้ 2 รูปแบบทั้งชาร์จกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 80 kW 30-80% ชาร์จภายใน 28 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kW รองรับการจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด V2L ขนาด 3.3 kW
ลุยน้ำได้สูงสุด 625 มิลลิเมตร ด้วยมุม Approach Angle หรือมุมเงย 27 องศา และมุม Departure angle หรือมุมจาก 31 องศา ลดลงจาก JAECOO 6 EV เล็กน้อย ทำให้ผ่านอุปสรรคได้ง่ายๆทุกสถานีที่ขับกับวงล่างอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงก์ สามารถรองรับทุกรูปแบบ พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ไม่ว่าจะเป็น

- เตือนการออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ป้องกันการออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน BSM (Blind Spot Monitoring)
- เตือนการชนด้านหน้า FCW (Front Forward Collision Warning)
- หยุดรถอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Brake)
- เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ FDA (Front Departure Alert)
- ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (TRAFFIC JAM ASSIST)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS (Lane Keep Assist System)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน จำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISL (Intelligent Speed Limiter)
- ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- อ่านป้ายจราจร TSR (Traffic Sign Recognition)
ตัดระบบ เตือนก่อนเปิดประตูรถ DOW (Door Open Warning) ช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (EMERGENCY LANE KEEPING ASSIST) ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCW (Lane Change Warning เตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning) และ ช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
กล้องมองภาพรอบคัน 540 องศา กล้องบันทึกภาพแบบ built-in เซนเซอรช่วยจอดรถด้านหน้าและด้านหลัง ระบบเบรก ABS กระจายแรงเบรก EBD ช่วยเบรก BAS ลดกำลังขับเคลื่อนเพื่อช่วยเบรก BOS ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP ป้องกันล้อหมุนฟรี TCS รักษาเสถียรภาพการทรงตัว เบรกแบบนุ่มนวล CST เบรกสร้างพลังานคืน CRBS ออกตัวบนทางลาดชัน HAC ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC ตรวจสอบแรงดันลมยาง TPMS ถุงลมนิรภัยรอบคัน

ด้านราคาจำหน่ายจะโดนใจสาวกอีวีมากน้อยแค่ไหนนั้นพบกันที่งาน Motor Expo 2025 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคมที่อิมแพ็คชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ส่วนรีวิวทดลองขับ JAECOO 6T สเปกไทย ติดตามได้เร็วๆนี้ที่ Car2Day












