รถที่จมน้ำ จนเสียหายทั้งคันหลายคนอาจต้องเผชิญกับกระบวนการที่เรียกว่า คืนซาก หรือ Total Loss ซึ่งหมายความว่าความเสียหายรุนแรงเกินกว่าจะซ่อมให้กลับมาใช้งานได้ ในช่วงที่กำลังมีการจัดการเรื่องประกัน เจ้าของรถอาจได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วนเกี่ยวกับตัวเลข ‘70% และ 100%’ ที่มักถูกเข้าใจผิด
วันนี้ car2day ได้สรุปประเด็นสำคัญและขอแนะนำขั้นตอนจัดการหนี้ไฟแนนซ์อย่างเป็นระบบดังนี้
1) ทำความเข้าใจตัวเลข 70% กับ 100% ของทุนประกัน
ตามหลักเกณฑ์ประกันภัย ตัวเลข 70% ถูกใช้เพื่อ ประเมินระดับความเสียหายของรถที่จมน้ำ ว่าเข้าข่าย “ไม่คุ้มค่าซ่อม” หรือไม่ ซึ่งไม่ได้หมายถึงจำนวนเงินที่บริษัทประกันจะจ่ายให้เจ้าของกรมธรรม์ในกรณีรถเสียหายหนัก
หากประเมินแล้วพบว่า ค่าซ่อมเกินกว่า 70% ของทุนประกัน บริษัทประกันมีสิทธิ์ตีรถว่าเป็น เสียหายสิ้นเชิง (Total Loss) เมื่อมีการสรุปว่าเป็น Total Loss บริษัทประกันต้องจ่ายเงินคืน 100% ของทุนประกัน (ตามที่ระบุไว้ในหน้าตารางกรมธรรม์)
ดังนั้น หากมีเจ้าหน้าที่แจ้งว่า “เคสนี้จ่ายให้ได้แค่ 70% ของทุนประกัน”
ถือเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์การชดเชยในกรณีเสียหายสิ้นเชิง เจ้าของกรมธรรม์มีสิทธิ์สอบถามหรือขอคำยืนยันจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น คปภ.
2) ทุนประกันอาจไม่พอปิดยอดไฟแนนซ์
ถึงแม้ประกันจะจ่ายเต็ม 100% ของทุนประกัน แต่ในความเป็นจริงทุนประกันมักจะต่ำกว่าราคารถและยอดหนี้ที่ยังคงค้างอยู่ เพราะทุนประกันถูกกำหนดตามราคาตลาดของรถในแต่ละปี ไม่ใช่ราคารถตอนซื้อ เมื่อเวลาผ่านไปมูลค่ารถลดลง ทุนประกันจึงลดลงตามไปด้วย
ตัวอย่างเช่น หากราคารถตอนซื้ออยู่ที่ 1,000,000 บาท บริษัทประกันอาจกำหนดทุนประกันไว้ประมาณ 80% หรือราว 800,000 บาท ขณะที่ยอดหนี้ไฟแนนซ์คงเหลืออาจอยู่ที่ 950,000 บาท เมื่อ รถจมน้ำ ถูกประเมินว่าเสียหายสิ้นเชิงและต้องคืนซาก บริษัทประกันจะจ่ายเช็ค 800,000 บาทให้ไฟแนนซ์ตามสิทธิผู้รับประโยชน์ แต่ยอดหนี้ที่คงเหลืออีก 150,000 บาท เจ้าของรถยังต้องรับผิดชอบชำระเอง
ผลลัพธ์คือ เจ้าของกรมธรรม์อาจต้องแบกรับหนี้ส่วนต่าง แม้รถจะไม่เหลือให้ใช้งานแล้วก็ตาม ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ผู้ใช้รถจำนวนมากไม่ทันคาดคิดล่วงหน้า
3) วิธีจัดการส่วนต่างหนี้ไฟแนนซ์
หากยอดหนี้คงเหลือสูงกว่าจำนวนเงินที่ประกันจ่ายให้ ยังมีวิธีลดภาระหรือปิดบัญชีให้จบได้โดยไม่หนักเกินไป โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
-
Step 1: ขอยอดปิดบัญชีจากไฟแนนซ์
ยอดหนี้ที่พบจากใบแจ้งหนี้หรือในแอปมักเป็นยอดที่รวมดอกเบี้ยตลอดสัญญาไว้ เมื่อขอปิดบัญชีล่วงหน้า ไฟแนนซ์จะหักดอกเบี้ยส่วนที่ยังไม่ถึงกำหนดออก ทำให้ยอดปิดบัญชีจริงจะน้อยกว่ายอดหนี้ที่แสดงในระบบ จุดสำคัญคือต้องขอเป็นยอด ปิดบัญชีวันนี้ ไม่ใช่ ยอดผ่อนสะสม
-
Step 2: เจรจาลดส่วนต่าง (Haircut)
เมื่อประกันจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้ไฟแนนซ์แล้ว เงินต้นส่วนใหญ่ถูกชำระไปเรียบร้อย ทำให้ไฟแนนซ์มีโอกาสพิจารณาลดส่วนต่างหนี้ได้ กรณีที่เคยพบ ไฟแนนซ์ยอมลดหนี้บางส่วน หรือในบางกรณีอาจยกหนี้ส่วนต่างทั้งหมดเพื่อให้ปิดบัญชีได้รวดเร็ว โดยทั่วไปไฟแนนซ์มักเลือกแนวทางนี้ เพราะสะดวกและมีต้นทุนต่ำกว่าการเปิดคดีฟ้องร้องลูกหนี้ที่อาจมีความสามารถชำระจำกัด
-
Step 3: ขอคืนเบี้ยประกัน
เมื่อมีการคืนซาก กรมธรรม์จะสิ้นสุดลงทันที เจ้าของกรมธรรม์มีสิทธิ์ขอคืนเบี้ยประกันตามส่วนของระยะเวลาที่เหลือ แม้จะเป็นจำนวนไม่มาก แต่ถือเป็นสิทธิ์ที่ควรได้รับคืน
ข้อสำคัญห้ามหยุดผ่อนค่างวดระหว่างรอการคืนซาก
ระหว่างที่รอประกันดำเนินการ หากหยุดผ่อนค่างวด จะเกิดผลเสียหลายอย่าง เช่น
- ค่าเบี้ยปรับล่าช้า
- ค่าทวงถาม
- ประวัติในเครดิตบูโรเสีย
ผลกระทบเหล่านี้อาจสร้างภาระในระยะยาวมากกว่าหนี้ส่วนต่างด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงควรผ่อนตามปกติจนกว่ากระบวนการคืนซากและการปิดบัญชีจะเสร็จสิ้น
อย่างไรก็ตาม การเข้าใจโครงสร้างทุนประกันและยอดหนี้ไฟแนนซ์ จะช่วยให้เจ้าของรถวางแผนได้อย่างรอบคอบยิ่งขึ้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จะได้พร้อมรับมือสถานการณ์นั้นได้อย่างมั่นใจ และลดโอกาสเสียเปรียบที่อาจเกิดขึ้นตามมา
ข้อมูลจาก: ทนายนอกศาล
ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่:car2day.com










