Max Verstappen คว้าชัยชนะแรกของฤดูกาล 2022 มาได้ หลังจากดวลเดือดกับ Charles Leclerc คู่แข่งจากสังกัด Ferrari
Verstappen เฉือนเข้าเส้นชัยก่อน Leclerc ไปเพียงครึ่งวินาที หลังจากที่ไล่พยายามแซงนักแข่งจากโมนาโคอยู่ถึง 3 ครั้งและทำสำเร็จในที่สุด ในขณะที่คู่หู Ferrari ขึ้นโพเดียมในอันดับ 2 และ 3
ในช่วงสตาร์ท Sergio Perez ผู้ที่ได้โพลออกสตาร์ทขึ้นนำไปก่อน โดยที่มี Leclerc ไล่ตามมา ส่วน Verstappen นั้นอยู่ในอันดับ 3
Perez นั้นเป็นผู้นำอยู่หลายรอบจนกระทั่งจุดเปลี่ยนมาถึง เมื่อนักแข่งเม็กซิกันตัดสินใจทำอันเดอร์คัทเข้าพิท ซึ่งทำให้ Leclerc ที่ตามมาอยู่วิกว่าๆ นั้นตัดสินใจไม่เข้าพิทเพื่อให้เกิดกลยุทธ์ที่แตกต่าง อย่างไรก็ตามหลังจากที่นักแข่งเม็กซิกันเข้าพิทไปเพียงแค่ครู่เดียว Nicholas Latifi ก็ได้พารถ Williams ของเขาเข้าไปจูบกำแพงและเรียกเซฟตี้คาร์ออกมา ทำให้เป็นโอกาสเหมาะที่ Leclerc จะเข้าพิท ซึ่งแน่นอนว่า Ferrari ได้เรียกนักแข่งโมเนแกสเข้าพิทไปและออกมาอยู่หน้า Perez
Perez นั้นสูญเสียอันดับจากเซฟตี้คาร์ไปถึง 2 อันดับ เมื่อ Verstappen เพื่อนร่วมทีมของเขาก็แซงผ่านนักแข่งเม็กซิกันจากการเข้าพิทในช่วงเซฟตี้คาร์ขึ้นมาได้ด้วย ก่อนที่เขาจะต้องเสียไปอีกอันดับเมื่อ Carlos Sainz ออกจากพิทมาตัดเส้นเซฟตี้คาร์ก่อน ซึ่งถึงแม้ว่า Perez จะเร่งเครื่องขึ้นมาอยู่หน้านักแข่งสแปนิชได้ แต่ทางทีมได้ส่งข้อความให้ Perez คืนตำแหน่งให้กับ Sainz ไป ทำให้เมื่อรีสตาร์ท Perez ต้องเสียไปอีกตำแหน่ง
ในช่วงก่อนหน้านี้ความสนใจทั้งหมดของผู้ชมนั้นตกไปอยู่กับคู่หูจาก Alpine เมื่อนักแข่งทั้งสองจากค่ายฝรั่งเศสสลับอันดับขึ้นลงกันอยู่หลายรอบ ต้องขอบคุณกฎใหม่ที่ทำให้รถจี้ท้ายกันได้มากขึ้น ทำให้เราได้เห็นการดวลกันระหว่างคู่หูในทีม
An inch-perfect fight between @alo_oficial and @OconEsteban 😱#SaudiArabianGP #F1 pic.twitter.com/O3i4Caa7Mc
— Formula 1 (@F1) March 28, 2022
นักแข่งในรถสีชมพูขับเคี่ยวกันอยู่หลายรอบ จนกระทั่งพวกเขาถูกสั่งให้รักษาตำแหน่งเนื่องจากรถที่ไล่หลังมาเกือบที่จะหาช่องแซงพวกเขาทั้งคู่ขึ้นไปได้ Alonso จึงมีโอกาสที่จะเริ่มดึงระยะห่างออกไปจาก Ocon
กลับมาที่กลุ่มนำ ตอนนี้ Verstappen ขยับเข้ามาใกล้ท้ายรถ Leclerc มากขึ้นทุกขณะ จนกระทั่งแชมป์โลกชาวดัตช์ได้ใช้ DRS แซงขึ้นมาก่อนเข้าโค้งสุดท้าย แต่นักแข่งโมเนแกสแซงกลับขึ้นมาได้จากการใช้ DRS ก่อนเข้าโค้ง 1
ความพยายามครั้งที่ 2 Verstappen เข้าใกล้ Leclerc มาทุกขณะช่วง DRS ก่อนโค้งสุดท้าย Leclerc พยายามจะเบรกเพื่อให้ Verstappen ตัดเส้นก่อน แต่นักแข่งดัตช์กระทืบเบรกตามไม่ยอมตัดเส้นก่อน นักแข่งโมเนแกสเลยกระทืบคืนเร่งฉีกออกไปจากโค้งสุดท้าย และป้องกันตำแหน่งของตัวเองไว้ได้ที่โค้งแรก
Verstappen ยังคงไม่ยอมแพ้ และครั้งนี้เขาทำสำเร็จ นักแข่งดัตช์ได้ DRS และขึ้นมาตีคู่ Leclerc ก่อนที่จะปาดแซงเข้าโค้ง 1 ไปได้ก่อน
How good was Max vs. Charles?! #SaudiArabianGP #F1 pic.twitter.com/e0Tdl9Kpm5
— Formula 1 (@F1) March 27, 2022
ทางด้าน Leclerc แม้จะถูกแซงไปแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ เจ้าตัวยังสามารถเกาะท้ายรถนักแข่งดัตช์และสร้างความกดดันได้เรื่อยๆ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถหาช่องแซงกลับขึ้นไปได้ จบการแข่งขัน Verstappen จึงเป็นฝ่ายชนะไป ตามมาด้วย Leclerc
อันดับ 3 ตกเป็นของ Sainz เพื่อนร่วมทีมของ Leclerc และ Perez ที่เข้าพิทผิดจังหวะร่วงลงมาอยู่อันดับ 4
อันดับ 5 ตกเป็นของ George Russell ที่แซง Esteban Ocon ขึ้นมาได้ตั้งแต่ช่วงต้นการแข่งขัน และรักษาตำแหน่งตัวเองไว้ได้อย่างเหนียวแน่น Ocon ตามมาจบการแข่งขันในอันดับ 6 ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมสังกัด Alpine ของ Ocon อย่าง Fernando Alonso ที่ทำอันดับขึ้นมาได้ถึงอันดับ 6 จากการสตาร์ทในกริดที่ 7 ต้องออกจากการแข่งขันจากปัญหาเครื่องยนต์
Lando Norris เก็บแต้มแรกให้กับ McLaren ได้จากการจบการแข่งขันในอันดับ 7 โดยนักแข่งสหราชอาณาจักรฯ มีการต่อสู้แย่งชิงอันดับ 6 ในช่วง 3 รอบสุดท้ายกับ Ocon อย่างดุเดือด ส่วน Pierre Gasly จบการแข่งขันในอันดับ 8 ซึ่งเจ้าตัวรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก เพราะเขารู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรงและได้จบการแข่งขันเสียที นอกจากนั้นมันยังเป็นการกลับมาเก็บแต้มได้ครั้งแรกของนักแข่งเฟรนช์ หลังจากที่เขามีปัญหากับเครื่องยนต์ในการแข่งขันสนามก่อนหน้าที่บาห์เรน
Norris and Ocon battled to the finish line 🏁#SaudiArabianGP #F1 pic.twitter.com/vW3g86IRuk
— Formula 1 (@F1) March 27, 2022
Kevin Magnussen ยังคงเก็บแต้มให้กับ Haas ได้ติดต่อกันเป็นสนามที่ 2 เจ้าตัวจบการแข่งขันในอันดับ 9 เหนือกว่า Lewis Hamilton แชมป์โลก 8 สมัย ในสังกัด Mercedes ที่เข้ามาเป็นอันดับ 10
สนามนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเลยทีเดียวที่เราเห็นรถไม่จบการแข่งขันมากมายจากปัญหาทางเทคนิค Valtteri Bottas, Daniel Ricciardo, Fernando Alonso, และ Yuki Tsunoda ต่างมีปัญหากับเครื่องยนต์ โดยเฉพาะในรายของนักแข่งญี่ปุ่นนั้นเขาไม่ได้แม้แต่จะสตาร์ทการแข่งขันเสียด้วยซ้ำ ส่วน Latifi และ Alex Albon เกิดอุบัติเหตุจนไปไม่ถึงเส้นชัย อย่างไรก็ตาม Albon นั้นวิ่งได้จำนวนรอบมากพอที่จะยังถือว่าจบการแข่งขัน โดยนักแข่งไทยจบการแข่งขันในอันดับ 14
อ้างอิง : motorsport.com