หลังจากที่ Formula 1 ได้ทำการอนุมัติกฎเครื่องยนต์ในปี 2026 ไปเป็นที่เรียบร้อย นอกจากมันจะทำให้ค่ายผู้ผลิตเครื่องยนต์ในปัจจุบันได้เห็นแนวทางการออกแบบที่ชัดเจนแล้ว มันยังช่วยเคลียร์เส้นทางในการเข้าร่วมวงการ F1 ของทั้ง Porsche และ Audi อีกด้วย
Porsche นั้นกำลังอยู่ในระหว่างกระบวนการซื้อหุ้นภายในทีมแข่ง Red Bull เพื่อพัฒนาเครื่องยนต์ร่วมกับแผนกระบบส่งกำลังใหม่ของทีมแข่งจากออสเตรีย ในขณะที่ Audi ได้หันเหความสนใจในการเข้าซื้อกิจการทีมแข่ง McLaren ไปเป็น Sauber หรือทีมแข่ง Alfa Romeo แทน
ทางด้าน FIA ที่ได้อนุมัติกฎใหม่ด้านเครื่องยนต์ในปี 2026 หลัก ๆ แล้วเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้จะใช้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืน 100 เปอร์เซ็นต์ นั่นหมายความว่ามันจะไม่มีการปลดปล่อยคาร์บอนใด ๆ ออกมาจากท่อไอเสียของรถเลย
ในส่วนของอัตราการไหลของเชื้อเพลิงนั้นจะถูกจำกัดด้วยพลังงาน แทนที่จะเป็นมวลหรือปริมาตร และการพัฒนาส่วนครึ่งล่างของเครื่องยนต์ (บล็อกเครื่องยนต์, เพลาข้อเหวี่ยง, ก้านสูบ, ปั๊ม, และ ส่วนเสริมต่าง ๆ) จะถูกจำกัด
ค่ายผู้ผลิตเครื่องยนต์จะมีอิสระมากขึ้นในการพัฒนาส่วนครึ่งบนของเครื่องยนต์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงใหม่
MGU-H นั้นถูกตัดออกจากเครื่องยนต์ตามคาด และภายในเครื่องยนต์จะมีการจำกัดการใช้วัสดุที่แปลกใหม่ราคาแพงสำหรับการออกแบบ แน่นอนว่าทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อลดค่าใช้จ่าย
การตัด MGU-H ที่ซับซ้อนออก ถือเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญต่อการดึงดูดค่ายผู้ผลิตรายใหม่ เนื่องจากมันจะช่วยลดข้อได้เปรียบสำหรับค่ายผู้ผลิตที่มีประสบการณ์ในการใช้เทคโนโลยีใน F1 แล้ว
นอกจากนั้น ค่ายผู้ผลิตหน้าใหม่ยังได้รับสัมปทานภายในการจำกัดค่าใช้จ่ายของเครื่องยนต์ ซึ่งมันถูกตั้งจำนวนไว้ที่ 95 ล้าน เหรียญสหรัฐ ในปี 2023 – 2025 และ 130 ล้าน เหรียญสหรัฐ นับจากปี 2026 ซึ่งเป็นปีที่ริเริ่มใช้เครื่องยนต์แบบใหม่ โดยค่ายน้องใหม่จะได้รับอนุญาตให้ใช้เงินเพิ่มอีก 10 ล้าน เหรียญสหรัฐ สำหรับ 2 ปีแรก และ 5 ล้าน เหรียญสหรัฐ ในปีที่สาม
อย่างไรก็ตาม สัมปทานสำหรับค่ายผู้ผลิตหน้าใหม่นี้ไม่ได้รับความนิยมในหมู่ค่ายผู้ผลิตในปัจจุบัน ซึ่งพวกเขารู้สึกว่าการตัด MGU-H ออกเป็นการให้สัมปทานแก่น้องใหม่ที่มากเพียงพอแล้ว
ขนาดมิติภายในเครื่องยนต์ เช่น ลูกสูบ จะถูกกำหนดให้มีความละเอียดมากกว่าแต่ก่อน และส่วนเสริมต่าง ๆ เช่น ท่อไอเสีย ซึ่งมักจะถูกเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้ง จะต้องมีอายุการใช้งานยาวนานเท่ากับตัวเครื่องยนต์
ถึงแม้ว่าจะมีการถอด MGU-H ออกไป แต่ตัวรถก็ไม่ได้มีกำลังที่หายไป เนื่องจาก MGU-K นั้นจะถูกเพิ่มกำลังขึ้นเป็น 350 กิโลวัตต์ จากเดิมที่มี 120 กิโลวัตต์
FIA ยังได้กล่าวว่า กฎใหม่เหล่านี้จะช่วยให้ F1 มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับเซลล์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ และ MGU-K ภายในระบบเก็บกู้คืนพลังงานที่ใช้ในรถบ้านมากยิ่งขึ้น และแผนผังโดยรวมของเครื่องยนต์จะถูกกำหนดอย่างเข้มงวดมากขึ้นเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสที่ค่ายผู้ผลิตเครื่องยนต์รายใดรายหนึ่ง จะพัฒนาข้อได้เปรียบอย่างที่ Mercedes เคยทำในช่วงต้นของยุคไฮบริด โดยการแยกเทอร์โบออกจากคอมเพรสเซอร์
นักแข่งจะถูกจำกัดการใช้ ICE และ ท่อไอเสีย อยู่ที่ 3 ชิ้น/ฤดูกาล ในขณะที่ ES และ MGU-K จะถูกจำกัดไว้ที่ 2 ชิ้น/ ฤดูกาล แต่ในปีแรกของการใช้กฎใหม่ พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ใช้ชิ้นส่วนเพิ่มอย่างละ 1 ชิ้น นอกจากนั้น ยังมีการจำกัดการใช้ไดโน เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
การทำงานกับเครื่องยนต์ในปัจจุบัน (ซึ่งสเปกถูกแช่แข็งไปเป็นส่วนใหญ่) จะไม่ถูกรวมเข้ากับการจำกัดงบประมาณ 95 ล้าน เหรียญสหรัฐ โดยการจำกัดนี้จะใช้กับปี 2023 – 2025
อ้างอิง : the-race.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
