ก่อนหน้านี้ Aston Martin เคยเผยโฉมรถคอนเซ็ปต์ Rapide E และ Lagonda Vision แล้ว ซึ่งทั้งสองควรจะเป็นหัวหอกในการผลักดันให้กับรถยนต์ไฟฟ้าของ Aston Martin แต่ทั้งสองโครงการถูกยกเลิกในที่สุด จนล่าสุดในปี 2023 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะขายรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์มากกว่าที่เคย และการทุ่มงบประมาณในการสร้างรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีการร่วมมือกับ Lucid ด้วย
รถยนต์ไฟฟ้าของ Astin Martin ในอนาคตจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและโมดูลแบตเตอรี่จาก Lucid โดยทาง มิสเตอร์ Lawrence Stroll ประธานของ Aston Martin บอกกับ Automotive News Europe ว่า มีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 4 รุ่นต่อไปจากนี้ โดยรุ่นแรกจะเปิดตัวในปี 2025 โดยมีภาพร่างการออกแบบอย่างเป็นทางการแต่ดูไม่ชัดเจนว่าจะมีรูปร่างลักษณะอย่างไร แต่ ANE เชื่อว่ามันแสดงถึงรถ SUV สไตล์คูเป้ รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังจะมาถึงเหล่านี้ล้วนเป็นส่วนเพิ่มเติมในกลุ่มผลิตภัณฑ์แทนที่จะแทนที่โมเดลเครื่องยนต์สันดาปที่มีขายอยู่ในปัจจุบัน
รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นใหม่จะได้รับการสนับสนุนจากสถาปัตยกรรมเฉพาะที่พัฒนาขึ้นภายใน Aston Martin ซึ่งแพลตฟอร์มโมดูลาร์นี้จะทำหน้าที่เป็นแกนหลักสำหรับรถ SUV, แกรนด์ทัวเรอร์, รถสปอร์ต และไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่ ภายในสิ้นทศวรรษนี้ Aston Martin ต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ในขณะเดียวกัน Valhalla จะกลายเป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรก ที่จะเปิดตัวในปี 2024 และในอีก 2 ปีต่อมา สายการผลิตทั้งหมดจะนำเสนอทั้งรุ่นไฮบริดและรุ่นไฟฟ้าล้วน
แม้ว่า Aston Martin และ Lucid จะประกาศความสัมพันธ์กันเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ Lawrence Stroll กล่าวว่า ทั้งสองบริษัทได้คุยกันมาประมาณหนึ่งปีแล้ว สำหรับสาเหตุที่แบรนด์ระดับไฮเอนด์ของอังกฤษตัดสินใจร่วมมือกับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในแคลิฟอร์เนีย ซึ่ง Lucid เป็นตัวแทนของเทคโนโลยีที่พัฒนาเต็มที่แล้วที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในตอนนี้ ด้วยระดับแรงม้าสูงสุดและความสูงของแบตเตอรี่ที่เล็กที่สุด
Lucid ซึ่งจะมีสัดส่วนการถือหุ้น 3.7% ใน Aston Martin ได้ออกแบบเทคโนโลยีสำหรับการตั้งค่ามอเตอร์สามตัว ใน Air Sapphire มูลค่า 249,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 8.76 ล้านบาท ฮาร์ดแวร์นี้มีกำลังมากกว่า 1,200 แรงม้า ซึ่งทำให้รถซีดานหรูขนาดใหญ่สามารถเร่งความเร็วได้ 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 1.89 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 200 ไมล์ต่อชั่วโมง
Lucid เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์หลายรายที่จัดหาชิ้นส่วนให้กับ Aston Martin ซึ่งโมเดลในอนาคตจะใช้เบาะนั่งและชิ้นส่วน HVAC จาก Geely ขณะที่ข้อตกลงกับ Mercedes ในการจัดหา AMG V8 เทอร์โบคู่ รวมถึงสถาปัตยกรรมไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าจะดำเนินต่อไป
Source: Motor1
