อยากได้รถจบในงานเดียวเป็นคำที่คุ้นหุ้นกันมากและคำนี้มักใช้งานขายรถยนต์รถจักรยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ในช่วงครึ่งปีหลังนั่นคืองาน Big Motor Sale 2022
หรืออีกชื่อคืองาน มหกรรมเปิดโลกยานยนต์ เดินหน้าสานต่อพันธกิจขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ประกาศพร้อมพลัสจับมือผู้ประกอบการค่ายรถคุณภาพ และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์มาตรฐานเยี่ยมเพื่อสร้างโอกาสผู้ซื้อพบผู้ขายแบบสุดคุ้มสนับสนุนให้ผู้บริโภคมีโอกาสได้เลือกซื้อยานยนต์ที่ถูกใจและคุ้มค่าโดยมีหลากหลายค่ายเข้ามาไม่ว่าจะเป็น BMW, HONDA, JEEP, KIA, MAZDA, MERCEDES-BENZ, MG, MINI, MITSUBISHI, NETA, NISSAN, PEUGEOT, SUBARU, SUZUKI, TOYOTA, VOLT และ VOLVO แน่นอนว่าทุกๆปีจะมีค่ายรถยนต์หลายค่ายใช้เวทีงานนี้เปิดตัวครั้งแรกในงานหรือเปิดตัวครั้งแรกในไทย กันมากมายปีนี้ก็เช่นกันทาง Car2Day จึงรวบรวมรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวครั้งแรกในงานกับรถใหม่ที่เปิดตัวก่อนหน้างานมาให้ชมเป็นน้ำจิ้มก่อนจะไปงานกันในวันพรุ่งนี้ (19 สิงหาคม) เริ่มจาก
HONDA
กลับมาอีกครั้งกับ Mini MPV ยกสูงแต่งลุยอย่าง Honda BR-V ที่ครั้งนี้มาในร่างเจเนอเรชันใหม่ดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม แข็งแกร่งสไตล์เอสยูวีและความอเนกประสงค์ไว้อย่างลงตัวพร้อมความสบายแบบ 7 ที่นั่งและออปชันเด่น กุญแจแบบ Smart Key ที่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมต (Remote Engine Start) และล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) กับ Push Start พร้อมขุมพลังเบนซิน I-VTEC 1.5 ลิตร L15ZF 121 แรงม้า แรงบิด 145 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์อัตโนมัติ CVT พัฒนาใหม่ มอบอัตราการประหยัดน้ำมัน 16.1 กม./ลิตร และมาตรฐานความปลอดภัยเหนือระดับ Honda Sensing โดยให้ทุกรุ่นย่อยทํางานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้าช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้ ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) โดยจะเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการที่งาน ราคาไม่เกิน 930,000-980,000 บาท
SUBARU
อีกหนึ่งค่ายที่ใช้งานนี้เปิดรถใหม่เป็นครั้งแรกของไทยกับ Subaru WRX เจเนอเรชันใหม่ที่มาทั้งแบบซีดานและสเตชันวาก้อน ข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงดินแดนสยามเมืองยิ้มเป็นที่เรียบร้อย แน่นอนว่าเจนใหม่นี้ยังคงสืบสานความเป็นรถแรงระดับโลกที่ครองใจชาซิ่งมายาวนานถึง 3 ทศวรรษ และเพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นรถยนต์ชั้นเยี่ยมที่ Subaru สั่งสมมานาน โดยเปิดตัวและประกาศราคาในงานเช่นเดียวกับ Honda BR-V เจนใหม่
MAZDA
มากันที่ค่ายรถยนต์จากเมืองฮิโรชิมาที่เปิดตัวไปแล้วกับ Mazda CX-8 Facelift ปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 3 ปี หล่อขึ้นสง่างามขึ้นในสไตล์ Kodo Design มาพร้อมสีใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz) พร้อมความสบายอันเป็นเอกลักษณ์กับ 3 แถว ที่เลือกได้ทั้งแบบ 6 ที่นั่ง Exclusive Captain Seat และ 7 ที่นั่ง พร้อมขุมพลัง SKYACTIV ทั้งเบนซินและดีเซลเทอร์โบ มั่นใจทุกการขับขี่ด้วยระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control Plus หรือ GVC Plus และเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense รอบคัน ในราคาเริ่มต้น 1.549-2.199 ล้านบาท
MG
ปีนี้พระเอกของค่าย MG ที่จะมาโชว์ในงานก็คงหนีไม่พ้น MG VS HEV เอสยูวีรุ่นแรกของค่ายที่ใช้พลังรักษ์โลก Hybrid เน้นสมรรถนะเป็นหลักแต่ความประหยัดเป็นรองเข้ามาเติมเต็มทุกความต้องการของรถกลุ่ม Sub Compact SUV ให้มีทางเลือกที่หลากหลายทั้ง MG ZS และ MG ZS EV กับพลัง Hybrid 1.5 ลิตร 177 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้าจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมหน้าตาโดดเด่นกับภายในครั้งแรกด้วยจอคู่ Dual Widescreen Cockpit HD ที่แบ่งเป็นหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบ Full Virtual Dashboard ขนาด 12.3 นิ้วและหน้าจอ Touch Screen ขนาด 12.3 นิ้ว ควบคุมการทำงานผ่าน Illuminated Touch Panel และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ได้ไม่สิ้นสุด ในราคา 859,000-919,000 บาท
NISSAN
เพื่อเป็นการสกัดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง Toyota Yaris ATIV ส่งเก๋งรุ่นพิเศษอย่าง Nissan Almera Sportech X มาตกแต่งแต่งเสริมตั้งแต่ กระจังหน้าใหม่สีดำเงา ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน หรือ Day Time Running Light (DTRL) ล้ออัลลอย 16 นิ้วดีไซน์สปอร์ตพร้อมยาง 205/55R16 ปลายท่อไอเสียแบบโครมเพิ่มความสปอร์ต สติ๊กเกอร์โลโก้ Sportech-X สุดเท่ที่ข้างประตู และบริเวณท้ายรถ โฉบเฉี่ยวด้วยสีแบบทูโทน คือ ตัวถังภายนอกสีขาวสตอร์มไวท์ ตัดกับสีดำเงาที่ หลังคา เสา A/B/C กระจกมองข้างและสปอยเลอร์หลัง
ภายในยังคงความสปอร์ตและพรีเมียมสอดคล้องกับรูปลักษณ์ภายนอก ด้วยเบาะนั่งพรีเมียมสีดำเดินด้ายสีเบอร์กันดี “Quole Modure” ที่ไม่สะสมความร้อน ให้ความรู้สึกที่นั่งสบายตลอดการเดินทาง และมาพร้อม โลโก้ Sportech-X ในจุดต่างๆ ภายในห้องโดยสาร เช่น เบาะหน้า ฐานคันเกียร์ พรมปูพื้น และแป้นเหยียบแบบสปอร์ต ยกระดับความเท่ สปอร์ตไปอีกขั้น นอกจากนี้ นิสสันยังได้เพิ่มไฟ Ambient Light เป็นอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษที่เติมเต็มอารมณ์สปอร์ตพรีเมียมมีจำนวนจำกัดแค่ 300 คันเท่านั้น ในราคา 695,000 บาท
NETA
ในช่วงการจัดงานเจ้ามาโลมาน้อยก็นำมาโชว์ด้วยเช่นกันกับ NETA V เตรียมเปิดราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 สิงหาคมนี้พลังความจุแบตเตอรี่คงเดิม Ternary Lithium Battery 38.54 kWh ให้กำลังมากถึง 95 แรงม้า แรงบิด 160 นิวตันเมตร โดยวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 380 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ความเร็วสูงสุด 100-130 กม./ชม.ขึ้นกับโหมดการใช้งาน (ความเร็วสูงสุดตามข้อมูลโรงงาน 101 กม./ชม.) พร้อมการชาร์จปกติแบบ AC 0-100% ได้ 8 ชั่วโมงและชาร์จเร็ว DC 30-80% ได้ประมาณ 30 นาที และอัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ทำได้ 3.9 วินาที โดยมีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาวไวท์สตรอม, สีเทา, สีฟ้าเซรามิก, สีฟ้าคราม, สีชมพูซากุระ แถมมีการปรับเซตช่วงล่าง ปรับปรุง Software ภายในรถให้ลงตัวขึ้น
PEUGEOT
ค่ายสิงห์ผยองจากฝรั่งเศสก็ขอร่วมแจมในงานนี้ด้วยการแนะนำ Peugeot 3008 Allure Sport Edition นำพื้นฐานรุ่น 3008 Allure มาตกแต่งเพิ่มเติมภายใต้แนวคิด ‘Everyday is style’ โดดเด่น สวยเฉียบ ด้วยชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน ทั้งด้านหน้า สเกิร์ตหลัง สเกิร์ตข้าง และสปอยเลอร์หลัง ในราคา 1.729 ล้านบาท
TOYOTA
ค่ายสามห่วงพร้อมเต็มสูบดัน Toyota Yaris ATIV เจเนอเรชันใหม่ออกขายอย่างเป็นทางการเปลี่ยนแปลงใหม่หมดในรอบ 9 ปี สไตล์ Fastback หรูหราดุจรถยนต์นั่งกับไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient light) 64 เฉดสี เบาะหนังสีแดง มอบความรู้สึกเหนือระดับและลำโพงระดับ Premium 6 จุดจาก Pioneer พร้อมความปลอดภัยแบบ Best in Class ด้วย Toyota Safety Sense ทั้ง ระบบความปลอดภัยก่อนการชน Pre-Collision System, ปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam, เตือนออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ Lane Departure Alert, เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว Front Departure Alert, ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี Pedal Misoperation Control และ Adaptive cruise control แบบ All-Speed ในราคา 539,000-689,000 บาท
VOLT
VOLT City EV นำพื้นฐานของ Henrey Xiaohu FEV มาพัฒนาให้เข้ากับเมืองไทยมากที่สุดในร่างรถ Hatchback ทรงสองกล่องด้วยหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ตะมุตะมิ พร้อมไฟหน้าแบบ Tiger-eye ไฟท้ายขาวแดงแบบ Ruby พร้อมล้อทรงเล็กพร้อมฝาครอบล้อแบบ Plum Blossom ขนาด 13 นิ้วพร้อมยาง 155/65 R13 ใช้โทนสีแบบทูโทน วัสดุแผงคอนโซลเป็นพลาสติกขึ้นรูปที่ดูสวยมีสไตล์ โดยในรุ่นท๊อปจะมาพร้อมจอแสดงข้อมูล Multi-Function แบบ Double Screen ปุ่มควบคุมเสียงและโทรศัพท์บนพวงมาลัย กล้องมองขณะถอยหลัง เกียร์เป็นแบบปุ่มกดสไตล์รถ EV คอนโซลดูเรียบหรูทันสมัย ตัดขอบช่องแอร์ด้วยวัสดุสีเงินด้าน เบาะหนังใช้โทนสีแบบทูโทนเช่นกัน
ขุมพลังไฟฟ้ามาด้วยความเร้าใจและประหยัดพลังงานชาร์จกระแสไฟฟ้า AC Normal Charge เท่านั้น โดยจะใช้เวลาในการชาร์จเต็มประมาณ 6 ชั่วโมง เมื่อชาร์จเต็มสามารถขับได้ไกล 200 กิโลเมตร และทำความเร็วสูงสุดได้ 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในรุ่น 5 ประตู ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ามีพละกำลัง 46 แรงม้า แรงบิด 102 นิวตันเมตร ส่วนในรุ่น 3 ประตู ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าพละกำลัง 40 แรงม้า แรงบิด 90 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียม ฟอสเฟต ขนาด 16.5 kWh (สำหรับ 5 ประตู) และ 11.8 kWh (สำหรับ 3 ประตู) มาพร้อมกับระบบเบรก ABS EBD ถุงลมนิรภัย ระบบวัดลมยางอัตโนมัติ โดยมีสีภายนอกแบบทูโทนให้เลือกทั้งสิ้น 6 สี ได้แก่ Cream Coke, Peach Pink, Gentle Green, Wisdom White, Ruby Red และ Spark Silver เริ่มที่รุ่น VOLT FOR-TWO (3 ประตู 2 ที่นั่ง) ราคา 325,000 บาท และ VOLT FOR-FOUR (5 ประตู 4 ที่นั่ง) ราคา 385,000 บาท
รถใหม่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้สามารถชม ทดลองขับ รับข้อเสนอพิเศษได้ที่งาน “Big Motor Sale 2022” มหกรรมเปิดโลกยานยนต์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-28 สิงหาคมนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา