หลังเปิดตัวที่ต่างประเทศได้ไม่นานสำหรับ BMW iX LCI รุ่นปรับโฉม ล่าสุดมาเปิดตัวและราคาอย่างเป็นทางการในไทยที่งาน Motor Expo 2025

BMW iX LCI มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูปราดเปรียวและน่าหลงใหลตั้งแต่แรกเห็นและเป็นการปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 4 ปีในรหัส i20
หน้าใหม่หน้าหรู
กระจังหน้าไตคู่เกือบปิดทึบดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อมกรอบวาววับ ล้อมรอบเส้นสายที่จัดเรียงทั้งแบบแนวตั้งและทแยงมุม เสริมด้วยไฟขอบกระจังหน้าจากแพ็คเกจ BMW Iconic Glow ไฟ DRL แบบ LED แนวตั้งคู่คั่นกลางด้วยไฟหน้า LED Adaptive ทรงกลมในกรอบเดียวกัน กันชนหน้าใหม่ออกแบบช่องระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยมคางหมูใหม่รับกับกระจังหน้า พร้อมช่อง Air Curtain แนวตั้งใหม่
ด้านข้างเดิมด้วย หลังคากระจก Panorama Sky Lounge กระจกมองข้าง มือจับประตูที่เปิดด้วยการกดปุ่ม หน้าต่างไร้ขอบ ด้านท้ายคงเดิมด้วยไฟท้าย LED เส้นเรียวแนวนอนแยก 2 ฝั่งคั่นกลางด้วยตราโลโก้ใบพัดประตูท้ายสอดประสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถโดยไม่มีช่องว่างกันชนหลังออกแบบใหม่เสริมลิ้นสปอยเลอร์หลังหรือดิฟฟิวเซอร์ออกแบบใหม่มีไฟทับทิมสะท้อนแสงเป็นแนวตั้ง
ล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 21 นิ้ว M Aerodynamic แบบสลับสี ขัดเงา 9JX21 พร้อมยาง 255/50R21 เป็นยางล้อลดเสียงรบกวนที่มีชั้นโฟมบริเวณพื้นผิวด้านในเพื่อลดการเกิดเสียง โดยมีมิติตัวรถตั้งแต่
- ความยาว 4,965 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,970 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,695 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 202 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,525 กิโลกรัม

ภายในหรู
ลงตัวกับการตกแต่งที่หรูหราภายในห้องโดยสาร ด้วยเบาะหนังและผิวหน้าแผงคอนโซลในโทนสีน้ำตาลจากชุดแต่ง Design Suite Castanea หรือสีดำโฉบเฉี่ยวในชุดแต่ง Design Suite Amido พร้อมความสปอร์ตจากชุดแต่ง M Sport ไม่ได้จบอยู่แค่ภายนอกตัวรถ แต่ยังสัมผัสได้อย่างเต็มเปี่ยม
ด้วยพวงมาลัยหนังแบบ M ทรงหกเหลี่ยมและวัสดุตกแต่งภายในโทนสี M Dark Silver ตัดกับเพดานหลังคาสี Anthracite ให้บรรยากาศของความหรูหราและสง่างามในทุกมุมมอง เบาะนั่งหลังปรับพบัได้แบบ 40/20/40 มีพื้นที่สัมภาระท้ายก่อนพับเบาะ 500 ลิตร และตอนพับเบาะ 1,750 ลิตร

คอนโซลกลางมาในดีไซน์เฉียบไม่แพ้เฟอร์นิเจอร์หรู ปุ่มควบคุมระบบสัมผัสและระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ rocker switch เติมเต็มความทันสมัยยิ่งขึ้นภายในห้องโดยสาร พร้อมเน้นย้ำถึงการออกแบบห้องโดยสารเพื่อผู้ขับขี่ด้วยจอ BMW Curved Display พร้อมการต้อนรับด้วยภาพแอนิเมชันแบบใหม่ และ ลวดลายกราฟฟิกจากระบบไฟ Welcome Light Carpet
หน้าจอแสดงผลและระบบทำงาน iDrive ต่อยอดการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 ที่ออกแบบสำหรับทำงานร่วมกับจอระบบสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display รองรับการโต้ตอบด้วยเสียงกับ BMW Intelligent Personal Assistant
โดยจอโค้งนี้เป็นกลุ่มจอแสดงผลดิจิทัลประกอบด้วย จอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้วและจอ Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว รวมเข้าด้วยกันภายใต้แผงกระจกชิ้นเดียวที่หันหน้าเข้าหาผู้ขับขี่ และมีจอ Head-Up Display มาพร้อมตัวเลือกอุปกรณ์เสริมคุณภาพเสียงทรงพลังยิ่งขึ้น อย่างระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง จาก Harman Kardon Surround Sound System ขนาด 655 วัตต์ พร้อมลำโพง 18 ตัว

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติมาพร้อมฟิลเตอร์นาโนไฟเบอร์ที่สามารถกรองอากาศบริสุทธิ์ ควบคุมผ่านจอระบบสัมผัสแบบใหม่ รวมถึงระบบทำความร้อนที่เบาะนั่งและพวงมาลัย นอกจากนี้ ฟังก์ชัน BMW IconicSounds Electric มาพร้อมตัวเลือกเสียงใหม่ล่าสุดจากนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดังระดับโลกอย่าง Hans Zimmer
รองรับเทคโนโลยี BMW Digital Key Plus เต็มรูปแบบ เพื่อเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของคุณให้กลายเป็นกุญแจรถอัจฉริยะ โดยตัวรถจะปลดล็อกโดยอัตโนมัติเมื่อคุณเดินเข้ามาใกล้ พร้อมเปิดระบบไฟ Welcome Light อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งยังสามารถแชร์สิทธิ์การเข้าใช้งานรถกับคนที่คุณไว้ใจได้สูงสุดถึง 17 คนอีกด้วย

ขุมพลังไฟฟ้า
พัฒนาใหม่เพิ่มกำลังเพิ่มระยะทางการชาร์จมากขึ้นจากพื้นฐานเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า BMW eDrive เจเนอเรชันที่ 5 เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive แบบไฟฟ้าซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสมรรถนะการขับขี่ในระยะยาวไกลยิ่งขึ้น
รุ่นที่ขายไทยคือรุ่น iX xDrive45 (เดิม iX xDrive40) มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เพิ่มขนาดเป็น 100.4 kWh (เดิม 76.6 kWh) ให้กำลังรวมสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร (เดิม 326 แรงม้า แรงบิด 630 นิวตันเมตร) โดยมอเตอร์ล้อหน้ารหัส U220SF ให้กำลัง 258 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 365 นิวตันเมตรที่ 0-5,000 รอบต่อนาทีและมอเตอร์ล้อหลังรหัส M220SR ให้กำลัง 272 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 0-5,000 รอบต่อนาที
มอบระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดถึง 602 กิโลเมตร หรือ 616 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC (เดิม 425 กิโลเมตร WLTP หรือ 500 กิโลเมตร (NEDC)) ให้อัตราเร่งที่ทรงพลังด้วยความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.1 วินาที (เดิม 6.1 วินาที)
การชาร์จโดยชาร์จเร็ว DC รองรับกำลังไฟสูงสุด 175 kW สามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ในเวลาเพียง 34 นาที และการชาร์จช้า AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 22 kW จึงสามารถชาร์จจาก 0-100% ได้ในเวลาเพียง 5 ชั่วโมง โดยชาร์จเร็ว DC 10 นาที เพิ่มระยะทางสูงถึง 166 กิโลเมตร
ทำงานพร้อมเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ล่าสุด จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ single-stage with fixed ratio ให้ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพร้อมหัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบการชาร์จที่ยืดหยุ่น

มีระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่แบบแปรผัน (Adaptive recuperation) ช่วยเสริมประสิทธิภาพและระยะการขับขี่ ด้วยการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ให้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่ โดยใช้ข้อมูลจากระบบนำทางและเซนเซอร์จากระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่
ขณะเดียวกันก็จะทำให้ความเร็วในการขับขี่ลดลง และจะทำงานสลับกับฟังก์ชัน Coasting ขณะขับขี่บนท้องถนน ซึ่งช่วยให้รถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องใช้พลังงานเมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าออกจากแป้นคันเร่ง ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้ตามต้องการ ระหว่างระดับสูง ปานกลาง และต่ำ โดยเมื่อเลือกขับขี่ด้วยเกียร์ B ระบบ Recuperation จะทำงานที่ระดับสูงสุดโดยอัตโนมัติเพื่อสร้างประสบการณ์ในการขับขี่แบบ one-pedal feeling
พร้อมระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อ (Near-actuator wheel slip limitation) ช่วยป้องกันการลื่นไถลของล้อและเพิ่มความเสถียรภาพในการควบคุมรถยิ่งขึ้นอีกระดับ พร้อมช่วงลางหน้าแบบปีกนกคู่ ช่วงล่างหลังแบบ five-link ช่วงล่างแบบปรับระดับได้ และระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถขณะขับขี่ (Servotronic) แปรผันตามการหมุนและความเร็ว
มอบความสมดุลที่ลงตัวระหว่างความแม่นยำและความนุ่มนวล ระบบบังคับเลี้ยวแบบสี่ล้อ (Integral Active Steering) ที่ติดตั้งเพิ่มเข้ามาช่วยให้ล้อหลังสามารถเลี้ยวได้ เสริมทั้งความคล่องตัวที่ความเร็วต่ำและความนิ่งของตัวรถขณะใช้ความเร็วสูง ช่วงล่างแบบถุงลม Adaptive 2-axle air suspension สามารถปรับระดับความสูงของรถได้ตามโหมดการขับขี่ เพื่อความนุ่มนวลและสะดวกสบายสูงสุดในทุกสถานการณ์
เจ้าของรถยังสามารถเลือกอัปเกรดความสะดวกไปอีกขั้นผ่าน ConnectedDrive Upgrades ด้วยการเลือกซื้อแพ็คเกจ Parking Assistant Professional ที่เพิ่มฟังก์ชันการควบคุมรถเข้าช่องจอดจากทางไกลและระบบช่วยเหลือขณะขับเข้าช่องจอด
ในกรณีที่ยางรั่ว ชุดปะยางฉุกเฉิน BMW Tyre Repair Kit Plus ใหม่ จะช่วยให้คุณเดินทางต่อเพื่อเข้าซ่อมแซมที่ศูนย์บริการได้อย่างมั่นใจ ชุดปะยางแบบใช้ครั้งเดียวนี้จะอุดรอยรั่วและเติมลมยางให้กลับมาใช้งานได้ โดยสามารถขับขี่ต่อไปได้สูงสุด 200 กิโลเมตร ที่ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนที่จะต้องเข้าศูนย์เพื่อทำการปะยางหรือเปลี่ยนยางใหม่
ระบบช่วยการขับขี่ Driving Assistant Plus
นวัตกรรมหลากหลายที่สุดพร้อมเซนเซอร์ ซอฟต์แวร์ และแพลตฟอร์มในการประมวลผลที่ทรงพลังใช้กล้อง 5 ตัว เรดาร์เซนเซอร์อีก 5 ตัว และอัลตร้าโซนิกเซนเซอร์ 12 ตัวในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบคันทั้ง
- ระบบช่วยจอด Parking Assistant
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Cruise Control พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go
- เตือนการชนด้านหน้าพร้อมระบบช่วยเบรก ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน
- เตือนขณะเปิดประตูรถในกรณีที่มีจักรยานหรือคนเดินเท้าอยู่ใกล้ประตูรถ (Exit warning function)
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera) แสดงภาพพื้นที่โดยรอบของรถให้เห็นแบบสามมิติผ่านระบบ Remote 3D
ควบคุมเสถียรภาพการขับขี่อัตโนมัติ (ASC) ควบคุมแรงดันเบรกแบบแปรผัน (DBC) ควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC) ป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) ช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (BA) เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash sensor) Active Protection ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบปกป้องคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ระบบ Teleservices ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call)

BMW iX LCI ผลิตที่โรงงานในเมืองดิงโกลฟิง ทางตอนใต้ของบาวาเรีย เยอรมนี เปิดขายไทยรุ่นย่อยเดียวคือรุ่น iX xDrive45 M Sport ราคา 5,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็คเกจ BSI Standard)










