ทำตลาดมา 4 ปี เอสยูวีไฟฟ้าหรูอย่าง BMW iX จนได้รับการตอบรับอย่างดีและล่าสุดกับการเผยรุ่นไมเนอร์เชนจ์หรือ LCI อย่างเป็นทางการ
หน้าใหม่ไมเนอรเชนจ์ครั้งแรกในรอบ 4 ปี ในรหัส i20 ร่างเอสยูวี 5 ประตูไซซ์กลางสำหรับ BMW iX เริ่มที่ภายนอก
กระจังหน้าไตคู่เกือบปิดทึบมาพร้อมแถบไฟ LED ล้อมกรอบทั้งวงกล้องและเรดาร์เซนเซอร์ฝังอยู่ภายใต้พื้นผิวของกระจังหน้า ไฟ DRL แบบ LED แนวตั้งคู่คั่นกลางด้วยไฟหน้า LED แบบ BMW Laser light ทรงกลมในกรอบเดียวกัน กันชนหน้าใหม่ออกแบบช่องระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยมคางหมูใหม่รับกับกระจังหน้า พร้อมช่อง Air Curtain แนวตั้งใหม่
ด้านข้างคงเดิมด้วย หลังคากระจก Panorama Sky Lounge กระจกมองข้าง มือจับประตูที่เปิดด้วยการกดปุ่ม หน้าต่างไร้ขอบ ด้านท้ายคงเดิมด้วยไฟท้าย LED เส้นเรียวแนวนอนแยก 2 ฝั่งคั่นกลางด้วยตราโลโก้ใบพัดประตูท้ายสอดประสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถโดยไม่มีช่องว่างกันชนหลังออกแบบใหม่เสริมลิ้นสปอยเลอร์หลังหรือดิฟฟิวเซอร์ออกแบบใหม่มีไฟทับทิมสะท้อนแสงเป็นแนวตั้ง
ล้ออัลลอยลายใหม่ให้เลือกตั้งแต่ขนาด 20 นิ้ว 8.5๋JX20 พร้อมยาง 235/60R20 ขนาด 21 นิ้ว 9JX21 พร้อมยาง 255/50R21 และขนาด 22 นิ้ว 9.5 J × 22 พร้อมยาง 275/40 R22 เป็นยางล้อลดเสียงรบกวนที่มีชั้นโฟมบริเวณพื้นผิวด้านในเพื่อลดการเกิดเสียง
รุ่น iX M70 xDrive พิเศษด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ขอบดำเกือบปิดทึบไส้ในลายสีทอง ฝาครอบกระจกมองข้าง ทีเปิดประตู คิ้วชายล่างตกแต่งสีดำ ล้อ aerodynamic M ขนาด 22 นิ้ว ดิสก์เบรกหน้าพร้อมคาลิปเปอร์สีน้ำเงินติดตรา M และตรารุ่น M70 ติดท้ายรถเท่านั้น มิติตัวรถตั้งแต่
- ความยาว 4,965 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,970 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,695 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 202 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,450-2,580 กิโลกรัม
ภายในห้องโดยสาร มาพร้อมพื้นที่กว้างขวางและเบาะที่นั่งแบบใหม่พร้อมพนักพิงศีรษะ คอนโซลกลางมาในดีไซน์เฉียบไม่แพ้เฟอร์นิเจอร์หรู ปุ่มควบคุมระบบสัมผัสและระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ rocker switch เติมเต็มความทันสมัยยิ่งขึ้นภายในห้องโดยสาร พร้อมเน้นย้ำถึงการออกแบบห้องโดยสารเพื่อผู้ขับขี่ด้วยจอ BMW Curved Display พวงมาลัยทรงหกเหลี่ยมและจอ Head-Up Display
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติมาพร้อมฟิลเตอร์นาโนไฟเบอร์ที่สามารถกรองอากาศบริสุทธิ์ ควบคุมผ่านจอระบบสัมผัสแบบใหม่ รวมถึงระบบทำความร้อนที่เบาะนั่งและพวงมาลัย เบาะนั่งหลังปรับพบัได้แบบ 40/20/40 มีพื้นที่สัมภาระท้ายก่อนพับเบาะ 500 ลิตร และตอนพับเบาะ 1,750 ลิตร
มาพร้อมตัวเลือกอุปกรณ์เสริมคุณภาพเสียงทรงพลังยิ่งขึ้น อย่างระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkins Diamond Surround Sound System 30 จุด ที่ฝังอยู่ในพนักพิงศีรษะ และระบบเสียงแบบ 4D ที่มีฟังก์ชั่นสั่นตามเสียงเบสในเบาะหน้า มาพร้อมเสียงประกอบการขับขี่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เติมเต็มความเร้าใจในการขับขี่ทุกครั้งที่เร่งความเร็วและมี Harman Kardon Surround Sound System ขนาด 655 วัตต์ พร้อมลำโพง 18 ตัว ให้เลือก
นอกจากนี้ ฟังก์ชั่น BMW IconicSounds Electric มาพร้อมตัวเลือกเสียงใหม่ล่าสุดจากนักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดังระดับโลกอย่าง Hans Zimmer หน้าจอแสดงผลและระบบทำงาน iDrive ต่อยอดการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 ที่ออกแบบสำหรับทำงานร่วมกับจอระบบสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display รองรับการโต้ตอบด้วยเสียงกับ BMW Intelligent Personal Assistant
โดยจอโค้งนี้เป็นกลุ่มจอแสดงผลดิจิทัลประกอบด้วย จอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้วและจอ Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว รวมเข้าด้วยกันภายใต้แผงกระจกชิ้นเดียวที่หันหน้าเข้าหาผู้ขับขี่ ในรุ่น iX M70 xDrive เพิ่มพวงมาลัยหุ้มหนัง แป้นเหยียบ M แผงคอนโซลกลางสีดำเงา และแผงหน้าปัดแบบทูโทน
ขุมพลังไฟฟ้าพัฒนาใหม่เพิ่มกำลังเพิ่มระยะทางการชาร์จมากขึ้นจากพื้นฐานเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า BMW eDrive เจเนอเรชันที่ 5 เป็นมอเตอร์ไฟฟา้คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive แบบไฟฟ้าซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสมรรถนะการขับขี่ในระยะยาวไกลยิ่งขึ้น
ทำงานพร้อมเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ล่าสุด จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ single-stage with fixed ratio ให้ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพร้อมหัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบการชาร์จที่ยืดหยุ่น โดยมี 3 ทางเลือก
เริ่มที่รุ่น iX xDrive45 (เดิม iX xDrive40) มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน เพิ่มขนาดเป็น 94.8 kWh (เดิม 76.6 kWh) ให้กำลังรวมสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร (เดิม 326 แรงม้า แรงบิด 630 นิวตันเมตร) โดยมอเตอร์ล้อหน้ารหัส U220SF ให้กำลัง 258 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 365 นิวตันเมตรที่ 0-5,000 รอบต่อนาทีและมอเตอร์ล้อหลังรหัส M220SR ให้กำลัง 272 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 0-5,000 รอบต่อนาที
มอบระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดถึง 602 กิโลเมตร หรือ 708 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC(เดิม 425 กิโลเมตร WLTP หรือ 500 กิโลเมตร (NEDC)) ให้อัตราเร่งที่ทรงพลังด้วยความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.1 วินาที (เดิม 6.1 วินาที)
การชาร์จโดยชาร์จเร็ว DC รองรับกำลังไฟสูงสุด 175 kW สามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ในเวลาเพียง 34 นาที และการชาร์จช้า AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 kW จึงสามารถชาร์จจาก 0-100% ได้ในเวลาเพียง 9.45 ชั่วโมง โดยชาร์จเร็ว DC 10 นาที เพิ่มระยะทางสูงถึง 166 กิโลเมตร
รุ่น iX xDrive60 (เดิม iX xDrive50) มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเพิ่มขนาดเป็น 109.1 kWh (เดิม 105.2 kWh) ให้กำลังรวมสูงสุด 544 แรงม้า แรงบิด 765 นิวตันเมตร (เดิม 523 แรงม้า แรงบิด 765 นิวตันเมตร) โดยมอเตอร์ล้อหน้ารหัส U220SF ให้กำลัง 258 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 365 นิวตันเมตรที่ 0-5,000 รอบต่อนาทีและมอเตอร์ล้อหลังรหัส M220SR ให้กำลัง 313 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 0-5,500 รอบต่อนาที
มอบระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดถึง 701 กิโลเมตร หรือ 825 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC (เดิม 630 กิโลเมตร WLTP หรือ 741 กิโลเมตร (NEDC)) ให้อัตราเร่งที่ทรงพลังด้วยความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 4.6 วินาที
การชาร์จโดยชาร์จเร็ว DC รองรับกำลังไฟสูงสุด 195 kW สามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ในเวลาเพียง 35 นาที และการชาร์จช้า AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 kW จึงสามารถชาร์จจาก 0-100% ได้ในเวลาเพียง 11.15 ชั่วโมง โดยชาร์จเร็ว DC 10 นาที เพิ่มระยะทางสูงถึง 217 กิโลเมตร
รุ่น iX M70 xDrive (เดิม iX M60 xDrive) มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเพิ่มขนาดเป็น 108.9 kWh (เดิม 105.2 kWh) ให้กำลังรวมสูงสุด 659 แรงม้า แรงบิด 1,015 นิวตันเมตร (เดิม 619 แรงม้า) โดยมอเตอร์ล้อหน้ารหัส U220SF ให้กำลัง 258 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที แรงบิด 365 นิวตันเมตรที่ 0-5,000 รอบต่อนาทีและมอเตอร์ล้อหลังรหัส O220SR ให้กำลัง 489 แรงม้าที่ 13,000 รอบต่อนาที แรงบิด 650 นิวตันเมตรที่ 0-5,000 รอบต่อนาที
มอบระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดถึง 600 กิโลเมตร หรือ 706 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC (เดิม 566 กิโลเมตร WLTP หรือ 666 กิโลเมตร (NEDC)) ให้อัตราเร่งที่ทรงพลังด้วยความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.8 วินาที
การชาร์จโดยชาร์จเร็ว DC รองรับกำลังไฟสูงสุด 195 kW สามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ในเวลาเพียง 35 นาที และการชาร์จช้า AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 kW จึงสามารถชาร์จจาก 0-100% ได้ในเวลาเพียง 11.15 ชั่วโมง โดยชาร์จเร็ว DC 10 นาที เพิ่มระยะทางสูงถึง 182 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มีระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่แบบแปรผัน (Adaptive recuperation) ช่วยเสริมประสิทธิภาพและระยะการขับขี่ ด้วยการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ให้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่ โดยใช้ข้อมูลจากระบบนำทางและเซนเซอร์จากระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่
ขณะเดียวกันก็จะทำให้ความเร็วในการขับขี่ลดลง และจะทำงานสลับกับฟังก์ชั่น Coasting ขณะขับขี่บนท้องถนน ซึ่งช่วยให้รถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องใช้พลังงานเมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าออกจากแป้นคันเร่ง ผู้ขับขี่สามารถเลือกระดับการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้ตามต้องการ ระหว่างระดับสูง ปานกลาง และต่ำ โดยเมื่อเลือกขับขี่ด้วยเกียร์ B ระบบ Recuperation จะทำงานที่ระดับสูงสุดโดยอัตโนมัติเพื่อสร้างประสบการณ์ในการขับขี่แบบ one-pedal feeling
พร้อมระบบป้องกันการลื่นไถลของล้อ (Near-actuator wheel slip limitation) ช่วยป้องกันการลื่นไถลของล้อและเพิ่มความเสถียรภาพในการควบคุมรถยิ่งขึ้นอีกระดับ พร้อมช่วงลางหน้าแบบปีกนกคู่ ช่วงล่างหลังแบบ five-link ช่วงล่างแบบปรับระดับได้ และระบบพวงมาลัยไฟฟ้าที่ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถขณะขับขี่ (Servotronic) แปรผันตามการหมุนและความเร็ว
มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และนวัตกรรมหลากหลายที่สุดพร้อมเซนเซอร์ ซอฟต์แวร์ และแพลตฟอร์มในการประมวลผลที่ทรงพลังใช้กล้อง 5 ตัว เรดาร์เซนเซอร์อีก 5 ตัว และอัลตร้าโซนิกเซนเซอร์ 12 ตัวในการตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบคันทั้ง
- ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go
- เตือนขณะเปิดประตูรถในกรณีที่มีจักรยานหรือคนเดินเท้าอยู่ใกล้ประตูรถ (Exit warning function)
- ระบบ Remote Theft Recorder เสริมการทำงานของระบบที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน
- ช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) ประกอบด้วยกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera) แสดงภาพพื้นที่โดยรอบของรถให้เห็นแบบสามมิติผ่านระบบ Remote 3D
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่อัตโนมัติ (ASC) ควบคุมแรงดันเบรกแบบแปรผัน (DBC) ควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC) ป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) ช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (BA) เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash sensor) Active Protection ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบปกป้องคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ระบบ Teleservices ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call)
BMW iX LCI ผลิตที่โรงงานในเมืองดิงโกลฟิง ทางตอนใต้ของบาวาเรีย เยอรมนีตั้งแต่มีนาคมเป็นต้นไปส่งมอบตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ส่วนเมืองไทยภายในปีนี้พบกัน
ที่มา BMW