จากภาพหลุดหลายชุดที่บ่งบอกว่า BYD ATTO 3 ไมเนอร์เชนจ์พร้อมแล้วที่จะเผยตัวจริงอย่างเป็นทางการเสียทีประเดิมที่แรกที่เมืองจีนก่อนเผยทั่วโลก
ล่าสุดสื่อรถยนต์เมืองจีนรายงานว่า BYD ATTO 3 หรือ BYD YUAN PLUS ไมเนอร์เชนจ์หรือรุ่นปรับโฉมทั้งด้านหน้า ด้านข้าง ด้านท้ายและภายในเตรียมเปิดตัวช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์
เริ่มที่ภายนอกมีการเปลี่ยนเล็กน้อยตั้งแต่ดีไซน์กันชนหน้าใหม่ออกแบบช่องระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยมคางหมูใหม่ให้ขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมออกแบบม่านอากาศ Air Curtain ข้างๆมุมกันชนทั้ง 2 ข้างใหม่ ให้มีความโดดเด่นกว่าเดิมในขณะที่ด้านข้างออกแบบกระจกเสา D ให้มีความสปอร์ตมากขึ้น และกรอบเสา D เล็กลงกลมกลืนกับกรอบประตูสีเงิน
ด้านท้ายออกแบบใหม่ทั้งไฟท้าย LED แนวยาวดีไซน์ปีกนกไส้ในชุดไฟปรับใหม่เน้นความทันสมัย สปอยเลอร์หลังออกแบบใหม่ให้ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED แยกเป็นสองช่อง กันชนหลังดีไซน์ใหม่เน้นความสปอร์ตมากขึ้นด้วยคิ้วใต้กันชนหลังดีไซน์ใหญ่ขึ้นและล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/50R18 และขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 215/60R17
ภายในแม้ยังไม่มีการเผยข้อมูลแต่คาดว่าคงเดิมทั้ง หน้าจอสัมผัส Infotainment เพิ่มขนาดเป็น 15.6 นิ้ว ปรับหมุนจอได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เชื่อมต่อไร้สายทั้ง Apple Car Play กับ Android Auto ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light บริเวณมือจับประตู ปรับสีได้ 31 สี ได้ไฟกะพริบตามจังหวะเพลง ลำโพง Dirac HD Sound 8 จุด
ระบบกรองอากาศ PM 2.5 และ Karaoke แอปพลิเคชันร้องคาราโอเกะ บนรถได้ ที่ชาร์จมือถือไร้สาย เชื่อมต่ออัจฉริยะ BYD DiLink มาตรวัดดิจิทัล 5 นิ้ว แสดงผลการขับขี่กระจกไฟฟ้า 4 บานแบบ One-touch พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Anti-Pinch
ระบบเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อม CN95 Filter เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 พร้อมพื้นที่สัมภาระมากถึง 1,340 ลิตรเมื่อพับเบาะลงและ 440 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ เบาะไฟฟ้าคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางสำหรับคนขับและ 4 ทิศทางสำหรับคนนั่ง
ความสะดวกสบายทั้งช่องจ่ายไฟ 12V 120w 1 จุด ที่คอนโซลกลาง กุญแจแบบคีย์การ์ด พร้อมระบบ Keyless Start มีช่องเสียบ USB ทั้ง ช่อง USB-A และ USB-C อย่างละ 1 พอร์ต ที่คอนโซลกลาง และช่อง USB-A และ USB-C อย่างละ 1 พอร์ต สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกไฟฟ้า 4 บานแบบ One-touch พร้อมระบบป้องกันการหนีบ Anti-Pinch
ขุมพลังไฟฟ้าให้กำลังมากถึง 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent magnet synchronous motor โดยมีสองความจุแบตเตอรี่เริ่มที่รุ่นเริ่มต้น มาด้วยความจุแบตเตอรี่ 49.92 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 430 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC หรือ 415 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
รุ่นสูงสุดที่มีความจุมากถึง 60.48 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 510 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC หรือ 492 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC พร้อมระบบชาร์จเร็ว DC 100 kW สามารถชาร์จได้เร็วสุด 30 นาที
ด้านความปลอดภัยคันนี้เป็น 1 ใน 21 รุ่นของ 2 ตระกูลทั้ง Ocean 11 รุ่น และ Dynasty 10 รุ่น ที่จะแนะนำระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง ADAS หรือชื่อเฉพาะ Eye of God C ติดตราเฉพาะสีน้ำเงินด้านท้าย เป็นออปชันมาตรฐาน
ระบบนี้อาศัยการทำงานร่วมกับเรดาห์อัลตราโซนิก 12 ตัว, เรดาห์คลื่นมิลลิเมตร 5 ตัว, กล้อง 12 ตัว (ประกอบด้วยกล้องมองหน้า 3 ตัวความชัด 8MP, กล้องรอบทิศทางความชัด 3MP 4 ตัว, กล้องมองด้านข้างความชัด 3MP 4 ตัว และกล้องมองหลังความชัด 3MP 1 ตัว)
พร้อมฟังก์ชันการขับเคลื่อนที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น ระบบนำทางความเร็วสูงบนทางหลวงและทางด่วน ช่วยจอดรถอัตโนมัติ ช่วยจอดรถระยะไกลและระยะใกล้ด้วยมือถือ การเปลี่ยนเลน เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และฟังก์ชันอื่นๆ อีกมากมาย
ปลายเดือนนี้รุ่นปรับโฉมจากตระกูล Dynasty จะมีราคาที่จีนสูงจากเดิมมากน้อยแค่ไหนต้องติดตามทางด้านเมืองไทยมีรุ่นประกอบไทยท็อปสุดวิ่งไกล 480 กิโลเมตร (NEDC) ขายในราคาถูกลงจากเดิม 150,000 บาท เพียง 899,900 บาท