หลังจากปี 2024 BYD และ DENZA ส่งรุ่นใหม่ลุยไทยทั้ง BYD ATTO 3 MY24, BYD Dolphin CKD, BYD SEALION 6 DM-I CKD, BYD SEALION 7,BYD M6, DENZA D9
ล่าสุด BYD และ DENZA ภายใต้ RÊVER Automotive เตรียมส่งรถใหม่ต้อนรับปีมะเส็งหรือปีงูอย่างครบครันเต็มอัตราศึก
หลังจากต้นปีประเดิมด้วย BYD ATTO 3 ประกอบไทยและจะมี BYD SEAL ประกอบไทยตามมาด้วยรวมถึงการปรับโฉมของ BYD Dolphin แล้ว ทางด้านรถใหม่โมเดลใหม่ที่มีแนวโน้มสูงจะเปิดตัวเปิดขายในไทยมาหมดไม่ว่าจะเป็น BYD SHARK 6 DM-i, BYD SEAL 5 DM-i, BYD ATTO 2 ทางด้าน DENZA มี DENZA N7 DENZA Z9 DM-i เริ่มที่
กระบะรุ่นแรกของค่ายอย่าง BYD SHARK 6 DM-iด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ Plug In Hybrid ขนาด 1.5 ลิตร รหัส BYD476ZQF ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร พ่วงแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP ที่มีความจุ 29.58 kWh พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ Permanent magnet synchronous motor
โดยมอเตอร์หน้าให้กำลัง 231 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตรและมอเตอร์หลัง 204 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้ความแรงสูงสุด 437 แรงม้า แรงบิด 650 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
วิ่งไกลสุดทั้งระบบได้ 800 กิโลเมตรและวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วน 100 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ให้ความประหยัดน้ำมันถึง 12.65 กิโลเมตรต่อลิตรมีความสามารถในการลากจูงสูงสุด 2,500 กิโลกรัม ชาร์จเร็วกระแสตรง DC 30-80% รองรับกำลังชาร์จสูงสุด 55 kW ใช้เวลาเพียง 20 นาที ชาร์จกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 7 kW โดยรุ่นนี้เตรียมประกอบในประเทศไทยและขายภายในปีนี้
ตามมาด้วย BYD SEAL 5 DM-i หรือ BYD KING DM-i หรือ BYD Destroyer 05 DM-iเก๋งคอมแพ็คพลังปลั๊กอินไฮบริดที่เคยเห็นทดสอบพรางตัวใจกลางกรุงเทพฯ
เบนซิน Plug In Hybrid DM-i super hybrid ขนาด 1.5 ลิตร BYD472QA ให้กำลัง 110 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 135 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า Permanent magnet synchronous ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 25.64 กิโลเมตรต่อลิตร
โดยมี 2 ทางเลือกเริ่มที่รุ่นวิ่งไกลอีวี 55 กิโลเมตรให้พลังมอเตอร์ไฟฟ้า 180 แรงม้า แรงบิด 316 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 8.3 kWh อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 7.9 วินาที เมื่อทำงานร่วมกันจะได้ความแรง 212 แรงม้า แรงบิด 324 นิวตันเมตรโดยให้ระยะทางไกลสุดในการวิ่งโหมดไฟฟ้าเพียวๆ 55 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC และวิ่งไกลทั้งระบบ 1,175 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC
รุ่นวิ่งไกลอีวี 120 กิโลเมตร ให้พลังมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 197 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 18.3 kWh เมื่อทำงานร่วมกันจะได้ความแรง 238 แรงม้า แรงบิด 324 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 7.3 วินาที โดยให้ระยะทางไกลสุดในการวิ่งโหมดไฟฟ้าเพียวๆ 120 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC และวิ่งไกลทั้งระบบ 1,412 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC หรือ 1,200 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT มีโหมดการขับขี่ 4 โหมดทั้ง EV+HEV/SPORT+ECO+NORMAL รองรับการชาร์จแบบกระแสตรง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 17 Kw รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ AC ที่ 3.3 kW และรองรับระบบ VTOL
อีกหนึ่งรุ่นที่เห็นวิ่งกันในไทยกับ BYD ATTO 2 หรือ BYD YUAN UP หรือ BYD YUAN PRO เปิดตัวแล้วที่ยุโรปมาในร่างที่ใหญ่กว่า Dolphin ด้วยขุมพลังไฟฟ้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่น TZ200XSW แรงสุด 177 แรงม้า แรงบิด 290 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.9 วินาที วิ่งไกลสุด 367 กิโลเมตร (NEDC) หรือ 312 กิโลเมตร (WLTP) จากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP Blade ขนาด 45.1 kWh ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ชาร์จได้้ทั้งกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 65 kW และกระแสสลับ AC 7 kW มีเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้ ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ และระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking)
ปีนี้มาลุ้นกันว่าเก๋งใหญ่อย่าง DENZA Z9 จะมาไทยทั้งแบบซีดานและเอสเตท Shooting Brake กับขุมพลัง Plug In Hybrid ด้วยเบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร แรงสุด 207 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร ในภาคเครื่องยนต์ คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าหนึ่งตัวให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าหลังสองฝั่งให้กำลังฝั่งละ 299 แรงม้า แรงบิดสองฝั่งๆละ 360 นิวตันเมตร
ชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 38.5 kWh จาก BYD Fin Dreams เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 870 แรงม้า แรงบิดรวม 935 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมงวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 201 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (CLTC) ชาร์จ 1 ครั้งกับน้ำมัน 1 ถัง วิ่งไกลสุด 1,101 กิโลเมตร (CLTC)
ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.6 วินาที ชาร์จได้ทั้ง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 82 kW 30-80% ชาร์จได้ภายใน 19 วินาที และชาร์จ AC ได้ ประหยัด 17.86 กิโลเมตรต่อลิตรและความปลอดภัยรอบคันด้วยระบบ ADAS ช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบจัดเต็ม
และ DENZA N7 หน้าใหม่ไมเนอร์เชนจ์ที่เปิดตัวในจีนเมื่อต้นปี 2024 ภายนอกปรับเล็กน้อย ภายในห้องโดยสารสง่าและลักชัวรีกับแผงคอนโซลหน้าดีไซน์ตัวเอ็กซ์ติดตั้งระบบจอด้วยกันถึง 4 จอประกอบด้วยชุดมาตรวัดดิจิทัลแบบ LCD 12.3 นิ้ว จอสัมผัสเชื่อมต่อระบบความบันเทิงขนาดใหญ่แบบลอยตัว 17.3 นิ้ว มีจอสำหรับฝั่งผู้โดยสาร ขนาด 10.25 นิ้ว และจอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือคอนโซลหน้าหรือ HUD พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านปาดล่างแบบ flat-bottomed
ขุมพลังไฟฟ้ามีด้วยกันถึงสองความแรงตั้งแต่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้พลังมากถึง 313 แรงม้าวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งที่ 702 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC
รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้พลังมากถึง 529 แรงม้าวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งที่ 630 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC โดยทั้งสองมีความจุแบตเตอรี่เท่ากัน 91.392 kWh อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร เพียง 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มาพร้อมช่วงล่างแบบถุงลมกับชุดแบตเตอรี่ที่มีเทคโนโลยี CTB (Cell-to-Body) ถูกรวมเข้ากับแชสซีส์รถเพิ่มความแข็งแกร่งในการบิดตัวของรถ พร้อมโหมดการขับขี่สี่โหมดทั้ง Standard Sport ECO และ Snow/ICE ประหยัดเวลาในนาทีเร่งด่วน ด้วย Dual DC charger 150 kW และ 230 kW ให้คุณชาร์จได้ 2 หัวพร้อมกัน มาพร้อมฟังก์ชัน Vehicle to Vehicle เพื่อเป็นแหล่ง ชาร์จไฟให้กับรถคันอื่นได้ด้วยและอัปเกรดช่วงล่างถุงลมใหม่