หลังจากอินโดนีเซียตัดหน้าเมืองไทยอย่างจังเปิดตัวก่อนกับ BYD M6 เอ็มพีวีไฟฟ้าอัพหรูจาก BYD e6 พร้อมขายอย่างเป็นทางการ
ล่าสุดเมืองไทยพร้อมแล้วที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนสำหรับ BYD M6 เอ็มพีวีจากตระกูล Dynasty พื้นฐานเดียวกับ BYD e6 (เจเนอเรชันที่ 2 เปิดตัวในปี 2021) รุ่นยอดนิยมของเหล่าแท็กซี่ หน่วยงานราชการและใช้ส่วนบุคคลแต่รุ่นนี้อัปเกรดให้หรูกว่า เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2017
ภายนอก Exterior
หน้าตาคล้ายกับ BYD ATTO 3 เริ่มที่ กระจังหน้าแบบปิดทึบขอบกระจังหน้าห่อหุ้มด้วยเส้นโครเมียมรับกับชนหน้าออกแบบใหม่ตัดไฟตัดหมอกหน้าออกไปในชุดไฟหน้า LED สไตล์ Dragon Eye พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียวกัน ด้านข้างหรูด้วยกรอบกระจกโครเมียม กระจกมองข้างทรงสปูนสีเดียวกับตัวรถ ที่เปิดประตู หลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่ที่มีม่านบังแดดไฟฟ้าแบบป้องกันรังสียูวี
ด้านท้ายติดตรา BYD ไฟท้าย LED ติดขอบโครเมียมเรียบเนียนเชื่อมสองฝั่งลงตัวด้วยกันชนหลังทรงหรู ประตูท้ายระบบไฟฟ้า และล้ออัลลอยลายเข้มทูโทนขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R17 จาก e-Platform 3.0 CTP Blade Battery + BYD Intelligent Driving Systemมาพร้อมขนาดตัวถัง
- ความยาว 4,710 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,810 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,690 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,800 มิลลิเมตร
ภายใน Interior
ภายในหรูแบบสามตอนทั้งแบบ 6 ที่นั่งแบบ 2+2+2 และ 7 ที่นั่งแบบ 2+3+2 เบาะนั่งตอนที่สามสามารถพับเก็บได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนสัมภาระ แบบ 580 ลิตร มาพร้อมโทนภายในสีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลเข้ม และสีขาว เด่นที่คอนโซลหน้าหรูเล่นลายเกล็ดมีหน้าจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 12.8 นิ้ว หมุนปรับจากแนวนอนเป็นแนวตั้งได้ พร้อมลำโพงรอบคัน 6 จุด รองรับระบบ Apple CarPlay® และ Android Auto™
มาตรวัดสี TFT ขนาดใหญ่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน เบาะหนังปรับไฟฟ้า แป้นเกียร์และเบรกมือไฟฟ้า ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Lightระบบปรับอากาศสำหรับห้องโดยสารทุกโซนแบบอัตโนมัติ ปรับอุณหภูมิทั่วทั้งห้องโดยสารได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเครื่องปรับอากาศที่มีตัวกรองฝุ่น PM 2.5 ให้ความสะอาดและเย็นสบาย ควบคู่ไปกับการระบายความร้อนของแบตเตอรี่อย่างมีประสิทธิภาพ
สมรรถนะ Performance
ไฟฟ้าล้วนมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเทคโนโลยี BYD Blade Battery ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสูงสุด 71.8 kWh ให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 530 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายใน 8.6 วินาที และรุ่นเริ่มต้น ด้วยความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสูงสุด 55.4 kWh ให้กำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 420 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายใน 10.1 วินาที
รองรับการชาร์จแบบกระแสตรง DC ที่ความแรงสูงสุด 115 Kw โดยใช้เวลา 40 นาทีในการชาร์จไฟตั้งแต่ SOC 10%-80% และ 28 นาทีในการชาร์จไฟตั้งแต่ SOC 30%-80% รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ AC ที่ 7 kW และรองรับระบบ VtoL พร้อมช่วงล่างอิสระสี่ล้อด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson Strut จับคู่กับ Multi-Link คู่หลังยกระดับความนุ่มนวลและความสบายในการโดยสาร
ระบบความปลอดภัย Safety
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB)
- ช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC)
- ป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ (TCS)
- ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD)
- ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HHC)
- ช่วยเตือนการชนด้านหน้า (FCW)
- ช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RCW)
- ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
- ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
- ช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน (ELKA)
- ตรวจจับและอ่านป้ายจราจร (TSR)
- ตรวจจับจำกัดความเร็วอัฉริยะ (ISLI)
- จำกัดความเร็วอัฉริยะ (ISLC)
- ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (ACC-S&G)
- เตือนการออกนอกช่องทางเดินรถ (LDA)
- กล้องมองรอบคัน 360 องศา
- ช่วยควบคุมการไหลของรถอัตโนมัติ (AVH)
- เซนเซอร์ช่วยจอด 4 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้าฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้างฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ม่านถุงลมนิรภัยด้านหน้าและด้านหลัง
ทาง Rêver Automotive ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทยมีแผนเปิดตัว BYD M6 ในวันที่ 9 กันยายนนี้ ต่อจาก BYD Dolphin CKD, BYD SEALION 6, BYD SEALION 7 และ DENZA D9 โดยราคาจำหน่ายที่อินโดนีเซีย 3 รุ่นย่อยในราคาเริ่มต้น 379,000,000–429,000,000 RP หรือราว 854,000-965,000 บาท คาดค่าตัวในไทยจะอยู่ราวๆ 8 แสนปลายๆถึง 9 แสนกลางๆ