หลังจากที่เมืองไทยตัดสินใจไม่ขาย BYD SHARK 6 กระบะพลังปลั๊กอินไฮบริดช่วงปี 2026 ด้วยความเป็นรถนำเข้าและภาษีที่เกี่ยวเนื่องจึงทำให้ราคาขายแพง
ทำให้ BYD ตัดสินใจไม่ขายอีกและเตรียมแผนสองแนะนำกระบะรุ่นใหม่ที่ว่ากันว่ามีขนาดเล็กกว่ารุ่น SHARK 6 มาในแบบกระบะไร้กระดูกหรือ Unibody
ล่าสุดทางสื่อจีนเผยภาพเวอร์ชันสิทธิบัตรว่าที่กระบะรุ่นที่ 2 ของค่าย หน้าตาไม่ต่างจากเวอร์ชันพรางตัวที่เคยเห็นดูจากหน้าตาแล้วมาในแนวโค้งมน
- กระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมแบบรังผึ้ง
- ไฟหน้า LED ในชุดกันชนหน้าทรงบึกบึนพร้อมคิ้วตกแต่งชายล่างกันชนหน้าสีเงิน
- ด้านข้างดีไซน์กลมกลืนทั้งตัวถังตั้งแต่ ราวหลังคาบิ๊วอิน หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ
- ด้านท้ายมีความคล้ายกับรุ่นพี่ BYD SHARK 6 ด้วยไฟท้าย LED แนวตั้งลากยาวแนวนอนในชุดกระบะท้าย
- กันชนหลังดีไซน์กลมกลืนกับตัวถังรถ
- ล้ออัลลอยลายเดียวกับ BYD SEALION 6 สีทูโทนดีไซน์เอกลักษณ์ ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางจากค่าย GITI ขนาด 235/50R19
ด้านสเปกและรายละเอียดเชิงลึกยังไม่มีการเปิดเผยแต่คาดว่าจะเป็นกระบะปลั๊กอินไฮบริดยกขุมพลังมาจาก BYD SEALION 6 DM-i ด้วยขุมพลังเบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร รหัส BYD476ZQC ให้กำลังมากถึง 131 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 220 นิวตันเมตรที่ 1,500-3,500 รอบต่อนาที
จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent magnet synchronous motor มอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อโดยมอเตอร์ล้อหน้าให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร และมอเตอร์ล้อหลัง 163 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร
งานนี้ขยับขนาดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจาก 18.3 kWh มาเป็น 26.6 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ามากขึ้นเป็น 344 แรงม้า แรงบิดสูงสุดเท่าเดิม 550 นิวตันเมตร
วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าเพิ่มมาเป็น 128 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC วิ่งไกลสุดทำงานร่วมกับเครื่องยนต์และไฟฟ้าสูงสุด 961 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
พลังเบนซิน Plug In Hybrid ขนาด 1.5 ลิตร รหัส BYD472ZQA ที่มีให้เลือกถึง 2 ความแรงเริ่มที่รุ่น Essential และรุ่น Dynamic ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 135 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent magnet synchronous motor
แบบมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 197 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร จากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 18.3 kWh และ 26.6 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าถึง 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 92 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC และ 140 กิโลเมตร (NEDC) วิ่งไกลสุดทำงานร่วมกับเครื่องยนต์และไฟฟ้าสูงสุด 1,092 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO, Normal, Sport, HEV, EV และ Snow ส่วนรุ่น Premium AWD เพิ่มโหมดลุยทั้งโหมด Mud และ Sand และ ยังรองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 6.6 kW และการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 18 kW ด้วยหัวชาร์จแบบ Type 2/CCS Combo
มีระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) ยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้
สำหรับ BYD Pickup รุ่นที่ 2 เตรียมเปิดตัวปลายปีนี้ที่เมืองจีนส่วนเมืองไทยขึ้นประกอบและขายช่วงปีหน้า ท้าชน RIDDARA RD6 ส่วนทางด้านออสเตรเลียเตรียมเผยที่จะขายแต่จะใช้ชื่อรุ่น SHARK หรือ SEALION ต้องติดตาม
ที่มา CarNewsChina












