More

    BYD SEAL 5 DM-i วิ่งไกลกว่า 1 พันกม. ขายไทย 2 รุ่นย่อยเปิดราคา 8 ส.ค.

    BYD เตรียมส่งรถใหม่บุกไตรมาส 3 ด้วย BYD SEAL 5 DM-i เก๋งพลังปลั๊กอินไฮบริด ท้าชน Toyota Yaris ATIV HEV ที่จะเปิดตัวตามหลัง

    BYD

    BYD SEAL 5 DM-i ทำตลาดในแต่ละประเทศไม่ว่าจะเป็นฟิลิปินส์ อเมริกาใต้ และจีนในร่างเก๋งคอมแพ็คทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2022 

    ดีไซน์ ภายใต้ OCEAN AESTHETICS 

    ให้อารมณ์สปอร์ต ผสานกับเส้นสายตัวถังเริ่มที่ กระจังหน้าโครเมียมแนวนนอนลากยาวล้อมกรอบโครเมียมสีเงินติดตรา BYD พร้อมไฟหน้า Full LED แบบ STARLIGHT ในชุดกันชนหน้าออกแบบมีช่องระบายอากาศ Air Curtain มุมกันชนหน้าซ้าย-ขวา

    ด้านข้างเฉียบคม สะท้อนความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ด้วยกรอบกระจกโครเมียมในกระจกรถทรงโอเปร่า กระจกมองข้างทรงสปูนพร้อมไฟเลี้ยว LED ในรุ่น Premium ที่เปิดประตูดึงก้านสีเดียวกับตัวรถ ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/55 R17 ไฟท้ายรูปทรงเรขาคณิตแบบ DOT MATRIX แนวยาวรมดำพร้อม LED Light Bar และไฟเลี้ยวทางดานหลังแบบวิ่ง Sequential ติดตรา BYD บนขอบไฟท้ายเสริมหรูด้วยกันชนหลังพร้อมช่องใส่ป้ายทะเบียนท้ายและไฟทับทิมสะท้อนแสงในตัว ด้วยความเป็น C-Car ทำให้มิติตัวรถมีความใกล้กันเริ่มที่

    • ความยาว 4,780 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,837 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,495 มิลลิเมตร
    • ฐานล้อ 2,718 มิลลิเมตร
    • ระยะต่ำสุดจากพื้น 160 มิลลิเมตร
    • น้ำหนักรถ 1,620 กิโลกรัม
    • ความจุถังน้ำมัน 48 ลิตร

    BYD

    ภายในหรูมีสไตล์ใช้งานง่าย

    ได้พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านดีไซน์ใหม่ปรับได้​ 4 ทิศทาง มาตรวัดดิจิทัล 8.8 นิ้ว พร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว ในรุ่น Standard และ 12.8 นิ้วในรุ่น Premium รองรับระบบ Apple CarPlay® และ Android Auto™ พร้อมระบบนำทางในจอ เชื่อมต่อมือถือผ่านบลูทูธ และรองรับการอัปเดตซอฟตแวร์ผ่านสัญญาณอินเทอรเน็ต (OTA)

    ปุ่มการใช้งานต่างมารวมอยู่ที่เดียวกับคอนโซลเกียร์แบบปุ่มหมุนมีพร้อมเบรกมือไฟฟ้า (EPB-Electrical Park Brake) และช่วยควบคุมการไหลของรถอัตโนมัติ (AVH-Auto Vehicle Hold) ลำโพง 4 จุด ในรุ่น Standard และ 8 จุดในรุ่น Premium ที่ชาร์จมือถิอไร้สาย ในรุ่น Premium มีช่องเสียบ USB Type A และ Type C รวม 4 จุดทั้งตอนหน้าและตอนที่ 2 รวม 4 จุด ในรุ่น Premium ส่วนรุ่น Standard มีช่องเสียบ USB Type A และ Type C ด้านหลัง 2 จุด

    BYD

    กุญแจแบบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ NFC (NFC Card) มีกุญแจรถเป็นแบบ Smart Key พร้อมปุ่ม Push Start และ Digital Key ในรุ่น Premium พร้อมช่องแอร์ด้านหลังทำงานร่วมกับเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิอัตโนมัติพร้อมตัวกรองฝุ่น PM 2.5 ให้ความสะอาดและเย็นสบาย

    รุ่น Standard ได้เบาะผ้าปรับมือทั้งฝั่งคนขับ 6 ทิศทาง คนนั่ง 4 ทิศทาง ส่วนรุ่น Premium เบาะนั่งเป็นแบบหนังสังเคราะห์ตลอดการเดินทางปรับไฟฟ้าฝั่งคนขับ 6 ทิศทาง คนนั่งปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมพื้นที่สัมภาระมากถึง 450 ลิตร เบาะหลังมีพนักพิงศีรษะ ปรับระดับแยกกันไดทั้ง 3 ตําแหนง และมีที่พักแขนตรงกลางพรอมที่วางแก้ว 2 ตําแหน่งในรุ่น Premium และพับได้แบบ 60/40

    BYD

    ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด DM-i Super Hybrid

    • เบนซินขนาด 1.5 ลิตร รหัส BYD472QA ให้กำลัง 98 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 122 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที
    • มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า Permanent magnet synchronous ให้พลังมอเตอร์ไฟฟ้า 197 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร
    • เมื่อทำงานร่วมกันจะได้ความแรง 218 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร
    • ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    • อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 7.5 วินาที

    แบตเตอรี่ BYD Blade Battery มี 2 ทางเลือกความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนตั้งแต่ขนาด 13.08 kWh วิ่งไกลในโหมดอีวี 80 กิโลเมตร (NEDC) ในรุ่น Standard ส่วนรุ่น Premium มีความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 18.3 kWh วิ่งไกลในโหมดอีวี 120 กิโลเมตร (NEDC)

    ทั้ง 2 รุ่น วิ่งไกลระยะทางรวมกว่า 1,000 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC รองรับน้ำมันสูงสุด E20 จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT มีโหมดการขับขี่ 4 โหมดทั้ง EV+HEV/SPORT+ECO+NORMAL รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ AC ที่ 6.6 kW โดยชาร์จ 3.3 ชั่วโมง จาก 0-100% รองรับระบบ Vehicle-to-load (V2L) สำหรับจ่ายกระแสไฟฟ้าให้เครื่องใช้ไฟฟ้า ในรุ่น Premium

    BYD

    ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS) มาครบออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงโดยให้ทุกรุ่นได้แก่

    • ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control (ACC)
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันอัจฉริยะ Intelligent Cruise Control (ICC)
    • เตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning System (FCW)
    • ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Automatic Emergency Braking (AEB)
    • ชวยควบคุมรถ ไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ Lane Departure Prevention (LDP)
    • อ่านป้ายจราจร Traffic Sign Intelligent Recognition (TSR)
    • ปรับไฟสูงอัจฉริยะ Intelligent High Beam Control  (IHBC)
    • เตือนการชนด้านหลัง Rear Collision Warning System (RCW) ในรุ่น Premium
    • ช่วยเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA) ในรุ่น Premium
    • ช่วยเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Monitoring System (BSD) ในรุ่น Premium

    BYD

    ช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ Vehicle Dynamic Control (VDC) ป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ Traction Control System (TCS) ควบคุมความเร็วขณะจอดรถ Controlled Deceleration for Parking Brake (CDP) ป้องกันล้อล็อกขณะเบรก Anti-Lock Braking System (ABS) ช่วยกระจายแรงเบรกอัจฉริยะ Hydraulic Brake Assist (HBA)

    ควบคุมการกระจายแรงเบรก Electronic Brakeforce Distribution (EBD) ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Start Control System (HHC) ตรวจสอบแรงดันลมยาง Tire Pressure Monitoring System (TPMS) ชะลอความเร็วเมื่อเหยียบเบรกในความเร็วต่ำ Comfort Braking ลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก Brake Override System (BOS)

    BYD

    ถุงลมนิรภัยคู่หน้าฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้างฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ม่านถุงลมนิรภัยด้านหน้าและด้านหลังรวม 6 จุด เข็มขัดนิรภัย 5 จุด แบบผ่อนแรงและดึงกลับอัตโนมัติพร้อมระบบเตือนและสัญาณกันขโมย กล้องมองรอบคัน 360 องศากับเซนเซอร์ช่วยจอด 6 จุด (ด้านหน้า 2 จุด ด้านหลัง 4 จุด) ในรุ่น Premium ส่วนรุ่น Standard ได้กล้องมองหลัง และเซนเซอร์ช่วยจอดด้านหลัง 4 จุด

    BYD SEAL 5 DM-i เปิตตัวและราคาอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 สิงหาคม ประกอบในไทยที่โรงงาน บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ท้าชน Toyota ATIV HEV ที่จะเปิดตัววันที่ 21 สิงหาคม คาดราคาจำหน่ายไม่เกิน 700,000 บาท

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts