More

    BYD SEAL 2025 ปรับโฉมหรู ภายในใหม่ เผยจีน 8 สิงหาคม

    จีนเป็นที่แรกของโลกที่เตรียมเปิดตัวรุ่นปรับโฉมของเจ้าแมวน้ำหน้าหรูอย่าง BYD SEAL และเมืองไทยอาจได้โฉมนี้มาขายในเวอร์ชันประกอบไทยก็เป็นได้

    ดีไซน์ภายนอก Exterior

    BYD SEAL

    สิ่งที่เปลี่ยนไปสำหรับ BYD SEAL คือการเพิ่มฟังก์ชันความสามารถในการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงหรือ LiDAR มีกล้องด้านหลังเพิ่มเติมรวมถึงเรดาห์ ล้ออัลลอยลายใหม่ 5 ก้านคู่ทูโทนพร้อมยางขนาด 235/45R19 สีภายนอกใหม่สีฟ้าอมม่วง Sky Purple และด้านท้ายเป็นโลโก้ตัวอักษร BYD สีแดงเรืองแสง นอกนั้นเหมือนเดิมทั้งไฟหน้า LED ชุดกันชนหน้าขึ้นรูปชิ้นเดียวมีกระจังหน้าปิดทึบอยู่ในชุดเดียวกัน

    กระจกแบบโอเปร่า ดีไซน์หรูหราดุจรถยุโรป เส้นสายของตัวถังที่ดูลื่นไหลนับตั้งแต่จมูกหน้ารถ แนวตัวถังด้านข้างต่อเนื่องไปจนถึงโคมไฟท้าย LED ที่วางแบบเต็มความกว้างท้ายรถติดตั้งดิฟฟิวเซอร์มาให้พร้อมสรรพ พื้นที่วางของที่ฝากระโปรงหน้า 53 ลิตร ล้อสีทูโทนดีไซน์เอกลักษณ์ ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 225/50R18  สร้างบนพื้นฐาน e-platform 3.0

    • ความยาว 4,800 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,875 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,460 มิลลิเมตร
    • ฐานล้อ 2,920 มิลลิเมตร
    • ความสูงใต้ท้องรถ 120 มิลลิเมตร
    • น้ำหนัก 1,922-2,185 กิโลกรัม
    • รัศมีวงเลี้ยว 5.7 เมตร

    ภายใน Interior

    BYDใหม่หมดชนิดลืมภาพจำของ SEAL เดิมตั้งแต่คอนโซลหน่าดีไซน์ใหม่ถอดด้ามมี Head-up Display แสดงข้อมูลที่จำเป็นโดยที่ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนเบื้องหน้าถัดลงมาเป็นชุดหน้าจอดีไซน์ซ่อนรูปเริ่มที่มาตรวัดดิจิตอล LCD 10.25 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่เต็มตาถึง 15.6 นิ้ว เชื่อมต่อ Apple Car Play Android Auto รองรับ 5G มีระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ DiLink สามารถหมุนจอได้ เพิ่มเติมความทันสมัยด้วยแผงเอฟเฟกต์ลายสวยใหม่ฝั่งคนนั่ง ออกแบบช่องแอร์ใหม่เป็นแนวยาวซ้ายและขวา และมีช่องแอร์ตรงกลางใหม่ และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 4 ก้านทรงท้ายตัด

    BYDพร้อมโทนสีภายใหม่สีส้ม Coral Orange เบาะนั่งทรงสปอร์ตหุ้มหนังอย่างประณีตลายใหม่ นอกนั้นคงเดิมทั้งลำโพง Dynaudio 12 จุด ที่ชาร์จมือถือไร้สายให้มาถึง 2 จุด หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส  มีช่องเก็บของหลายจุดสามารถวางแก้วน้ำ พื้นที่สัมภาระท้ายมีความจุ 400 ลิตรระบบการเข้าารถและสตาร์ทแบบ Keyless ทำงานร่วมกับกุญแจแบบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ NFC

    สมรรถนะ Performance

    BYDอาจเหมือนเวอร์ชันตลาดโลกและไทยที่มีหลากหลาย 3 ทางเลือกตั้งแต่ รุ่นขับเคลื่อนล้อหลังสองรุ่นเริ่มที่รุ่นเริ่มต้น Dynamic RWD ด้วยแบตเตอรี่ที่มีความจุ 61.44 kWh วิ่งได้ 510 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC หรือ 550 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC กำลังสูงสุด 204 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 7.5 วินาที ขยับมาที่รุ่น Premium RWD พร้อมความจุแบตเตอรี่ 82.56 kWh กำลังสูงสุด 313 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ 650 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC หรือ 700 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 5.9 วินาที

    รุ่นท็อปสุด AWD Performance มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมีความจุแบตเตอรี่ขนาด 82.56 kWh กำลังรวมสูงสุด 530 แรงม้า แรงบิดสูงสุดระดับ 670 นิวตันเมตร โดยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ากำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง 313 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ 580 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC หรือ 650 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC แถมให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 3.8 วินาที คาดว่าขุมพลังสเปกจีนอาจมีการเปลี่ยนแปลง

    ทั้งสามรุ่นรองรับการชาร์จเร็ว (DC fast charging แบบ CCS2) 30-80% ภายในเวลา 30 นาทีรองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 110 kW ในรุ่น Dynamic RWD ส่วนรุ่น Premium RWD และ AWD Performance  รองรับการชาร์จเร็ว 30-80% ภายในเวลา 26 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 150 kW และชาร์จช้า AC แบบ Type 2 รองรับกำลังไฟสูงสุด 7 kW ทุกรุ่น ยังมีเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ นุ่มนวลถึงใจด้วยช่วงล่างอิสระสี่ล้อและระบบการดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking)

    เทคโนโลยีและความปลอดภัย Safety

    BYDนอกจาก LiDAR แล้วยังมาพร้อมความปลอดภัยขับเคลื่อนโดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS) ที่มาอย่างครบครันออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยง ได้แก่

    • ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and Go
    • ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW)
    • ช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB)
    • ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS)
    • ช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง (PCW with RCW)
    • ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD)
    • ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA, RCTB)
    • ช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP)
    • ช่วยควบคุมฉุกเฉินให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (ELKA)
    • ช่วยเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (LCW)
    • ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (Follow Me Home)

    ความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง

    • ถุงลมนิรภัย 9 จุดรอบคัน
    • ตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS)
    • จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
    • เสริมแรงเบรกอัจฉริยะ เบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
    • ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC)
    • ป้องกันการลื่นไถล (TCS)
    • ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD)
    • ควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC)
    • กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา

    เบื่องต้น BYD SEAL เตรียมเปิดตัวที่จีน 8 สิงหาคมนี้และเป็นการปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 2 ปี ของการทำตลาดในตระกูล Ocean ส่วนไทยอาจมาเร็วๆนี้ในเวอร์ชันประกอบไทย

    ที่มา CarNewsChina

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts