ออสเตรเลียเป็นรายล่าสุดเปิดตัวและราคาอย่างเป็นทางการสำหรับ BYD SEALION 7 เอสยูวีทรงสปอร์ตพวงมาลัยขวาที่ครั้งนี้ขายกัน 2 ทางเลือก
BYD SEALION 7 สร้างจากแพลตฟอร์ม e-platform 3.0 มาในร่างเอสยูวีทรงสปอร์ตท้ายลาด 5 ประตู
ภายนอกหล่อคล้ายๆ BYD SEAL U ตั้งแต่ภายนอกด้วยไฟหน้า LED รูปตัว C พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียวกัน กันชนหน้าขึ้นรูปชิ้นเดียวดีไซน์หลบมุมซ้ายขวามีกระจังหน้าปิดทึบอยู่ในชุดเดียวกันพร้อมตรา BYD กระจกแบบโอเปร่าดีไซน์หรูหราดุจรถยุโรปหลังคาแบบ Panoramic Glass Roof มาพร้อมเทคโนโลยีการตัดแสงและรังสียูวี ป้องกันความร้อนเข้าสู่ห้องโดยสาร
กระจกมองข้างปรับองศาอัตโนมัติพร้อมระบบ Mirror Memory และระบบทำความร้อนไล่ฝ้า เส้นสายของตัวถังที่ดูลื่นไหลนับตั้งแต่จมูกหน้ารถแนวตัวถังด้านข้างต่อเนื่อง กระจกบังลมหน้าและหน้าต่างแถวหน้าแบบเก็บเสียง และหน้าต่างส่วนตัวผู้โดยสารตอนหลัง
ไฟท้าย LED ออกแบบรูปตัวเอลากยาวอย่างต่อเนื่องติดตรา BYD รับกับกันชนหลังดีไซน์ตัวซีพร้อมดิฟฟิวเซอร์มาให้พร้อมไฟถอยหลังใต้กันชนและไฟทับทิมซ้าย-ขวา คิ้วขอบล้อทรงสปอร์ตรับกับล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 20 นิ้ว พร้อมยาง 245/45R20 จากค่าย MICHELIN และมีขนาด 19 นิ้วให้เลือกพร้อมยางขนาด 235/50R19 และ 255/45R19
ดีไซน์โดย Wolfgang Egger หัวหน้าฝ่ายออกแบบค่ายที่เคยฝากผลงานในอดีตกับค่าย AUDI โดยได้แรงบันดาลใจจากต้นแบบ BYD Ocean X รุ่นนี้อยู่กึ่งกลางรุ่น ATTO3 และรุ่น SEAL U มีมิติตัวรถตั้งแต่ ความยาว 4,830 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,925 มิลลิเมตร ความสูง 1,620 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,930 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 2,225-2,340 กิโลกรัม
ภายในหรูหราอย่างน่าประหลาดใจด้วยการดีไซน์มีความคล้ายกับ BYD QIN L ด้วยดีไซน์คอนโซลหน้าหุ้มหนังสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสี่ก้านแบบท้ายตัด ติดตั้งมาตรวัดความเร็ว 10.25 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว สามารถหมุนจอได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย DiLink รองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน
พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ HUD 50 นิ้ว ลำโพง Dynaudio 12 จุด ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light มากถึง 128 สี ระบบกุญแจ NFC ที่ชาร์จมือถือไร้สาย หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส และช่องเก็บของหลายจุดสามารถวางแก้วน้ำ ช่องเก็บของหลายจุด มาพร้อมที่วางแก้วขนาดใหญ่ 2 จุด
พอร์ตชาร์จ USB Type A และ C รวม 4 จุด (ด้านหน้า Type A และ C อย่างละ 1 จุด และด้านหลัง Type A และ C อย่างละ 1 จุด) แท่นชาร์จมือถือไร้สายสองช่องกำลัง 50W เครื่องปรับอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังพร้อมระบบฟอกอากาศประจุลบพร้อมกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ถึงระดับ CN95 น้ำหอมปรับอากาศเลือกได้ถึง 3 กลิ่น
กระจกบังลมหน้าและหน้าต่างแถวหน้าแบบเก็บเสียง และหน้าต่างส่วนตัวผู้โดยสารตอนหลังเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ตัดเย็บประณีตฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และ เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางพร้อมกับระบบระบายอากาศและอุ่นเบาะ สามารถบันทึกตำาแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ Memory Seat ความจุห้องเก็บสัมภาระ 500 ลิตร และช่องเก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้า 58 ลิตร
โดยรุ่น Performance เพิ่มระบบระบายอากาศและอุ่นเบาะด้านหลัง อุ่นพวงมาลัย ล้ออัลลอย 20 นิ้ว และ คาลิเปอร์ดิสก์เบรกหน้าพ่นสีพิเศษแนวสปอร์ต
สเปกออสเตรเลียอาจคล้ายกับสเปกไทยขาย 2 รุ่นด้วยไฟฟ้าพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor พร้อมแบตเตอรี่แบบ lithium iron phosphate (LFP) Blade Battery เป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถเรียกว่า Cell To Body หรือ CTB กับความจุแบตเตอรี่ 82.56 kW พร้อมระบบส่งกำลังอัจฉริยะ 8-in-1 ระยะเวลาการชาร์จมาแบบกระแสตรง DC รองรับกำลังสูงสุด 150kW 10-80% ภายใน 30 นาที กับกระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 11 kW มี 2 รุ่นเริ่มที่
รุ่น Premium เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.7 วินาที วิ่งไกลสุด 567 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC หรือ 482 กิโลเมตร (WLTP)
รุ่นท็อป AWD Performance ขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้กำลังรวมสูงสุด 530 แรงม้า แรงบิด 690 นิวตันเมตรจากมอเตอร์คู่หน้าให้กำลัง 218 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร และมอเตอร์คู่หลัง 313 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุด 542 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC หรือ 456 กิโลเมตร (WLTP)
พร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed พร้อมโหมดการขับขี่สามโหมดทั้ง Eco, Standard และ Sport มีระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) ใช้หัวชาร์จแบบ Type 2/CCS Combo พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO, Comfort, Sport
มีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ พร้อม ช่วงล่างแบบปีกนกคู่ด้านหน้า และ Multi-Link ด้านหลัง ช่วยควบคุมการขับขี่ได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล พร้อมความปลอดภัยครบครันด้วยช่วยขับขี่อัจฉริยะ DiPilot ทั้ง
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous Emergency Braking (AEB)
- ช่วยเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning (FCW)
- ช่วยเตือนการชนด้านหลัง Rear Collision Warning (RCW)
- ช่วยเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Monitoring (BSD)
- ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู Door Open Warning (DOW)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Reverse Cross Traffic Braking (RCTB)
- ช่วยเตือนรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า Front Cross Traffic Alert (FCTA)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า Front Cross Traffic Braking (FCTB)
- ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมฟังก์ชัน Adaptive cruise control Stop and Go (ACC-S&G)
- แจ้งเตือนจํากัดความเร็วอัจฉริยะ Intelligent Speed Limit Information (ISLI)
- ช่วยควบคุมความเร็วอัจฉริยะ Intelligent Speed Limit Control (ISLC)
- เตือนการออกนอกช่องทางเดินรถ Lane Departure Alert (LDA)
- ช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน Emergency Lane Keeping Assist (ELKA)
- อ่านป้ายจราจร Traffic Sign Recognition (TSR)
- ควบคุมความเร็วอัจฉริยะ Intelligent Speed Alert (ISA)
- เตือนขณะเปลี่ยนเลน Lane Change Warning (LCW)
- เตือนความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ Driver Attention Warning (DAW)
- ตรวจจับการทิ้งเด็กไว้ในรถในวันที่อากาศร้อน Child Presence Detection (CPD)
กล้องมองรอบคัน 360 องศา ช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC) ป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ Traction Control System (TCS) ควบคุมการกระจายแรงเบรก Electronic Brake Force Distribution (EBD) ควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน Hill Hold Control (HHC) ช่วยควบคุมการไหลของรถอัตโนมัติ (AVH) เซนเซอร์ช่วยจอด ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลัง 4 ตำแหน่ง ตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS) ถุงลมนิรภัยรอบคัน (คู่หน้า ด้านข้าง ม่านนิรภัย และระหว่างผู้ขับขี่)
BYD SEALION 7 ขาย 2 รุ่นย่อยทั้งรุ่น Premium RWD และ Performance AWD ในราคาไม่รวมค่าจดทะเบียนและภาษีถนน On-Road ของออสเตรเลีย $54,990-$63,990 หรือราว 1,184,000-1,374,000 บาท
ที่มา CAREXPERT