รถสตาร์ทไม่ติด เป็นปัญหาที่สร้างความหงุดหงิดให้กับผู้ขับขี่เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเกิดขึ้นตอนเช้ารีบไปทำงาน หรือตอนกลางคืนขากลับบ้าน สาเหตุของปัญหานี้มีหลากหลาย ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไปจนถึงปัญหาใหญ่ที่ต้องนำรถเข้าอู่ซ่อม วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงสาเหตุที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด พร้อมทั้งวิธีแก้ไขเบื้องต้นที่คุณสามารถทำได้เอง
สาเหตุที่ทำให้ รถสตาร์ทไม่ติด
- แบตเตอรี่เสื่อม: หากรถสตาร์ทไม่ติด ให้สังเกตไฟหน้าปัดว่าติดหรือไม่ ถ้าไฟหน้าปัดไม่ติดเลย แสดงว่าปัญหาอาจอยู่ที่แบตเตอรี่ สาเหตุหลักที่พบบ่อยที่สุดคือแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ทำให้จ่ายไฟไม่พอในการสตาร์ทเครื่องยนต์ เพราะฉะนั้นอย่าลืมเปลี่ยนแบตเตอรี่ตามระยะเวลาที่กำหนด หรือหากจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ต้องหมั่นสตาร์ทรถเพื่อชาร์จแบตอย่างสม่ำเสมอ
วิธีแก้ไข: พ่วงแบตจากรถคันอื่นเพื่อสตาร์ทรถ แล้วนำรถเข้าอู่เพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ - ไดสตาร์ทเสีย: ไดสตาร์ทมีหน้าที่หมุนเครื่องยนต์เพื่อให้สตาร์ทติด หากไดสตาร์ทเสียจะทำให้เครื่องยนต์ไม่หมุน หากเราทำการสตาร์ทรถไฟแล้วหน้าปัดยังติดครบเป็นปกติ แต่ไม่มีเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ใด ๆ ตามมา หรืออาจมีเสียงผิดปกติดังขึ้น มีความเป็นไปได้สูงว่าไดสตาร์ทรถของคุณกำลังมีปัญหา
วิธีแก้ไข: ต้องนำรถเข้าอู่เพื่อให้ช่างตรวจสอบและซ่อมแซมไดสตาร์ท - ระบบจุดระเบิดมีปัญหา: เช่น หัวเทียนเสีย, สายหัวเทียนขาด, หรือคอยล์เสีย ทำให้ประกายไฟไม่ดีพอที่จะจุดระเบิดเชื้อเพลิง ส่งผลให้เครื่องยนต์อาจไม่สตาร์ทหรือสตาร์ทติดได้ยาก
วิธีแก้ไข: ตรวจสอบและเปลี่ยนอะไหล่ที่เสียหาย - ปั๊มติ๊กเสีย: ปั๊มติ๊กมีหน้าที่ส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังเครื่องยนต์ หากปั๊มติ๊กเสีย เครื่องยนต์จะขาดน้ำมันและสตาร์ทไม่ติด สาเหตุที่ทำให้ปั๊มติ๊กเสีย เกิดจากการที่ผู้ใช้ชอบปล่อยให้ไฟสัญญาณเตือนน้ำมันหมดแสดงอยู่เป็นประจำ พอน้ำมันเชื้อเพลิงในตัวถังเหลือน้อยเกินไปปั๊มติ๊กก็จะไปดูดอากาศเข้ามาแทนที่ จนทำให้เสียหายได้ในที่สุด
วิธีแก้ไข: ตรวจสอบเสียงปั๊มติ๊ก และนำรถเข้าอู่เพื่อซ่อมแซม - น้ำมันหมด: อาจฟังดูเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ แต่ผู้ใช้รถหลาย ๆ คนมักมีพฤติกรรมชอบขับรถจนกว่าสัญญาณเตือนน้ำมันจะขึ้นเตือน และยังคงขับต่อไปอีก จนบางครั้งน้ำมันเหลือน้อยมาก ๆ จนเมื่อต้องาสตาร์ทรถครั้งต่อไป อาจจะมีน้ำมันไม่เพียงพอในการสตาร์ทรถนั่นเอง
วิธีแก้ไข: เติมน้ำมันให้เพียงพอ
การแก้ไขปัญหารถสตาร์ทไม่ติด อาจต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ หากคุณไม่มั่นใจในการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย
บทความที่น่าสนใจ
อย่ามองข้าม! เช็คระยะเป็นประจำ ก่อนที่ปัญหาจะใหญ่โต
น้ำมันเครื่องมีกี่แบบ? เลือกแบบไหนดี? คู่มือเลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะกับรถของ
