More

    รถยนต์แต่ละ Segment แตกต่างกันอย่างไร? เลือกซื้อให้เหมาะกับการใช้งาน

    ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ รถยนต์แต่ละ Segment ที่ได้รับความนิยมในตลาด พร้อมทั้งข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับขนาดเครื่องยนต์และคุณสมบัติต่างๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อรถให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ

    Segment คืออะไร?

    Segment หมายถึงการแบ่งประเภทของรถยนต์ตามขนาดตัวถังและสมรรถนะของเครื่องยนต์ ซึ่งทำให้ผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อรถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการได้ดีขึ้น การแบ่ง Segment ของรถยนต์จะมีการใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษเพื่อแสดงประเภทต่างๆ โดยจะมีการแบ่งตั้งแต่ A-Segment ไปจนถึง E-Segment ตามลำดับ

    รถยนต์ขนาดเล็ก (A-Segment)

    รถยนต์ใน A-Segment หรือ “Minicompact Car”เป็นรถที่มีขนาดตัวถังเล็ก โดยมักจะมีขนาดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 660 cc ถึง 1000 cc เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตในเมืองและต้องการรถที่สามารถขับขี่ในที่แคบได้อย่างคล่องตัว ตัวอย่างของรถใน A-Segment ได้แก่ Mitsubishi Mirage, Suzuki Celerio c และ Daihatsu Hijet เป็นต้น

    ลักษณะเด่น

    • ขนาดเล็ก
    • ประหยัดน้ำมัน
    • ราคาไม่สูง
    • เหมาะกับการขับขี่ในเมือง

    รถยนต์คอมแพกต์ (B-Segment)

    รถยนต์แต่ละ Segment

    B-Segment หรือรถยนต์ขนาดคอมแพกต์มีขนาดตัวถังใหญ่ขึ้นมาจาก A-Segment และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการขับขี่ที่ไม่ใหญ่เกินไป โดยขนาดเครื่องยนต์จะอยู่ที่ 1,000 cc ถึง 1,500 cc รถใน Segment นี้มักจะได้รับความนิยมในประเทศไทย เนื่องจากมีราคาประหยัดและสมรรถนะที่ดี เหมาะกับการใช้งานทั้งในเมืองและการเดินทางไกล ตัวอย่างของรถใน B-Segment ได้แก่ Mazda 2, Nissan Almera, Suzuki Swift, Honda City และ Toyota Yaris เป็นต้น ซึ่ง B-Segment จะมีการแยกย่อยเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

    • Eco Car รถที่มีขนาดเครื่องยนต์ประมาณ 1,200 cc ซึ่งเป็นรุ่นประหยัดน้ำมัน
    • รถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ 1,200 cc – 1,500 cc ซึ่งมีสมรรถนะสูงขึ้น

    ลักษณะเด่น

    • ขนาดกลาง
    • ประหยัดน้ำมัน
    • ราคาไม่สูงเกินไป
    • เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก

    รถยนต์ขนาดกลาง (C-Segment)

    รถยนต์แต่ละ Segment

    C-Segment หรือที่รู้จักกันในชื่อ Compact Car เป็นรถที่มีขนาดไม่เล็กหรือใหญ่มากเกินไป โดยมีขนาดเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,500 cc ถึง 2,200 cc เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลางหรือผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทางระยะไกล ตัวอย่างรถใน C-Segment ได้แก่ Honda Civic, Toyota Corolla Altis, Mazda 3 และ MG 5 เป็นต้น รถใน Segment นี้มักมีพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางและรองรับผู้โดยสารได้ 4-5 คน

    ลักษณะเด่น

    • ขนาดห้องโดยสารกว้างขวาง
    • เหมาะสำหรับครอบครัว
    • สมรรถนะเครื่องยนต์ดี

    รถยนต์ขนาดใหญ่ (D-Segment)

    D-Segment

    รถยนต์ใน D-Segment หรือ Full Size Car เป็นรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่และหรูหรา มักจะมีฟังก์ชันที่ครบครัน รวมทั้งเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง ตัวรถมีขนาดยาวตั้งแต่ 4,500 มม. ขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรถที่มีความสะดวกสบายทั้งในเมืองและการเดินทางไกล ตัวอย่างของรถใน D-Segment ได้แก่ Toyota Camry, BMW Series 3, Nissan Teana และ Audi A4 ซึ่งราคาของรถใน Segment นี้จะอยู่ที่ประมาณ 1.5 – 2 ล้านบาท

    ลักษณะเด่น

    • ความหรูหรา
    • ฟังก์ชันการใช้งานครบครัน
    • เหมาะกับการใช้งานทั้งในเมืองและการเดินทางไกล

    รถยนต์หรู (E-Segment)

    E-Segment

    E-Segment เป็นกลุ่มของรถยนต์ขนาดใหญ่ที่มีความหรูหราและสมรรถนะสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความพรีเมียมทั้งในเรื่องของการขับขี่และการตกแต่งภายใน ตัวรถจะมีขนาดและพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง รองรับการใช้งานในระดับผู้บริหาร ตัวอย่างของรถใน E-Segment ได้แก่ Mercedes-Benz E-Class, BMW Series 7, Audi A6 ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 3 ล้านถึง 6 ล้าน บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์เสริม

    ลักษณะเด่น

    • หรูหราและพรีเมียม
    • เครื่องยนต์แรงและสมรรถนะสูง
    • ราคาสูง

    การเลือก Segment ของรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจซื้อรถ เนื่องจาก รถยนต์แต่ละ Segment มีคุณสมบัติและฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ A-Segment สำหรับการใช้งานในเมืองไปจนถึง E-Segment สำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหราและสมรรถนะสูง การทำความเข้าใจในแต่ละประเภทจะช่วยให้คุณเลือกซื้อรถที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณได้ดียิ่งขึ้น

    บทความที่น่าสนใจ
    SUV ขนาดเล็ก 9 รุ่น ที่ปลอดภัยที่สุดในปี 2024 ได้ 5 ดาวจาก Euro NCAP
    ระบบขับเคลื่อนรถยนต์ FWD-RWD-AWD-4WD ความแตกต่างและข้อดีข้อเสีย

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts