โดยทั่วไปการซ่อมแซมถนนสายหลักในเมืองใหญ่จะต้องใช้เวลาหลายวัน บางครั้งอาจยืดเยื้อเป็นเดือนหรือเป็นปี และมักจะมีผลกระทบต่อการจราจรที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นการปิดถนน การลดช่องทางจราจร ทำให้เกิดความล่าช้าในการเดินทาง แต่คงไม่ใช่สำหรับประเทศจีนที่แสดงให้เห็นว่า แนวคิดดังกล่าวอาจไม่จริงเสมอไป โดยเฉพาะถ้าพูดถึงความเร็วในการก่อสร้าง
China Speed การก่อสร้างแบบเร่งด่วนในกรุงปักกิ่งของประเทศจีน สร้างความสนใจไปทั่วโลก หลังสามารถซ่อมแซมและปูผิวถนนด้วยยางมะตอยปริมาณมากถึง 8,000 ตัน บนถนนที่มีระยะทาง 2.4 กิโลเมตร ได้ภายในเวลาเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น
ชื่อถนนดังกล่าวคือ ถนนวงแหวนรอบที่สี่ ของกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางคมนาคมหลัก ที่มีรถสัญจรหนาแน่นตลอดทั้งวัน ปกติงานซ่อมถนนลักษณะนี้ต้องใช้เวลาหลายวัน และมักส่งผลโดยตรงต่อการจราจร ทางการจีนตัดสินใจระดมแรงงาน เครื่องจักร และวัสดุก่อสร้างทั้งหมด มาดำเนินงานในช่วงกลางคืนเพียงคืนเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อผู้ใช้ถนนในช่วงกลางวัน โดยมีการวางแผนอย่างละเอียด ตั้งแต่การขนส่งยางมะตอย การปูผิวถนน ไปจนถึงการตรวจสอบคุณภาพหลังเสร็จสิ้นงาน
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้งานซ่อมถนนครั้งนี้สำเร็จภายในเวลาจำกัด คือการใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่หลายชุดทำงานพร้อมกัน รวมถึงการแบ่งหน้าที่ของทีมงานอย่างชัดเจน ตั้งแต่การรื้อผิวถนนเดิม การปรับระดับพื้นผิว ไปจนถึงการปูยางมะตอยชั้นใหม่แบบต่อเนื่องตลอดทั้งแนวถนนการทำงานในลักษณะจะนี้ช่วยงานเดินหน้าได้ต่อเนื่อง ไม่เสียเวลารอในแต่ละขั้นตอน และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของโครงการ ซึ่งเป็นรูปแบบการจัดการงานก่อสร้างที่จีนพัฒนาและนำมาใช้อย่างต่อเนื่องในโครงการขนาดใหญ่ทั่วประเทศ
ทำให้เช้าวันถัดมา ถนนวงแหวนรอบที่ 4 สามารถกลับมาเปิดใช้งานได้ตามปกติ ก่อนที่ประชาชนจะเริ่มมีการใช้ถนนเพื่อออกเดินทางไปทำงาน โดยแทบไม่เกิดผลกระทบต่อการจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วน
ซึ่งเหตุการณ์นี้สะท้อนแนวคิด China Speed ซึ่งเป็นคำที่ถูกนำมาใช้ในงานด้านการก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน เพื่ออธิบายถึงการทำงานที่รวดเร็วเป็นพิเศษ ควบคู่กับการจัดการโครงการที่มีประสิทธิภาพ
ที่ผ่านมาจีนเคยสร้างสถิติการก่อสร้างด้วยระยะเวลาที่สั้นมาแล้วหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างสะพานทางรถไฟความเร็วสูง หรือแม้แต่อาคารที่พักอาศัย ซึ่งเคยมีรายงานว่าบางโครงการสามารถประกอบอาคารอพาร์ตเมนต์ได้เสร็จภายในเวลาเพียง 29 ชั่วโมง เท่านั้น
ที่มา :odditycentral.com
ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่ : car2day.com










