จากที่เคยถูกมองว่าเป็นแค่รถก๊อปปี้หรือรถคุณภาพต่ำ แต่วันนี้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีนได้กลายเป็น “ฝันร้าย” ของค่ายรถตะวันตกอย่างเต็มตัว ล่าสุดข้อมูลจากศุลกากรจีนเผยให้เห็นตัวเลขการส่งออกในเดือนพฤศจิกายนที่พุ่งสูงขึ้นถึง 87% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
สรุปตัวเลขสถิติที่น่าสนใจ:
- ยอดส่งออกทั่วโลก: ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนพฤศจิกายน ยอดส่งออก EV จีนโตขึ้น 29% รวมแล้วเกือบ 2 ล้านคัน ทั่วเอเชีย ยุโรป และตลาดเกิดใหม่
- เม็กซิโกคือเบอร์ 1: ในเดือนพฤศจิกายน เม็กซิโกกลายเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งด้วยยอด 19,344 คัน เติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 2,367%
- ยุโรปโดนบุกหนัก: ตลอดปี 2025 มีรถ EV จีนส่งเข้าไปขายในยุโรปแล้วกว่า 600,000 คัน
หมัดเด็ดจาก BYD: ตัวตึงในตลาดโลก
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดในเม็กซิโกพุ่งสูงขนาดนี้คือความสำเร็จของ BYD Dolphin Mini (หรือ BYD Seagull) รถไฟฟ้าไซส์คอมแพ็คที่ยาวเพียง 3,780 มม. พกพามอเตอร์ไฟฟ้า 74 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกทั้งขนาด 30.1 และ 38.8 kWh วิ่งได้ไกลสุด 380 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานในเมืองด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย
ตลาดเอเชียและไทยยังคงเป็นฐานหลัก
ในเดือนที่ผ่านมา ตลาดเอเชียยังคงเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด โดยมีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจีนรวม 110,061 คัน (โตขึ้น 71%) โดยมี อินโดนีเซีย (17,503 คัน) และ ไทย (13,517 คัน) เป็นหัวหอกสำคัญในภูมิภาคนี้
วิกฤตของค่ายรถยุโรป
แม้ประเทศอย่างเบลเยียมจะมียอดนำเข้าลดลง 15% (รวม 195,309 คัน) แต่ในสหราชอาณาจักรกลับมียอดพุ่งสูงถึง 113% ในเดือนพฤศจิกายนเพียงเดือนเดียว
ตัวเลขการส่งออกไปยุโรปรวมกว่า 604,105 คัน (เพิ่มขึ้น 12% จากปี 2024) คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักการเมืองและผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปต่างตื่นตระหนก และพยายามหามาตรการมาสกัดกั้นคลื่นรถไฟฟ้าจากจีนที่ดูเหมือนจะหยุดไม่อยู่แล้วในขณะนี้
Source: Carscoops
