More

    DENZA D9 เจอคันจริงพวงมาลัยขวาวิ่งทดสอบในไทยก่อนขายเร็วๆนี้

    นับเป็นหนึ่งรุ่นใหม่ของค่าย BYD ที่พร้อมจะทำตลาดในไทยต่อจาก BYD SEA LION, BYD M6 และ BYD SEAL U กับ DENZA D9 เอ็มพีวีหรูนักฆ่า Alphard

    DENZA

    ล่าสุดเพจ ขับชาร์จ เผยภาพ DENZA D9 เวอร์ชันพวงมาลัยแบบไม่พรางตัวทั้งคัน (พรางตัวในส่วนชื่อรุ่นและโลโก้) วิ่งทดสอบแถวมอเตอร์เวย์ โดยรุ่นที่ทดสอบคาดว่าเป็นรุ่นอีวีล้วนหรูหรา DENZA D9 หน้าตายังคงเดิมเน้นหรูหราด้วยชุดกระจังหน้าทรงทึบสีเงิน สีเงินแนวตั้ง 12 ซี่ ในรุ่น EV หรือ ลายเกล็ด 7 ชั้น ในรุ่น DM-I PHEV คล้าย Alphard ปะตราโลโก้เด่น พร้อมขอบสีเงินล้อมรอบด้านหน้ารถแบบเต็มๆไฟหน้า LED ดีไซน์หรู ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Daytime พร้อมชุดตกแต่งสีเงินที่ขอบกระจก คิ้วชายล่างประตู คิ้วกันชนหลัง ไฟท้ายดีไซน์แนวยาว LED และไฟเลี้ยววิ่ง Sequential หลังคา Dual Panoramic Sunroof ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า และ ล้ออัลลอยลายสุดล้ำขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60R18 ในรุ่นปรับปรุงใหม่ติดตั้งออปชันเสริมความสบายด้วยประตูดูดไฟฟ้าทั้งในส่วนประตูคู่หน้าและประตูสไลด์สองฝั่ง

    มิติตัวรถมีความยาว 5,250 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,960 มิลลิเมตร ความสูง 1,920 มิลลิเมตร ฐานล้อ 3,110 มิลลิเมตร และความจุถังน้ำมัน 53 ลิตรสำหรับรุ่น DM-I PHEV

    ภายในหรูหราสง่างามเทียบเท่าคู่แข่งตั้งแต่เบาะนั่งหนังแท้ 7 ที่นั่งแบบ NAPPA โดยเบาะนั่งแถวที่สองมาแบบ VIP Captain Seat พร้อมระบบจดจำตำแหน่งการนั่ง (Memory Seats) ระบบนวด เบาะอุ่น ระบายความร้อนควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Screen พร้อมช่องวางโทรศัพท์ โต๊ะพับและที่วางแก้ว ตกแต่งด้วยวัสดุหนัง เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 12 ทิศทาง และฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ทุกที่นั่งมีระบบอุ่นเบาะ มีพื้นที่ด้านหลังขนของได้ 410-570 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ และถ้าพับเบาะ 2,310 ลิตร ระบายอากาศ และนวดเพื่อผ่อนคลาย

    แผงคอนโซลหน้ามีจอสัมผัสขนาดใหญ่ลากเป็นแนวยาวประกอบด้วย จอสัมผัส 15.6 นิ้วรองรับ Apple Car Play และ Android Auto จอหลังเบาะคนขับคู่หน้า 2 จอขนา พร้อมลำโพง DYNAUDIO 14 จุด มีช่องเชื่อมต่อ USB ช่องจ่ายไฟ AC Adaptor 220V มาตรวัด LCD 10.25 นิ้ว พร้อม จอแสดงข้อมูลการขับขี่บนแผงคอนโซลหน้า Head Up Display มีไฟสร้างบรรยากาศภายใน ambient light มากถึง 128 สี กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 3 โซน แยกบริเวณด้านหน้าและหลังอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 กุญแจนิรภัยแบบอัจฉริยะ พร้อมระบบ Push Start และที่ชาร์จมือถือไร้สาย

    พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันอัพเกรดในส่วนปุ่มการทำงานซ้าย-ขวาให้ไวขึ้นพร้อมระบบอุ่นที่พวงมาลัย จอสัมผัสยังเพิ่มฟังก์ชันความบันเทิงกับแอป Game Center เข้ามาด้วย ปรับในเรื่องระบบสั่งงานด้วยเสียง คอนโซลเกียร์ออกแบบใหม่ปรับให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมสีภายในใหม่แบบ Broad-minded Rice รุ่น 4 ที่นั่ง PIONEER เบาะ VIP สองที่นั่งปรับด้วยระบบไฟฟ้า 18 ทิศทาง พร้อมระบบนวดเบาะมากถึง 18 จุด อุ่นเบาะถึง 6 จุด โต๊ะทำงานดีไซน์เรียบหรู สำหรับการใช้งานอเนกประสงค์ รองรับการทำงาน อ่านหนังสือ มีตู้เย็นเล็กขนาด 7.5 ลิตร พร้อมจอควบคุมการทำงานแบบจอสี LCD ในชุดคอนโซลกลางขนาดใหญ่

    หน้าจอขนาดใหญ่ 32 นิ้ว ลำโพงจาก DEVIALET มากถึง 22 จุด พร้อมชุดฉากกั้นมีกระจกกั้นกลางในห้องโดยสาร เก็บเสียงได้เป็นอย่างดี​ พร้อมระบบแอร์แยกส่วน ช่วยให้การหมุนเวียนอากาศแยกส่วนกันชัดเจน ระหว่างห้องคนขับและห้องโดยสาร เพิ่มระบบฟอกอากาศ FOREST สามารถกำจัดเชื้อไวรัส Covid-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ​

    ขุมพลังมีสองแบบเริ่มที่ DM-i PHEV เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร รหัส BYD476ZQC กำลังสูงสุด 139 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 231 นิวตันเมตรที่ 1,350-4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบ EHS Hybrid ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวกำลังสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร มีด้วยกันถึง 3 ทางเลือกเริ่มที่

    รุ่น DM-i 965 มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 20.39 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวม 301 แรงม้า แรงบิด 571 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 98 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC หรือ 75 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC ถ้าเติมน้ำมันและชาร์จหนึ่งครั้งรวมกัน วิ่งไกล 965 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 9.5 วินาที ขับเคลื่อนล้อหน้า

    รุ่น DM-i 1040 เครื่องยนต์เดียวกัน มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้พลังเท่ากันและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขยายความจุเป็น 40.06 kWh ทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวมเหมือนกับรุ่น DM-i 965 แต่วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้ามากขึ้นถึง 190 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC หรือ 155 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC ถ้าเติมน้ำมันและชาร์จหนึ่งครั้งรวมกัน วิ่งไกล 1,040 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 9.5 วินาที

    รุ่น DM-i 970 AWD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยเพิ่มมอเตอร์หลัง 61 แรงม้า แรงบิด 110 นิวตันเมตร และเมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้าสูงสุด 407 แรงม้า แรงบิด 681 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้ามากขึ้นถึง 180 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC หรือ 145 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC ถ้าเติมน้ำมันและชาร์จหนึ่งครั้งรวมกัน วิ่งไกล 970 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.9 วินาที  ทุกรุ่น สามารถชาร์จกระแสตรง DC รองรับกำลังสูงสุด 45 และ 80 kW และชาร์จกระแสตรง AC

    DENZA

    รุ่น EV มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าติดตั้งความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 103.36 kWh คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า 313 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร ชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งไกลสุด 620 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 9.5 วินาที และรุ่นท็อปมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเท่ากัน มอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าให้กำลังเท่ากันแต่เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง 61 แรงม้า แรงบิด 110 นิวตันเมตร และเมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 374 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตันเมตร โดยชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งไกลสุด 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.9 วินาที

    ทั้งคู่มีทั้งชาร์จช้ากระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 7 kW และชาร์จเร็วกระแสตรง DC 30-80% รองรับกำลังไฟสูงสุด 166 kW รองรับ V2L มาพร้อมช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์ ติดตั้งกันสะเทือนอัจฉริยะ DiSus-C ช่วยปรับระดับการกระแทกของระบบกันสะเทือนโดยระบบประมวลผล ซึ่งควบคุมด้วยโซลินอยด์วาล์วเพื่อช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกถึงความสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับระบบกันสะเทือนทั่วๆ ไป

    DENZA

    พร้อมความปลอดภัยและช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบจัดเต็มทั้งระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA/ BSD/ RCTA/ DOW)

    พร้อมความปลอดภัยทั้งระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution), เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ควบคุมการทรงตัว EPS ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)

    DENZA

    เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3 เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้างหน้า-หลัง ม่านถุงลมนิรภัย หัวเข่ารวม 9 จุด กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ และ สัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง

    เอ็มพีวีหรูจาก BYD คู่แข่งโดยตรงทั้ง MG Maxus 9, Toyota Alphard กับ Toyota VELLFIRE เตรียมขายในไทยเร็วๆนี้และพร้อมเผยโชว์รูมที่แยกขายกับแบรนด์หลักในไทยเร็วๆนี้

    ที่มา ClubCharge ขับชาร์จ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts