Fernando Alonso ได้ออกมาเปิดใจในหัวข้อต่าง ๆ เกี่ยวกับอนาคตของเขาใน Formula 1 โดยเจ้าตัวยอมรับว่า การย้ายซบ Aston Martin จะทำให้เขาต้องเริ่มต้นนับใหม่จาก ‘ศูนย์’ อีกครั้ง
Alonso ย้ายออกจาก Alpine หลังจบฤดูกาล 2022 เพื่อเข้าสังกัด Aston Martin ด้วยสัญญาแบบหลายปี โดยค่ายยักษ์เขียวมีผลงานด้อยกว่าทีมแข่งจากฝรั่งเศส ซึ่งนักแข่งสแปนิชได้ลงขับให้ทั้ง 2 ฤดูกาล อย่างไรก็ตาม ด้วยวิสัยทัศน์และการลงทุนไปกับการพัฒนาอันมหาศาล Alonso จึงได้ตัดสินใจย้ายทีมเพื่อไปหาความก้าวหน้าจากทีมแข่งสัญชาติสหราชอาณาจักรฯ
ถึงแม้ว่าจะอายุขึ้นเลข 4 แล้ว แต่ Alonso ยังไม่มีทีท่าว่าต้องการที่จะแขวนพวงมาลัยแต่อย่างใด แชมป์โลก 2 สมัย ได้กลายเป็นนักแข่ง F1 ที่ลงแข่งขันมามากที่สุดหลังจบฤดูกาล 2022 ด้วยจำนวนสนามแข่ง 355 รายการ
แน่นอนว่าด้วยวัย 41 ปี อายุจึงกลายเป็นคำถามที่นักข่าวมักจะยิงใส่ Alonso อย่างไม่ปรานี แต่แชมป์โลก 2005, 2006 ไม่เคยสงสัยในศักยภาพของตัวเอง อันที่จริงแล้ว เขาคิดด้วยซ้ำว่าประสบการณ์นั้นได้นำมาซึ่งข้อได้เปรียบ ที่ทำให้เขายังคงยืนหยัดต่อสู้กับคลื่นลูกใหม่ได้จนถึงทุกวันนี้
“ผมขับมาแล้วทุกสนามบนปฏิทินเป็นจำนวน 17 ครั้ง บางคนอาจจะเคยขับแค่ 2 ครั้ง ซึ่งคุณจะมีเวลาฝึกฝนไม่มากพอที่จะชดเชยความแตกต่างขนาดนี้” Alonso กล่าวกับสื่อ Auto Motor und Sport
“ถ้าหากนักแข่งที่อายุน้อยกว่าคุณ ขับแซงคุณได้ในรอบสุดท้าย ในสนามที่ต้องการศักยภาพทางร่างกายสูง เพราะว่าเขานั้นฟิตกว่าคุณ นั่นก็คงจะพูดได้ว่าอายุนั้นเป็นข้อเสีย แต่สิ่งนั้นไม่เคยเกิดขึ้นกับผม”
“ถ้าหากไม่ใช่ อายุก็จะนำมาซึ่งข้อได้เปรียบเท่านั้น ผมสามารถดึงฐานข้อมูลขนาดใหญ่ออกมาจากประสบการณ์ของผม อย่างในมอนทรีออล เราได้วิ่งท่ามกลางฝนเพียงไม่กี่รอบ ก่อนที่จะทำการควอลิฟาย”
“ผมรู้จักแทร็คในสภาพฝนตกมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ผมขับบนแทร็คเปียก (ที่มอนทรีออล) มาแล้ว 5-6 ครั้ง นั่นเรียกว่าข้อได้เปรียบไหม?”
ไม่เพียงเท่านั้น Alonso ยังเชื่อว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ ตัวเขาในตอนนี้ก็คงจะเอาชนะตัวเขาสมัยที่คว้าแชมป์โลกครั้งที่ 2 ในปี 2006 ได้ไม่ยากเย็น เนื่องจากประสบการณ์อันมากมายในแต่ละสนาม นั่นทำให้เขารู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จในแต่ละรายการ
“ในหลาย ๆ จุด ผมสามารถอ่านเกมได้ดีขึ้นในทุกวันนี้ ผมรู้ว่าเมื่อไรควรจะจู่โจม และเมื่อไรไม่ควร อย่างในปี 2006 การบริหารยางนั้นแทบไม่มีผล แต่มันเป็นทุกสิ่งในปัจจุบัน”
“พิทสต็อปทุกวันนี้ มันวัดกันที่ใครจอดได้แม่นกว่ากัน กับสมัยที่เรายังต้องเติมเชื้อเพลิง มันไม่มีผล เพราะยังไงคุณก็ต้องจอดรอเป็น 10 วินาที อยู่ดี ด้วยรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ ผมจะเอาชนะ Fernando Alonso ในปี 2006 ได้ไม่ยากเย็น”
ถึงแม้ว่าจะมีหลายครั้งที่นักแข่งสแปนิชเกือบที่จะคว้าแชมป์โลกได้ แต่ท้ายที่สุดมันก็ไม่เป็นเช่นนั้น และเป็นเวลาถึง 16 ปีแล้วที่เขาห่างหายจากการสัมผัสแชมป์โลกครั้งสุดท้ายของเขา
แต่สิ่งหนึ่งที่ Alonso แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนคือ ไม่ว่าโอกาสในการคว้าแชมป์โลกจะน้อยสักเพียงใด แต่ตราบใดที่ยังมีโอกาส เขาก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะแข่งขันใน Formula 1 ต่อไป
แต่ถ้าหากเขาไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดีหลังพวงมาลัยอีกต่อไป เขากล่าวเสริมว่าเขาจะยังคงภูมิใจที่ได้เห็นมันสำเร็จ จากบทบาทที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขับในอนาคต
“ผมรักในสิ่งที่ผมทำ” Alonso กล่าว “แน่นอนว่าผมยังคงต้องการรถที่จะช่วยให้ผมคว้าแชมป์โลก แต่มันไม่มีที่สำหรับผมตรงนั้น”
“จากสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาด Aston Martin เป็นทีมหนึ่งที่สามารถบรรลุเป้าหมายนั้นได้ในเวลา 2-3 ปี นั่นเป็นสิ่งสำคัญในวัยอย่างผม ผมคงอยู่ตลอดไปไม่ได้ แต่ตราบใดที่ยังมีโอกาสแม้เพียง 1 เปอร์เซ็นต์ ในการคว้าแชมป์โลก ผมก็พร้อมที่จะไปต่อ และถ้ามันไม่ได้ผลในฐานะนักแข่ง บางทีมันอาจจะได้ผลนอกห้องคนขับ”
“ถ้าในตอนนั้นเราคว้าแชมป์โลกได้ นั่นก็ยังทำให้ผมรู้สึกพึงพอใจ เพราะคุณสามารถพูดได้ว่าคุณมีส่วนช่วยในการสร้างมัน ผมแฮปปี้ที่จะรับโปรเจกต์ใหม่ และทำให้มันประสบความสำเร็จโดยเร็วที่สุด”
ณ ปัจจุบัน Aston Martin กำลังสร้างฐาน Silverstone แห่งใหม่ ด้วยความหวังที่จะขยับขึ้นไปสู่กลุ่มผู้นำในฤดูกาลที่จะมาในอนาคต อีกทั้งยังมีการว่าจ้างคีย์แมนสำคัญจำนวนมากให้มาร่วมทีมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
Alonso รู้ดีว่า เขาจะต้องสร้างรากฐานขึ้นมาใหม่ หลังจากที่เขาออกจาก Alpine แต่เขาคิดว่า เขาเองก็ได้ฝากฝังผลงานที่ดี ๆ เอาไว้กับนายจ้างเก่าของเขาไม่น้อย
“มันต้องเริ่มนับใหม่จากศูนย์ ผมรู้ซึ้งถึงสิ่งนั้นดี” Alonso กล่าวถึงในการย้ายเข้าสังกัด Aston Martin “อย่างไรก็ตาม Aston Martin นั้นมีแพลตฟอร์มที่ดี พวกเขามีบุคลากรที่ยอดเยี่ยม และกำลังสร้างโรงงานใหม่ที่มีเครื่องมือใหม่ ๆ”
“ผมได้ทิ้งสิ่งดี ๆ เอาไว้มากมายที่ Alpine ซึ่งเราได้ร่วมกันพัฒนามาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา มันไม่มีความลับปิดบังในเรื่องที่ว่า ปีที่แล้วผมมีปัญหากับการตอบสนองของพวงมาลัยพาวเวอร์ แต่ในตอนนี้มันสมบูรณ์แบบแล้ว”
“นักแข่งทุกคนที่ได้ขับ Alpine นับตั้งแต่นั้นมาต่างชื่นชมการตอบสนองของพวงมาลัย นั่นคือข้อดีของการว่าจ้าง Alonso และข้อเสียคือพวกเขาต้องสูญเสียเขาไป”
อ้างอิง : planetf1.com