หลังจากมีการปรับนราคาทุกรุ่นสูงสุด 15,000 บาท สำหรับ Ford Everest ล่าสุด Ford เสริมทางเลือกด้วยการแนะนำ Ford Everest Sport
ครั้งนี้ Ford Everest Sport นอกจากจะมีรุ่นปกติยังเเป็นการกลับมาของรุ่นติดตั้งออปชันเพิ่มหลังจากมีเสียงเรียกร้องจากแฟนๆชาวไทยและรุ่นแต่งพิเศษ Adventure Pack รอบคัน
ภายนอก Exterior
ตกแต่งเข้มทั้งคันด้วยชุดแต่งสีดำตั้งแต่กระจังหน้าทั้งชิ้นดีไซน์รังผึ้งสีดำติดตราโลโก้ Ford พร้อมโลโก้ตัวอักษร Everest สีดำเงาบนขอบฝากระโปรงรถกรอบไฟตัดหมอกหน้า LED สีดำ คิ้วใต้กันชนหน้าก็สีดำเช่นกัน ไฟหน้า LED พร้อมไฟ Daytime รูปตัว C ในโคมเดียวกัน
ด้านข้างตกแต่งสีดำตั้งแต่ราวหลังคารถแบบ Built-In เสาอากาศแบบเสาสั้น กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED แต่ไม่มีไฟส่องสว่างใต้กระจกมองข้างกับที่เปิดประตูจะตกแต่งด้วยสีดำเงา ช่องระบายอากาศตรงบังโคลนสองข้างเข้มด้วยสีดำ บันไดข้างสีดำ
ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ตัว U คว่ำสีรมดำแบบ Signature แต่มีสัญญาณะกะระยะการจอดให้มาหน้า-หลังรวมกัน 8 จุด ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้าพร้อมชุดเซนเซอร์เปิดฝาท้ายแบบสามารถใช้เท้ายื่นไปที่ใต้กันชนท้าย และระบบป้องกันการหนีบในชุดกันชนหลังแบบสีเดียวกับตัวรถพร้อมคิ้วสีดำใต้กันชนหลังและล้ออัลลอยขนาดใหญ่สุด 20 นิ้วสีดำ พร้อมยาง 265/50 R20 จากค่าย Goodyear Wrangler Territory H/T
ทางด้านรุ่น Sport Adventure Pack เสริมความเท่และดุดันให้กับตัวรถด้วย กระจังหน้า FORD สีดำ คิ้วไฟหน้าและคิ้วไฟท้ายสีดำ สติ๊กเกอร์ตกแต่งด้านข้างตัวรถ เสริมลุคสปอร์ตด้วยชุดคิ้วโป่งล้อสีดำด้าน เสริมหล่อภายในด้วยชุดชายบันไดประตู สเตนเลส พร้อมตอบโจทย์ไลฟสไตล์ลูกค้าที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวแบบผจญภัยสายแคมปิ้งด้วยชุดแร็คติดหลังคา ARB พร้อมมิติตัวรถดังนี้
- ความยาว 4,914 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,923 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,842 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร
- ความสูงจากใต้ท้องรถ 227 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,280 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร
ภายใน Interior
มาพร้อมความสะดวกสบายเริ่มที่หน้าจอสัมผัสในรุ่นปกติมาแบบ 10.1 นิ้วแต่ในรุ่น Sport DAT Pack B เพิ่มขนาดมาเป็น 12 นิ้ว แนวตั้ง มาพร้อมระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร SYNC® 4A พร้อมรองรับการสั่งงานด้วยเสียงเพื่อการสื่อสาร ควบคุมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงและเข้าถึงข้อมูลต่างๆ รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto พร้อมลำโพง 8 จุด
แผงคอนโซลหน้าสีดำพร้อมด้วยมาตรวัดดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน คอนโซลกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง และที่วางแก้วน้ำแบบพับเก็บได้สำหรับเบาะคู่หน้า ระบบการชาร์จแบบไร้สาย เกียร์อัตโนมัติหุ้มด้วยหนังดีไซน์คุ้นเคย พร้อมเบรกมือไฟฟ้า กับ Auto Hold ไปอยู่ในจอสัมผัส ช่องต่อไฟ 12V (12V Power Sockets) หลังกล่องคอนโซลกลาง มีที่ชาร์จมือถือไร้สาย มีสวิตช์ควบคุมการทำงานของแอร์หลังได้ กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติพร้อมช่องเสียบ USB สำหรับติดตั้งกล้องบันทึกภาพ
เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า และเบาะนั่งผู้โดยสารคู่หน้าตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปักชื่อ Sport ที่เบาะคู่หน้า เบาะนั่งแถวที่ 2 พับได้แบบแบ่ง 60:40 เลื่อนเบาะคล้ายเบาะแคปในรถกระบะเบาะนั่งแถวที่ 3 ซึ่งทำให้รถจุผู้โดยสารได้ 7 คน แบ่งที่นั่งในอัตราส่วน 50:50 และพับได้แบบธรรมดา ที่สำคัญเบาะแถวที่ 2 และ 3 ยังพับได้แบบแบนราบเพื่อการบรรทุกสัมภาระยาวๆ
พร้อมแอปพลิเคชัน FordPass™ ช่วยให้ลูกค้านัดเข้ารับบริการผ่านช่องทางออนไลน์สั่ง สตาร์ทรถผ่านทางแอปฯ ได้ สามารถในการสตาร์ทรถจากระยะไกล การตรวจเช็คสถานะต่างๆ ของรถ รวมไปถึงการล็อก และปลดล็อกผ่านโทรศัพท์มือถือ
สมรรถนะ Performance
ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง รหัส P0WS ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 6R80 ปล่อยไอเสีย CO2 เพียง 182 กรัมต่อกิโลเมตร พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 4 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ normal, โหมดประหยัด, eco, โหมดถนนลื่น slippery, โหมดลากจูงและบรรทุก tow/haul ลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร
ช่วงล่างด้านหน้าแบบ อิสระปีกนกคู่ คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบคอยล์สปริงพร้อมวัตต์ลิงค์และเหล็กกันโคลง โช้คอัพแก๊ส 4 ต้น เน้นการนุ่มนวล หนึบไม่กระด้างเกาะถนนดี พวงมาลัยพาวเวอร์เป็นแบบไฟฟ้า EPS (Electronic Steering Program) น้ำหนักเบา คล่องตัวดี
ความปลอดภัย Safety
- ถุงลมนิรภัย 7 จุด คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านถุงลมนิรภัย / และถุงลมบริเวณหัวเข่า
- ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
- สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและด้านหลัง
- กล้องมองหลังขณะถอยจอด
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
- กระจายแรงเบรก EBD
- ดิสก์เบรก 4 ล้อ
- ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
- ป้องกันล้อหมุนฟรี
- ช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA
- ลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ธรรมดา
สำหรับรุ่น Sport DAT Pack B มาพร้อมระบบเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูงแพ็คเกจ B ทั้ง
- กล้องมองรอบคัน 360 องศา
- ควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop & Go
- ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน
- เตือนการชนด้านหน้า
- ช่วยควบคุมรถหลังจากชน
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง
- ตรวจจับรถในจุดบอด
- ตรวจจับขณะออกจากช่องจอด
- ป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง
- ช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ
- เปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ
Ford Everest Sport รุ่นเริ่มต้นมาในราคา 1,522,000 บาท มาพร้อมตัวเลือกสีภายนอกมากถึง 6 สี ได้แก่ สีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก, สีเทา เมทิออร์ เกรย์, สีดำ แอบโซลูท แบล็ก, สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (เพิ่มเงิน 12,000 บาท), สีน้ำตาล เอควิน็อกซ์ บรอนซ์ และสีส้ม เซโดนา ออเรนจ์ (เพิ่มเงิน 12,000 บาท) ส่วนรุ่น Sport DAT Pack B และ Adventure Pack* มีราคาจำหน่ายดังนี้
- รุ่น Sport DAT Pack B ราคา 1,580,000 บาท
- รุ่น Sport DAT Pack B+ Adventure Pack ราคา 1,600,000 บาท
*ชุดแต่ง Adventure Pack เป็นอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษซึ่งจำหน่ายและติดตั้งโดยผู้จำหน่ายฟอร์ด ลูกค้าที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่ผู้จำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ โดยอุปกรณ์ตกแต่งแท้ฟอร์ดมาพร้อมการรับประกันคุณภาพสูงสุด 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)