More

    Ford Everest Sport Special Edition โฉมจริงคันจริง 1.619 ล้านบาท

    ไฮไลต์เด่นค่าย Ford ในงาน Motor Show 2025 หนีไม่พ้นรุ่นย่อยใหม่ของ Ford Everest ที่จะมาแทนรุ่น Sport กับ Ford Everest Sport Special Edition 

    Ford

    Ford Everest Sport Special Edition นำรุ่น Sport ปกติเสริมความเข้มดุดันยิ่งขึ้นด้วยการตกแต่งโทนสีดำรอบคันสไตล์สปอร์ต มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมและเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ขั้นสูง ตอบโจทย์ผู้ที่มองหารถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่ผสานสไตล์และสมรรถนะได้อย่างลงตัว 

    เริ่มที่ชุดหลังคารถสีดำและล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว สีดำ แอสฟัลท์ แบล็ก พื้นผิวด้าน คู่กับก้านสีแดงหนึ่งก้านและก้านสีดำเงาอีก 5 ก้าน พร้อมยางขนาด 255/55 R200 แบบเดียวกับ Ford Ranger Stormtrak 

    พร้อมออปชันเดิมทั้งโลโก้ตัวอักษร Everest สีดำเงาบนขอบฝากระโปรงรถ กระจังหน้าทั้งชิ้นดีไซน์รังผึ้งสีดำติดตราโลโก้ Ford คิ้วใต้กันชนหน้าก็สีดำ ไฟหน้าแบบ LED รีเฟลกเตอร์ พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟวิ่งกลางวันแบบแอลอีดี รูปตัว C ไฟตัดหมอกหน้า LED ด้านข้างตกแต่งสีดำตั้งแต่ราวหลังคารถแบบ Built-In เสาอากาศแบบเสาสั้น กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ไม่มีไฟส่องสว่างใต้กระจกมองข้างกับที่เปิดประตูจะตกแต่งด้วยสีดำเงา ช่องระบายอากาศตรงบังโคลนสองข้างเข้มด้วยสีดำ บันไดข้างสีดำ

    ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ตัว U คว่ำสีรมดำแบบ Signature ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้าพร้อมชุดเซนเซอร์เปิดฝาท้ายแบบสามารถใช้เท้ายื่นไปที่ใต้กันชนท้าย และระบบป้องกันการหนีบในชุดกันชนหลังแบบสีเดียวกับตัวรถพร้อมคิ้วสีดำใต้กันชนหลังพร้อมมิติตัวรถดังนี้

    • ความยาว 4,914 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,923 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,842 มิลลิเมตร
    • ระยะฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร
    • ความสูงจากใต้ท้องรถ 227 มิลลิเมตร
    • น้ำหนักรถ 2,280 กิโลกรัม
    • ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร

    Ford

    มาพร้อมความสะดวกสบายเริ่มที่หน้าจอสัมผัสเพิ่มขนาดมาเป็น 12 นิ้ว แนวตั้ง มาพร้อมระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร SYNC® 4A พร้อมรองรับการสั่งงานด้วยเสียงเพื่อการสื่อสาร ควบคุมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงและเข้าถึงข้อมูลต่างๆ รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto พร้อมลำโพง 8 จุด

    แผงคอนโซลหน้าสีดำพร้อมด้วยมาตรวัดดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน คอนโซลกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง และที่วางแก้วน้ำแบบพับเก็บได้สำหรับเบาะคู่หน้า ระบบการชาร์จแบบไร้สาย เกียร์อัตโนมัติหุ้มด้วยหนังดีไซน์คุ้นเคย พร้อมเบรกมือไฟฟ้า กับ Auto Hold ไปอยู่ในจอสัมผัส ช่องต่อไฟ 12V (12V Power Sockets) หลังกล่องคอนโซลกลาง มีที่ชาร์จมือถือไร้สาย มีสวิตช์ควบคุมการทำงานของแอร์หลังได้ กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติพร้อมช่องเสียบ USB สำหรับติดตั้งกล้องบันทึกภาพ

    Ford

    เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า และเบาะนั่งผู้โดยสารคู่หน้าตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปักชื่อ Sport ที่เบาะคู่หน้า เบาะนั่งแถวที่ 2 พับได้แบบแบ่ง 60:40 เลื่อนเบาะคล้ายเบาะแคปในรถกระบะเบาะนั่งแถวที่ 3 ซึ่งทำให้รถจุผู้โดยสารได้ 7 คน แบ่งที่นั่งในอัตราส่วน 50:50 และพับได้แบบธรรมดา ที่สำคัญเบาะแถวที่ 2 และ 3 ยังพับได้แบบแบนราบเพื่อการบรรทุกสัมภาระยาวๆ

    พร้อมแอปพลิเคชัน FordPass™ ช่วยให้ลูกค้านัดเข้ารับบริการผ่านช่องทางออนไลน์สั่ง สตาร์ทรถผ่านทางแอปฯ ได้ สามารถในการสตาร์ทรถจากระยะไกล การตรวจเช็คสถานะต่างๆ ของรถ รวมไปถึงการล็อก และปลดล็อกผ่านโทรศัพท์มือถือ

    Fordดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง รหัส P0WS ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที ต้องเติมน้ำยาบำบัดไอเสียดีเซล (DEF) หรือสาร AdBlue®

    เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโร 5 ตามข้อบังคับของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. โดยพิจารณาจากประเภทของรถยนต์และน้ำหนัก และทำให้รถยังคงมีพละกำลังและสมรรถนะในการขับขี่ขั้นสูง ในขณะที่ปล่อยไอเสียออกสู่สิ่งแวดล้อมในปริมาณที่น้อยลง

    คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด 6R80 ปล่อยไอเสีย CO2 เพียง 182 กรัมต่อกิโลเมตร พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือกถึง 4 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ normal, โหมดประหยัด, eco, โหมดถนนลื่น slippery, โหมดลากจูงและบรรทุก tow/haul ลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร

    Fordช่วงล่างด้านหน้าแบบ อิสระปีกนกคู่ คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบคอยล์สปริงพร้อมวัตต์ลิงค์และเหล็กกันโคลง โช้คอัพแก๊ส 4 ต้น เน้นการนุ่มนวล หนึบไม่กระด้างเกาะถนนดี พวงมาลัยพาวเวอร์เป็นแบบไฟฟ้า EPS (Electronic Steering Program) น้ำหนักเบา คล่องตัวดี พร้อมความปลอดภัยที่เพิ่มมาทั้ง

    • กล้องมองรอบคัน 360 องศา
    • ควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop & Go
    • ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน
    • เตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning System
    • ช่วยควบคุมรถหลังจากชน
    • ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง Lane Departure Alert
    • ตรวจจับรถในจุดบอด Blind Spot Information System – BLIS®
    • ตรวจจับขณะออกจากช่องจอด cross-traffic alert
    • ป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง
    • ช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ Evasive Steering Assist
    • เปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ

    ถุงลมนิรภัย 7 จุด คู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่า ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและด้านหลังรวมกัน 8 จุด ระบบป้องกันล้อล็อก ABS กระจายแรงเบรก EBD ดิสก์เบรก 4 ล้อ ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP ป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control System (TCS) ช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA ลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ Roll-Over Mitigation (ROM)

    FordFord Everest Sport Special Edition มาในราคา 1,619,000 บาท มาพร้อมตัวเลือกสีภายนอกมากถึง 2 สี ได้แก่ สีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก และะ สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (เพิ่มเงิน 12,000 บาท)

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts