เนื่องด้วยออสเตรเลียจะมีกฎหมายกำหนดประสิทธิภาพการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากรถยนต์ New Vehicle Efficiency Standard-NVES ออกมาในปี 2026

ทำให้ค่ายรถกระบะหลายค่ายที่ทำตลาดต่างพากันเตรียมปรับขุมพลังดีเซลที่มีอยู่ให้ผ่านมาตรฐานไอเสียรวมถึงเผยพลังใหม่แม้กระทั่ง Ford ก็เป็นหนึ่งในนั้นโดยทางสื่อออสเตรเลียรายงานว่าเขาจะยกเลิกการทำตลาดเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่
เป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ขนาด 2.0 ลิตร รหัส YNWS 2.0 ลิตร 210 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2000 รอบต่อนาที ออกจากสารระบบ และมาแทนที่ด้วยขุมพลังดีเซลเทอร์โบ V6 ในรหัส BF2S ขนาด 3.0 ลิตร Power Stroke ที่ให้กำลังมากถึง 250 แรงม้าที่ 3,250 รอบต่อนาที แรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,250 รอบต่อนาที

อาจวางในรุ่นเคยใช้ขุมพลังเทอร์โบคู่ เช่น Ford Ranger รุ่น XL, XLS, XLT, Sport และ WILDTRAK และ Ford Everest รุ่น AMBIENTE และ Trend รวมถึงจับขุมพลังดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร ภายใต้รหัส P02S 170 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที
พัฒนาใหม่อัพเกรดเพิ่มแรงม้า เพิ่มแรงบิด และยังปรับในส่วนรายละเอียดเช่นการไปใช้ระบบโซ่ราวลิ้นจากเดิมเป็น สายพานจุ่มน้ำมัน (Wet Belt) โดยระบบโซ่จะให้ความทนกว่า ดูแลง่ายกว่า อัพเกรดระบบหัวฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งฟอร์ดระบุว่าจะช่วยเพิ่มความทนทานและสมรรถนะที่ดีขึ้นกว่าเครื่องเดิมอย่างชัดเจน และยังไม่ยืนยันว่าเครื่องยนต์ใหม่นี้จะรองรับมาตรฐานไอเสีย EURO 6 และต้องใช้ AdBlue หรือไม่

และยังจับคู่กับเกียร์ลูกใหม่เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด e-Shifter รุ่น 10R80 แทนลูกเดิม 6 สปีด 6R80 ตอบโจทย์ความต้องการในการทำงานอย่างตรงจุด
โดยปี 2026 ตลาดออสเตรเลียจะเป็นที่แรกที่ได้ใช้ขุมพลังใหม่นี้ช่วงครึ่งปีแรกและส่งผลตลาดทั่วโลกที่อาจต้องเปลี่ยนมาใช้ขุมพลังใหม่รวมถึงเมืองไทยที่เป็นฮับฐานการผลิตส่งไปขายทั่วโลกและขายในประเทศ จับตาขุมพลังใหม่นี้ไทยเองจะได้รับอานิสงส์นี้ตามภาษีสรรพสามิตใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าถ้าจริงอาจได้พบกัน
ที่มา CAREXPERT










