ถ้าจะพูดถึงกระบะที่คนไทยคุ้นเคยในด้านความแกร่ง ดุ ดิบ คงหนีไม่พ้น Ford Ranger สานต่อมาจาก Ford Marathon และ Ford Courier
Ford Ranger รถกระบะที่สร้างนวัตกรรมแห่งความปลอดภัยเป็นค่ายแรกติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS ขุมพลังดีเซล 12 วาล์ว ที่ถึกทนจนได้ฉายากระบะนิรภัยคันแรกของไทย กลายเป็นก้าวสำคัญทำให้ Ford Ranger ครองใจสิงห์รถกระบะมาตั้งแต่ปี 1998 จนถึงปัจจุบัน ที่เป็นการยกฐานะรถกระบะจากเน้นการใช้งานเชิงพาณิชย์มาเป็นใช้งานแบบส่วนบุคคลด้วยฟังก์ชันเทคโนโลยี ความสะดวกสบายเทียบเท่ารถยนต์นั่งชั้นสูง
ด้วยประเทศไทยเป็นประเทศต้นๆของโลกที่เปิดตัวและจำหน่าย Ford Ranger เจเนอเรชันใหม่ T6 ออกมาสร้างยอดขายถล่มทลายรั้งตำแหน่งอันดับต้นๆรถกระบะขายดีตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมาและวันนี้จึงนำกระบะ Ford Ranger Wildtrak ขับเคลื่อนสี่ล้อ สี่ประตู ทั้งเจเนอเรชันใหม่กับเจเนอเรชันที่แล้วมา Face2Face กัน
Ford Ranger Wildtrak เจนใหม่ เป็นเจนที่สี่ รหัส T6.3 ขนาดตัวรถอาจใกล้เคียงกับเจนที่แล้ว T6.2 หรือ T6.1 ทรวดทรงใหม่หมดเริ่มที่ด้านหน้ากับกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมขนาดใหญ่สีดำเข้มไส้ในเป็นรังผึ้งพร้อมโลโก้วงรีสีน้ำเงินทับเส้นแนวนอนสองเส้นพร้อมไฟหน้ารูปตัว C แบบ Matrix LED ที่มีไฟ LED Daytime รูปตัว C ในโคมเดียวกัน กลมกลืนกับชุดเสริมกันชนหน้าและส่วนล่างมีคิ้วชายล่างสีเงินและไฟตัดหมอกหน้า LED โดยรวมแล้วแกร่งลงตัวเลยทีเดียว ด้านข้างเน้นความหนักแน่นแต่แฝงด้วยความหรูหราในคันเดียวด้วยช่องระบายอากาศสีดำพร้อมตัวอักษร Bi-Turbo ในชุดบังโคลนหน้าซ้าย-ขวา กระจกมองข้างสีดำขนาดใหญ่ออกแบบให้มองเห็นชัดขึ้นพร้อมไฟเลี้ยว ปรับพับได้ด้วยระบบไฟฟ้าและซ่อนไฟส่องใต้พื้นมาให้ ที่เปิดประตูดีไซน์ดึงก้านสีเดียวกับตัวรถ บันไดข้างขึ้นรูปขึ้นลงง่ายตกแต่งสีดำขอบสีเงิน ล้ออัลลอยสีดำเข้มลายดุ 18 นิ้ว พร้อมยางรถที่ปรับลดความกว้างของหน้ายางและเพิ่มความสูงของแก้มยาง มาเป็นขนาด 255/65 R18 เปลี่ยนมาใช้แบรนด์ Goodyear Wrangler Territory H/T คิ้วขอบล้อสีดำติดตั้งที่บังโคลนหน้าและหลังสี่ข้าง
สปอร์ตบาร์ที่กระบะท้ายดีไซน์เก๋มีช่องผูกของได้ กระบะท้ายออกแบบให้มีบันไดเหยียบข้างกระบะท้ายบริเวณด้านหลังล้อหลังช่วยให้ผู้ขับขี่จัดเก็บสิ่งของให้เป็นระเบียบได้หลากหลาย เสาอากาศเป็นเสาสั้นผสมกับครีบฉลามติดหลังคารถด้านหลังและราวหลังคาสีเงิน
กระบะท้ายมีลูกเล่นด้วย ขอบกระบะมีสปอยเลอร์ในตัวพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ขนาดเล็กรวมในชุดที่เปิดฝากระท้ายมีกุญแจล็อกกันขโมยชุดไฟท้าย ดีไซน์กระบะท้ายนูนหนาติดตั้งโลโก้ Ford กับชื่อรุ่น Wildtrak ฝั่งขวามือ ฝั่งซ้ายมีชื่อคำว่า 4×4 ด้านล่างปั้มนูนกับคำว่า Ranger ขนาดใหญ่มองเห็นชัดเจน ขนาบข้างด้วยไฟท้ายเป็นแบบ LED รูปเลขสาม และกันชนหลังขึ้นรูปสีดำเข้ม สบายด้วยการเปิดปิดฝาท้ายแบบผ่อนแรง (Easy Lift) ช่วยผ่อนแรงเป็นการผสมระหว่างฝาท้ายกับทอรชันบาร์ติดตั้งใต้กระบะท้ายภายในกระบะท้ายมีไลเนอร์สีดำติดจากโรงงานรวมถึงช่องต่อไฟแบบ AC รองรับกำลังไฟถึง (400 W) 12 V และ 230 V สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และทำงานร่วมกับขอบกระบะท้ายสามารถดัดแปลงใช้หนีบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ได้เช่นกัน และสัญญาณกะระยะการจอดให้ครบทั้งหน้าและหลัง มีกล้องรอบคัน 360 องศามาให้
ทางด้าน Ford Ranger Wildtrak เจนที่สาม รหัส T6.2 ต้นแบบของกระบะฟังก์ชันล้นคัน เข้มด้วยไฟหน้า Bi-LED พร้อมไฟ Daytime แบบ LED ประกบกับกระจังหน้าทรงสีเหลี่ยมคางหมูไส้ในเป็นแบบตะแกรงสีดำ พร้อมช่องซ้ายขวา ตกแต่งสีส้ม ขอบกระจังหน้าปั้มชื่อ Ranger สีดำลากยาวถึงตัวกันชนหน้ารถใส่การ์ดใต้กันชนหน้าสีเงิน ติดตั้งไฟตัดหมอกหน้า LED ในกรอบสีดำ ด้านข้างเสริมช่องระบายอากาศสีดำพร้อมตัวอักษร Bi-Turbo ในชุดบังโคลนหน้าซ้าย-ขวาเช่นเดียวกับเจนใหม่ ล้ออัลลอยหกก้านคู่สีดำเงาขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 เป็นยาง H/T Bridgestone Dueler กระจกมองข้างสีดำปรับพับด้วยระบบไฟฟ้าติดตั้ง ไฟเลี้ยวใต้กระจกมองข้างมีไฟ Welcome Light ไว้ส่องในยามกลางคืน ที่เปิดประตูเป็นก้านดึงสีดำ บันไดข้างสีดำขึ้นรูปแข็งแกร่งทนต่อการขึ้น-ลงอย่างแข็งแกร่ง ราวหลังคา เสาอากาศเป็นเสาสั้นติดหลังคารถ และสติกเกอร์ Wildtrak ใต้ประตูคู่หน้า
ด้านท้ายเรียบง่ายด้วยสติกเกอร์ 4×4 ข้างกระบะท้ายบ่งบอกตัวตนแห่งความลุยเต็มพิกัดด้วยไฟท้ายสีขาว-แดงใช้หลอดไฟธรรมดากระบะท้ายมีโลโก้ Ford วงรีสีน้ำเงินขนาดใหญ่ใส่กล้องมองหลังสติกเกอร์ Wildtrak กับสติกเกอร์ Ranger ขนาดใหญ่ใต้โลโก้ Ford มือจับประตูสีดำพร้อมกุญแจล็อก ฝากระบะท้ายมีระบบผ่อนแรง (Easy Lift) เหมือนเจนใหม่ ผสมระหว่างฝาท้ายกับทอรชันบาร์ติดตั้งใต้กระบะท้าย กันชนหลังสีดำ ไฟเบรกดวงที่ 3 ในชุดสปอร์ตบาร์สีดำขลิบสีส้มโค้งยาวตั้งแต่หลังกระจกไปจนถึงกระบะท้าย มีไฟส่องในกระบะท้ายในกระบะท้ายยังมีไลเนอร์สีดำในกระบะท้ายมีช่องต่อไฟ 12 V
มิติตัวรถใหญ่เกือบทุกส่วน
Ford Ranger Wildtrak เจนใหม่ มีมิติตัวรถใหญ่ใกล้เคียงกับเจนที่แล้วตั้งแต่ ความยาว 5,370 0มม. ความกว้าง 1,918 มม. ความสูง 1,884 มม. ฐานล้อ 3,270 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 235 มม. น้ำหนักรถ 2,280 กก. ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร ส่วนท้ายพื้นที่ใช้งานตั้งแต่ความยาว 1,564 มม. ความกว้าง 1,584 มม. และความสูง 540 มม. ลุยน้ำสูงสุด 800 มิลลิเมตร
Ford Ranger Wildtrak เจนที่แล้ว มีมิติตั้งแต่ความยาว 5,434 มม. ความกว้าง 1,867 มม. ความสูง 1,848 มม. ฐานล้อ 3,220 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 230 มม. น้ำหนักรถ 2,156 กก. ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร ส่วนท้ายกระบะมีขนาดความยาว 1,549 มม. ความกว้าง 1,560 มม. และความสูง 511 มม. ลุยน้ำสูงสุด 800 มิลลิเมตร
Ford Ranger Wildtrak ทั้งสองเจนใช้แพลตฟอร์มเดิมเจนใหม่มีการขยับขยายของตัวรถและกระบะท้ายใหญ่พอสมควร ภายใต้ตัวรถที่ออกแบบขึ้นใหม่มีแชสชีสที่แข็งแกร่ง 3 ส่วนไม่ใช่ชิ้นเดียวคือเสียจุดไหนซ่อมจุดนั้น และเมื่อเทียบมิติตัวรถทั้งสองเจนพบว่าความยาวของเจนใหม่สั้นกว่าเจนเดิมเพียง 64 มม. นอกนั้นใหญ่กว่าเจนเดิมตั้งแต่ ความกว้างกว้างกว่าเจนเดิม 51 มม. สูงกว่าเจนเดิม 36 มม. ฐานล้อยาวกว่าเจนเดิม 50 มม. ความสูงใต้ท้องรถสูงกว่าเจนเดิม 5 มม. น้ำหนักรถมากกว่าเจนเดิม 124 กก. ขนาดกระบะท้ายมีมิติที่ใหญ่กว่าเจนเดิมตั้งแต่ ยาวกว่าเจนเดิม 15 มม. กว้างกว่าเจนเดิม 24 มม. และสูงกว่าเจนเดิม 29 มม. ความจุถังน้ำมันและลุยน้ำได้เท่ากัน
ภายในเจนใหม่ไฮเทคใหญ่แต่เจนเก่าใช้งานง่าย
ภายในใหม่ถอดด้ามลืมความเป็น Ford Ranger Wildtrak เจนที่แล้วออกไปแล้วเริ่มที่เบาะนั่งเจนที่แล้วที่ดีไซน์ออกแบบมานั่งสบายและติดตรงที่ปีกซ้ายขวาโอบเข้าแกนกลางลำตัวเกินไปยิ่งคนไซส์ M มีพื้นที่ให้ขยับนิดเดียว กลายเป็นเบาะนั่งดีไซน์ใหม่เอาใจสรีระคนทุกไซส์ โดยปีกซ้าย-ขวาขยายให้กว้างขึ้นรองรับทุกอิริยาบถของสรีระผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นอย่างดี หมอนรองศรีษะเที่ยวนี้ออกแบบใหญ่ขึ้นตัวหมอนบางลงและไม่ดันหัวอีก แถมใจดีให้ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางมาทั้งฝั่งคนขับและคนนั่งพร้อมดันหลังหรือ Lumbar Support ปรับไฟฟ้า เรียกว่าเป็น Best in Class ก็ว่าได้ ส่วนเบาะหลังนั้น นั่งสบายด้วยตัวเบาะออกแบบให้อยู่ในตำแหน่งเอนลงไปนิดนึงผลคือมีพื้นที่วางขาเหลือเฟือโดยตัวเบาะหลังพับแบบ 100 % กับหมอนรองศีรษะ 3 จุด ชุดรองนั่งสามารถพับขึ้นเพื่อบรรทุกของยาวๆกว้างๆเช่นทีวี ถุงกลอ์ฟ เคสกีตาร์แบบฮาร์ดเคสได้ พร้อมที่วางแก้วในชุดที่พักแขนพร้อม ISOFIX สำหรับติดตั้งที่นั่งเสริมสำหรับเด็กเล็กๆ โดยเบาะที่นั่งนั้นหุ่มด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้ดำเข้มขลิปส้ม ปักคำว่า Wildtrak ในตัวเบาะคู่หน้า แผงประตูดีไซน์ไฮเทคแต่มามึนๆตรงที่เปิดประตูภายในซ่อนไว้ที่ร่องจับดึงประตู และภายในมาโทนสีดำเข้มทั้งหมด
แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ตัวทีออกแบบเข้มด้วยโทนสีดำทั้งชุด มีวัสดุหนังสัมผัสสีดำขลิปส้มมาให้และปักชื่อ Wildtrak ช่องแอร์แนวตั้ง ลงตัวอย่างแนบเนียนด้วยมาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 8 นิ้ว รวบรวมฟังก์ชันการใช้งานของรถไว้ทุกอย่างทั้งมาตรวัดความเร็ว รอบเครื่อง บันทึกความเร็ว ปรับตั้งค่าตัวรถต่างๆ อ่านแล้วอาจงงๆบ้างในส่วนของรอบเครื่องยนต์เป็นแนวตั้งและความเร็วเป็นได้ทั้งตัวเลขและแบบคลาสสิก พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ปรับสูง-ต่ำ เข้า-ออกได้ 4 ทิศทางพร้อมพรั่งด้วยปุ่มควบคุมการทำงานจับกระชับสบายมือหุ้มหนังขลิบสีส้ม บนคอนโซลหน้ามีระบบแจ้งเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งรวมถึงแจ้งการทำงานเปิดปิดถุงลมนิรภัยด้านคนนั่งสำหรับติดตั้งเบาะเสริมเด็กเล็ก ชาญฉลาดยิ่งขึ้นด้วยระบบเชื่อมต่อการสื่อสารผ่านหน้าจอสัมผัสแนวตั้งขนาด 12 นิ้ว Multi Touch สั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A ที่การใช้งานต่างถูกรวบรวมไว้ในจอนี้ รองรับ Apple Car Play ไร้สาย Android Auto, Bluetooth ใช้งานแรกๆมีมึนงงซึ่งส่วนตัวมองว่าก็ทันสมัยนะแต่บางทีฟังก์ชันที่จำเป็นออกมาจากจอจะดีกว่าไหมเช่นปุ่มไล่ฝ้ากระจกหลังกับปุ่ม Auto Hold แยกเฉพาะมาดีกว่า ที่วางแก้วมีให้หลายจุดรวมจุดแผงคอนโซลหน้าซ้าย-ขวา
ข้างล่างจะเป็นปุ่มการทำงานของเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา รายล้อมด้วยช่องแอร์แนวตั้งซ้าย-ขวา เก๋ดีกับที่ชาร์จมือถือไร้สายช่องต่อ USB แต่ที่ขัดๆหน่อยตรงที่คอนโซลเกียร์โดยเฉพาะด้ามจับและถุงเกียร์ดีไซนคุ้นเคยจากเจนที่แล้ว หุ้มหนังขลิบส้มซึ่งน่าจะปรับดีไซน์ใหม่ให้ลงตัวกว่านี้ มีเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ที่วางแก้วสองจุดข้างๆคอนโซลเกียร์ มีปุ่มกลมๆทำงานระบบขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อมปุ่มโหมดการขับขี่และปุ่มๆเล็กข้างๆปิดระบบ TCS ปิดสัญญาณกะระยะการจอดพร้อมกล่องคอนโซลกลางหุ้มหนังขลิบส้ม ข้างหลังมีช่องแอร์และช่องต่อไฟ 230 V (400W) หลังกล่องคอนโซลกลาง เสียบปลั๊กต่อชาร์จสมารท์โฟนใช้งานโน๊ตบุ๊กได้สบายๆ กุญแจรีโมทอัจฉริยะดีไซน์คุ้นตากับปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ และยังเอาใจคนชอบบันทึกด้วยช่องชาร์จไฟ USB บริเวณกระจกมองหลังอัตโนมัติ
ส่วน Ford Ranger Wildtrak เจนที่แล้วถึงตกรุ่นไปแต่ดีไซน์ใช้งานง่ายหยิบจับสะดวกกว่าเริ่มที่เบาะนั่งคู่หน้าทรงใหญ่โตออกแบบสบายโอบกระชับดีแม้ยามเดินทางไกลโดยตัวเบาะมีความหนาเป็นพิเศษแต่ด้านข้างปีกซ้าย-ขวาแคบไป หุ้มด้วยวัสดุหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ ปักโลโก้ Wildtak สีดำมีเส้นขลิบสีส้มแนวตั้ง ฝั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางและดันหลังหรือ Lumbar Support แบบก้านธรรมดา ส่วนคนนั่งปรับด้วยคันโยกธรรมดา 4 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังกว้างสบายพร้อมหมอนศีรษะ 3 ตำแหน่งหุ้มวัสดุหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำล้วน เอาใจคนทำงานด้วย ช่องต่อไฟ 230 V หลังกล่องคอนโซลกลาง เสียบปลั๊กต่อชาร์จอุปกรณ์เช่นเดียวกับเจนใหม่
แผงคอนโซลหน้าดีไซน์หรูเล่นระดับมาพร้อมวัสดุผิวสัมผัสสีดำเดินด้ายส้มพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มหนังเดินด้ายส้มปรับสูง-ต่ำ แต่ปรับเข้า-ออกไม่ได้ พร้อมสวิตช์การทำงานกระจกมองข้าง สวิตช์เปิด-ปิดไฟหน้า ไฟตัดหมอกปรับความสว่างมาตรวัดและสวิตช์เปิด-ปิดการทำงานไฟส่องสว่างใต้ชุดไฟเบรกดวงที่ 3 มาตรวัดเรืองแสงมาแบบจอสี TFT ซ้าย-ขวาที่คั่นกลางด้วยมาตรวัดความเร็วถึง 200 กม./ชม. ใต้มาตรวัดความเร็วบอกตำแหน่งเกียร์ โดยจอด้านขวาบอกทั้ง รอบเครื่องยนต์ วัดอุณหภูมิ และ วัดน้ำมัน ส่วนจอสีด้านซ้ายบอกการทำงานของตัวรถ ระบบนำทาง เปิดคลื่นวิทยุ เปิดเพลง และนำทางแบบภาษาไทย ฯลฯ คอนโซลกลางมาพร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่แบบสี Multi-Touch 8 นิ้วพ่วงความบันเทิง SYNC 3 ด้วย เมนูภาษาไทยอ่านง่ายเข้าใจง่ายรองรับ Apple CarPlay, Android Auto ระบบนำทาง แสดงการทำงานของเครื่องปรับอากาศฯลฯ พร้อมลำโพงคุณภาพ 6 จุด รองลงมาใต้แผงเป็นสวิตช์ควบคุมการทำงานของจอสัมผัส ช่องใส่ CD เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา ช่องต่อ USB ถัดลงมาอีกคือ
คอนโซลเกียร์ทรงใหญ่จับกระชับด้วยวัสดุหุ้มหนังทรงเหลี่ยม มีปุ่มบวก-ลบ อยู่ด้านข้างดีไซน์คุ้นเคยเพราะเจนใหม่ก็ใช้ร่วมกัน ข้างๆมีปุ่มควบคุมการทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบหมุน ปุ่มล็อกเฟืองท้าย ปิดระบบ TCS และควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน กล่องคอนโซลกลางใส่ของจุกจิก ที่วางแก้วน้ำ กุญแจรีโมทอัจฉริยะและปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ เอาใจคนชอบบันทึกด้วยช่องชาร์จไฟ USB บริเวณกระจกมองหลังอัตโนมัติเช่นเดียวกับเจนใหม่ แต่ว่าเบรกมือเจนนี้เป็นคันโยกโบราณ
ขุมพลังเดิมแต่พัฒนาให้ดีกว่า
Ford Ranger Wildtrak ทั้งสองเจนยังใช้ขุมพลังดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร รหัส YN2Q เช่นเดิมด้วยความจุกระบอกสูบ 1,996 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ/ระยะชัก 84X90 มม.กำลังอัด 16.1:1 สำหรับเจนใหม่ตัดกำลังลงไปจากเดิม 3 แรงม้าและปรับรอบของแรงม้าลงไป 250 รอบ/นาที เป็น 210 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แต่แรงบิดเท่าเดิมคือ 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,000 รอบ/นาที โดยปรับในส่วน Calibrate ชิ้นส่วนที่เกี่ยวเนื่อง ส่วนเจนเก่า 213 แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที ทั้งคู่ใช้เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 ขับเคลื่อนสี่ล้อ Part-Time Shift On The Fly เหมือนกัน ระบบเฟืองท้ายแบบ Electronic Diff-lock ควบคุมด้วยไฟฟ้าเหมือนกัน แต่น้ำมันดีเซลเติมได้สูงสุด B20 เหมือนกัน
แต่ Ford Ranger Wildtrak เจนใหม่เพิ่มระบบการขับขี่ Terrain Management ให้เลือกถึง 6 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ normal, โหมดประหยัด, eco, โหมดถนนลื่น slippery, โหมดลากจูงและบรรทุก tow/haul , โหมดโคลน mud/ruts และโหมดทราย sand
การขับขี่ที่เจนใหม่โดดเด่นนิ่งเงียบกว่า
ด้วยกำลังเครื่องยนต์ที่พัฒนาใหม่ถึงจะปรับกำลังเหลือเพียง 210 แรงม้า แต่ความแรงเร้าใจยังคงเป็นเอกลักษณ์จากเจนที่แล้วสู่เจนใหม่กดเป็นมาๆ เพราะความดีของเทอร์โบคู่แบ่งการทำงานโดย เทอร์โบลูกที่หนึ่งจะเป็นเทอร์โบแรงดันสูง หรือ High Pressure ทำงานที่รอบต่ำ ส่วนอีกลูกเป็นแบบแรงดันต่ำหรือ Low Pressure ทำงานที่รอบสูง เมื่อเครื่องยนต์อยู่ในรอบต่ำ เอเทอร์โบทั้งสองลูกทำงานร่วมกัน โดยเทอร์โบตัวเล็กจะหมุนเยอะหน่อย แต่เมื่อถึงรอบสูง ตัวเล็กจะถูก Bypass ออกให้หยุดทำงาน แล้วใช้แรงอัดอากาศจากลูกใหญ่เข้าไปที่เครื่องยนต์ ส่งผลให้รอบการทำงานเครื่องยนต์ ช่วงความเร็ว 90-120 กม./ชม.ทำผลงานไม่ถึง 2,000 รอบ/นาที คล้ายๆเจนที่แล้วมาแบบเร็วติดปีกและต่อเนื่องตั้งแต่ 1,400, 1,600, 1,800 และ 1,900 รอบ/นาที ตามลำดับ
อัตราเร่งของ Ford Ranger Wildtrak ทั้งสองเจน 0-100 กม./ชม. เจนใหม่ 0-100 กม./ชม. ครั้งที่ 1 – 9.93 วินาที ครั้งที่ 2 – 10.17 วินาที ครั้งที่ 3 – 10.27 วินาที เฉลี่ย 10.12 วินาที และอัตราเร่งเซง 80-120 กม./ชม. จับได้ 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 – 7.10 วินาที ครั้งที่ 2 – 7.71 วินาที ครั้งที่ 3 – 7.97 วินาที เฉลี่ย 7.59 วินาที
Ford Ranger Woldtrak เจนที่แล้ว ครั้งที่ 1 – 10.52 วินาที ครั้งที่ 2 – 10.45 วินาที ครั้งที่ 3 – 10.39 วินาที เฉลี่ย 10.45 วินาที และอัตราเร่งเซง 80-120 กม./ชม. จับได้ 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 – 7.89 วินาที ครั้งที่ 2 – 7.22 วินาที ครั้งที่ 3 – 7.01 วินาที เฉลี่ย – 7.37 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองของ Ford Ranger Wildtrak ทั้งสองเจน มีดังนี้ เจนใหม่อาจดูด้อยกว่านิดนึง ในเมือง 7.23 กม./ลิตร นอกเมือง 15.34 กม./ลิตร และ Save Mode 10.11 กม./ลิตร ส่วนเจนที่แล้ว ในเมือง 9.58 กม./ลิตร นอกเมือง 10.55 กม./ลิตร และ Save Mode 13.11 กม./ลิตร
เสียงเครื่องยนต์เทอร์โบคู่เงียบขึ้นเมื่อเทียบกับ Ford Ranger Wildtrak เจนที่แล้ว ส่วนความนิ่งสั่นสะเทือนของเครื่องทำงานราบเรียบกว่าเจนที่แล้วเครื่องเดียวกันและนิ่งเทียบเท่ากับเจนที่แล้วเครื่อง 5 สูบ 3.2 ลิตร การเก็บเสียงที่หนาขึ้นเงียบขึ้นกว่าโดย Ford ตั้งใจออกแบบวัสดุดูดซับเสียงให้หนาขึ้นช่วยให้การขับขี่นั้นสนุดอภิรมย์มากขึ้น เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด เซตระบบมาทำงานได้ราบรื่นสมูทไม่กระโดดไปมาเหมือนเจนที่แล้วเช่นเข้าเกียร์ 1 ไป 3, 2 ไป 4, 3 ไป 5 หรือ 4 ไป 6 และยังมีโหมดบวก/ลบ ไว้ในยามเร่งแซง
เรื่องลุยแน่นอนว่า Ford Ranger Wildtrak ทั้งสองเจนใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Part-Time เหมือนกันปรับเปลี่ยน 2H เป็น 4H ไม่ต้องหยุดรถในความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. หรือ Shift On The Fly มีล็อกเฟืองท้ายไฟฟ้าเหมือนกัน ลุยน้ำลึก 800 มม. เท่ากัน
แต่ความพิเศษของเจนใหม่นี้มีระบบการขับขี่ Terrain Management ให้เลือกถึง 6 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ normal, โหมดประหยัด, eco, โหมดถนนลื่น slippery, โหมดลากจูงและบรรทุก tow/haul , โหมดโคลน mud/ruts และโหมดทราย sand ไม่ว่าเส้นทางจะมาแบบเนินชัน, แอ่งน้ำ, ถนนลื่น, ทางโคลน, พื้นกรวด, ทางหิน, ทางทราย ลุยสารพัดรูปแบบก็สามารถลุยได้มั่นใจผ่านได้อย่างง่ายๆกล้วยๆ ยิ่งบางเส้นทางอย่างเช่นทางโคลนก็เข้าโหมดโคลน Mud Mode พ่วงกับขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วสูง หรือ 4H ได้ พร้อมโชว์การทำงานของระบบล็อกเฟืองท้ายไฟฟ้าถ่ายเทกำลังของเครื่องยนต์ไปยังล้อทั้งสี่ และไม่ต้องเข้า 4L แต่ถึงอย่างไร การควบคุมพวงมาลัย การเดินคันเร่งแบบเนิ๊บๆ Walking Speed ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตรงตามสถานการณ์และที่ขาดไม่ได้เลยคือทักษะประสบการณ์ ยิ่งเป็นใบเบิกทางให้ไปถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้แบบไม่ต้องไปนั่งกินข้าวลิงรอรถมาลากอีก
สิ่งหนึ่งที่ Ford Ranger Wildtrak เจนที่แล้วขาดแต่เจนใหม่เติมเต็มด้วยกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา มีประโยชน์ในยามลุยไม่แพ้ตอนซิ่งทางเรียบการขึ้นลงเนิน ระวังหินก้อนใหญ่เบียดตัวรถ รู้ระดับน้ำที่จะลุยได้ สัมผัสถึงมุมมองในการขับขี่ในพื้นที่แคบที่ดีขึ้น ควบคุมทิศทางของพวงมาลัยและบังคับได้ดี
Ford Ranger Wildtrak ทั้งสองเจนใช้ช่วงล่างพื้นฐานเดียวกันด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบแหนบแผ่นซ้อนคาดว่าซ้อนสามแผ่นของเจนที่แล้ว แต่เจนใหม่ช่วงล่างหน้าเหมือนกันแต่ด้านหลังแหนบแผ่นซ้อนเพิ่มมาเป็นห้าแผ่น ใส่โช้กอัพหน้าหลังแบบโมโนทูปมาให้ ช่วงล่างทั้งสองเจนเน้นหนึบนำนุ่มตามไม่โคลง แต่พอมีโช้กอัพโมโนทูปสี่ต้นเข้ามายิ่งทำให้หนึบขึ้น นุ่มนวลมีบ้าง พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPAS น้ำหนักดีไม่ว่าจะทางเรียบ ทางลุยมั่นใจควบคุมโค้งจิกเนียนๆ รวมถึงระบบห้ามล้อเป็นหน้าดิสก์เบรกหลังดรัมในรุ่นเจนที่แล้วการห้ามล้อเหยียบแป้นเบรกฉับไวดีไม่ลึกมากเกินไปแต่พอเจนใหม่ที่มาเป็นดิสก์เบรกสี่ล้อน้ำหนักการเหยียบเบรกจะหนักไปแต่ก็หยุดได้ค่อนข้างลึกแต่ก็หยุดฉับไวเมื่อเหยียบไป 30 % และยิ่งเป็นดิสก์สี่ล้อตามปกตินิสัยของมันไม่เหมือนเจนเก่างานนี้ต้องกะระยะรถคันหน้าดีๆ ถ้าเราไปชนเขาคงเดือดร้อนเรียกประกันมาเคลียร์ให้จบ
ความปลอดภัยมีให้เท่าๆกัน
Ford Ranger Wildtrak ทั้งสองเจนให้ความปลอดภัยคล้ายๆกันเริ่มที่เจนใหม่บางอย่างเพิ่มมาบางอย่างหายไปเช่นระบบช่วยจอดอัจฉริยะ Active Park Assist แต่ก็ให้เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ขั้นสูงมาครบครัน ทั้ง ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อม Stop&Go และควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Adaptive Cruise Control with Stop-and-Go and Lane Centering, เปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ Auto High-Beam, ช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน Automatic Emergency Braking with Pedestrian Detection, เตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning with Brake Support, ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Keeping System, ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Warning, ตรวจจับรถในจุดบอดและตรวจจับขณะออกจากช่องจอด Blind Spot Information System with Cross-Traffic Alert and Braking, กล้องมองรอบคัน 360 องศา, ป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง Reverse Brake Assist และช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ Evasive Steer Assist
ความปลอดภัยพื้นฐานที่มี ถุงลมนิรภัย 7 จุด รอบคัน รวมถุงลมบริเวณหัวเข่า, ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน, ป้องกันล้อล็อก ABS กระจายแรงเบรก EBD ดิสก์เบรก 4 ล้อ, ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP, ป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA, ลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM, ควบคุมความเร็วขณะลงเขา HDC เบรกมือไฟฟ้า, สัญญาณกันขโมย, สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและด้านหลังรวมกัน 8 จุด (หน้า 4 จุด หลัง 4 จุด)
Ford Ranger Wildtrak เจนที่แล้วมีทั้งระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนนซึ่งผสานระบบเบรกแบบ Inter-Urban Autonomous Emergency Braking (AEB) เข้ากับระบบตรวจจับคนเดินถนน (Pedestrian Detection), ตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) บริเวณรอบตัวรถ เพื่อหยุดรถ และช่วยลดอัตราการชนท้ายและการชนคนเดินถนนลง โดยระบบนี้จะทำงานเมื่อใช้ความเร็วสูงกว่า 3.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป, ควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control), ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System), เตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System), เปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ (Auto High Beam Control)
ความปลอดภัยพื้นฐานมีทั้ง ถุงลมนิรภัย 6 จุดรอบคัน, ระบบเบรก ABS, กระจายแรงเบรก EBD, ควบคุมการทรงตัว ESP, ป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist), ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน(Hill Descent Control), ควบคุมการทรงตัวเมื่อต้องลากจูง, ควบคุมการบรรทุก (Adaptive Load Control), เบรกฉุกเฉิน (Emergency Brake Assistance), กล้องมองหลัง, ลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM, ช่วยจอดอัจฉริยะ Active Park Assistและเซ็นเซอร์กะระยะการจอดรถหน้าหลัง รวม 10 จุด (หน้า 6 จุด หลัง 4 จุด)
ส่วนต่างทั้งคู่ 31,000 บาท
Ford Ranger Wildtrak 2.0 Bi-Turbo 4×4 Double Cab เจนใหม่ราคาอยู่ที่ 1,299,000 บาท มีให้เลือก 7 สีทั้ง สีดำ Absolute Black, สีเงิน Aluminium, สีขาว Arctic White, สีเทา Meteor Grey, * สีขาวมุก Snow Flake White Pearl, *สีเหลือง Luxe Yellow และ*สีส้ม Sedona Orange (*เพิ่มเงิน 10,000 บาท)
Ford Ranger Wildtrak 2.0 Bi-Turbo 4×4 Double Cab เจนที่แล้วราคาอยู่ที่ 1,268,000 บาท มีทั้งหมด 5 สีทั้ง สีดำ Absolute Black, สีเงิน Aluminium, สีขาว Arctic White, สีเทา Meteor Grey, สีส้ม Saber Orange (เพิ่มเงิน 10,000 บาท) ชุดแต่งฝาปิดกระบะท้ายแบบไฟฟ้า (Roller Shutter) เพิ่มเงินเพียง 30,000 บาท
Ford Ranger Wildtrak 2.0 Bi-Turbo 4×4 Double Cab เจนที่แล้วยังมีเหลืออยู่บ้างตามโชว์รูมถ้ายังถวิลหารถที่จัดจ้านให้กำลังแรงมากกว่าเจนใหม่ แต่ถ้าชอบภายนอกหล่อคมสันโหดใหม่หมด ภายในหรูเกินรุ่นพร้อมจอใหญ่แนวตั้ง 12 นิ้ว แต่เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าปรับไม่ได้ พลังเครื่องเทอร์โบคู่ที่หั่นกำลังไปแต่ความจัดจ้านก็ยังอยู่แถมเก็บเสียงเยี่ยมช่วงล่างหนึบด้วยโมโนทูปก็หันมามองเจนใหม่ โดยดีลเลอร์ Ford ทั่วประเทศ พร้อมที่จะให้คุณสัมผัสทดลองขับประกอบการตัดสินใจ รวมถึงมอบข้อเสนอจัดเต็มลดแลกมโหฬารเพื่อคุณได้คู่หู่ตัวจริงตรงใจไม่ว่าจะเลือกเจนใหม่หรือเจนที่แล้วก็ตาม