หลังจากเปิดรุ่นย่อยของกระบะ Ford Ranger เจนใหม่ ที่เน้นการใช้ชีวิตเต็มรูปแบบทั้งเรื่องงาน ครอบครัวและท่องเที่ยวด้วยตัวเลือก 22 รุ่นย่อย
นอกจากรุ่น Wildtrak, Sport และ XLT แล้ว ยังมีทางเลือกแห่งความคุ้มค่ากับ Ford Ranger XL+ ที่มาในร่างขับเคลื่อนสองล่อยกสูงทั้งแบบแค็ปตอนครึ่งและสี่ประตูกับราคาที่คุ้มค่าเริ่มต้นไม่เกิน 7 แสนกับหน้าตาบ้านๆแต่แฝงไปด้วยความแกร่งตั้งแต่กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมสีดำใหม่ ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/70R16 บันไดข้าง ไฟท้ายสีขาวแดงแบบมัลติรีเฟลกเตอร์พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แต่ไม่มีกันชนท้ายติดมาให้จากโรงงาน
ภายในอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีรอบด้านที่ดีเยี่ยมในเซ็กเมนต์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว ซึ่งมาพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC4A® รุ่นล่าสุด ที่ไม่เพียงช่วยเชื่อมต่อการสื่อสารและความบันเทิง แต่ยังแสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับรถได้อย่างชัดเจนกับลำโพง 4 จุด เครื่องปรับอากาศ ช่องต่อ USB 2 จุด พร้อมมาตรวัดสีขนาด 8 นิ้ว เบาะนั่งคนขับปรับสูงต่ำได้ 6 ทิศทางหุ้มด้วยวัสดุผ้า และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน
Ford Ranger XL+ มาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร 4 สูบแถวเรียง รหัส P02Q High-Power 170 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีดพร้อมความปลอดภัยเต็มคันทั้ง ถุงลมนิรภัยคู่หน้าในรุ่น Open Cab และถุงลมนิรภัยรอบคันรวมด้านข้างกับม่านนิรภัย 6 จุด ในรุ่นสี่ประตู ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน ป้องกันล้อล็อก ABS กระจายแรงเบรก EBD แต่ไม่มีไล่ฝ้ากระจกหลัง
โดยมีตัวเลือกสีภายนอก 4 สี ได้แก่ สีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก, สีดำ แอบโซลูท แบล็ก, สีน้ำเงิน บลู ไลท์นิ่ง และสีขาว อาร์กติก ไวท์ โดยมีราคา ดังนี้
– Open Cab XL+ 2.0L Turbo HR 6MT 699,000 บาท
– Double Cab XL+ 2.0L Turbo HR 6MT 792,000 บาท
นอกจากนี้ยังแนะนำ Ford Ranger รุ่น SWB Flat Bed ตอนเดียวฐานล้อสั้นกระบะพื้นเรียบ เป็นการนำพื้นฐานรุ่น STD XL 4×4 มาใช้แพลตฟอร์มแบบเดียวกับ Ford Everest เจนใหม่ หล่อเข้มตั้งแต่ กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมสีดำใหม่ ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ ล้อกระทะขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 255/70R17 กระบะพื้นเรียบเปิดได้สามด้านแถมมีคอกติดหลังตัวรถด้วยมิติตัวรถความยาว 4,980 มม. ความกว้าง 1,956 มม. ความสูง 1,808 มม. และฐานล้อ 2,900มม. พร้อมออพชั่นเด่นทั้งหน้าจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC4A® รุ่นล่าสุด ลำโพง 2 จุด กระจกมองหลัง เครื่องปรับอากาศ พร้อมมาตรวัดสีขนาด 8 นิ้ว และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน
โดยมีขุมพลังดีเซลสองแบบทั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร YN2Q 210 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด รุ่น 10R80 กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Part-Time และเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร P02Q 170 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิด 405 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดรุ่น 6R80 จับคู่กับระบบขับเคลื่อนสองล้อยกสูงพร้อมช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กันโคลงและวัตต์ลิงค์คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลงสำหรับด้านหลัง
ความปลอดภัยมาตรฐานทั้ง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน ป้องกันล้อล็อก ABS กระจายแรงเบรก EBD ดิสก์เบรก 4 ล้อ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP ป้องกันล้อหมุนฟรี ช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA ลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM กุญแจนิรภัย Immobilizer ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC ในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยมีสีเดียวคือสีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก ในราคาดังนี้
– Standard Cab SWB 2.0L Turbo 4×2 6AT 664,000 บาท
– Standard Cab SWB 2.0L Bi-Turbo 4×4 10AT 844,000 บาท
ที่มาภาพ น้องโม