แม้หลายประเทศจะเริ่มลดหรือยกเลิกมาตรการเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่มีการเพิ่มกำแพงภาษีนำเข้า แต่กระแสรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง โดยรถยนต์ประเภท PHEV กำลังกลายเป็นตัวเลือกที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากรถเครื่องยนต์สันดาปไปสู่รถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ
จำนวน EV ทั่วโลกพุ่ง 30% ภายในปีเดียว
Gartner บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาระดับโลกชั้นนำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) คาดการณ์ว่าในปี 2026 จำนวนยานยนต์ไฟฟ้า (EVs) ทุกประเภททั่วโลก ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล รถบัส รถตู้ และรถบรรทุกหนัก จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 116 ล้านคัน โดยมีจำนวนที่พิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับปี 2025 ที่มียานยนต์ไฟฟ้าอยู่ประมาณ 89.6 ล้านคัน แม้ต้องเผชิญแรงกดดันจากการยกเลิกเงินอุดหนุนในหลายประเทศ และมาตรการภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯก็ตาม
Jonathan Davenport ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์การ์ทเนอร์ กล่าวว่า “แม้สหรัฐฯ จะมีการตั้งกำแพงภาษีนำเข้ารถยนต์ และรัฐบาลในประเทศต่าง ๆ จะยกเลิกนโยบายที่จูงใจในการซื้อรถไฟฟ้า แต่จำนวนรถไฟฟ้าที่ใช้งานบนถนนจากทั่วโลกยังถูกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 30% ในปี 2569”
BEV ชะลอตัว PHEV เป็นดาวรุ่งใหม่
แม้ รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ (BEV) จะยังคงเป็นสัดส่วนหลักของตลาดโลก แต่แนวโน้มสำคัญที่เห็นได้ชัดคือการเติบโตอย่างรวดเร็วของ รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
- BEV ยังคงมีการเติบโตโดยมีจำนวนรถใช้งานคาดว่าจะเพิ่มเป็น 76.3 ล้านคัน จาก 59.4 ล้านคัน
- PHEV คาดว่าจะเติบโต 32% ในปี 2026 จำนวนรถการใช้งานรถจากทั่วโลกเพิ่มเป็น เกือบ 39.8 ล้านคัน จาก 30 ล้านคันในปี 2025
อย่างไรก็ตาม Gartner ได้ปรับลดสัดส่วนการคาดการณ์ยอดขาย BEV ในปี 2026 ลง จากเดิมที่คาดไว้ประมาณ 77% ปรับลดเป็น 63% เพราะการนำรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่มาใช้จริง ช้ากว่าที่คาดหวังไว้ ในขณะเดียวกันรถ PHEV กลับมีแนวโน้มเติบโตมากกว่าเดิม เพราะผู้บริโภคยังต้องการ ความอุ่นใจ โดยให้ความสำคัญกับการมีเครื่องยนต์เบนซินสำรองไว้ใช้ในยามที่จำเป็น
Jonathan Davenport อธิบายว่า “ลูกค้ายังให้คุณค่ากับการมีเครื่องยนต์เบนซินเป็นทางเลือกสำรองในกรณีจำเป็น”
แนวโน้มนี้ทำให้ผู้ผลิตรายใหญ่ อย่าง BYD มีการปรับกลยุทธ์ หันมาเน้นพัฒนา PHEV มากกว่าเดิม รวมถึงรถ Range Extender ที่ใช้เครื่องยนต์ทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว เพิ่มประสบการณ์ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ราบรื่นและสม่ำเสมอกว่าเดิม
คาดการณ์ จีนเริ่มครองตลาดโลก
ด้านภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก จีนยังคงเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรม EV โลก โดยจีน จะครองสัดส่วนถึง 61% ของ EV ทั่วโลกในปี 2026 คาดว่ายอดส่งมอบรถจะเพิ่มจาก 13.4 ล้านคัน เป็น 16.5 ล้านคัน สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่ดุเดือดของตลาดภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนเริ่มเข้าควบคุมสงครามราคา และทยอยลดมาตรการอุดหนุนลง
ขณะที่สหรัฐอเมริกา ต้องเผชิญภาวะความต้องการที่ชะลอตัวจากผลของภาษีนำเข้าและการยกเลิกมาตรการสนับสนุนการซื้อ EV
แรงขับเคลื่อนหลักมาจากกฎระเบียบ
รายงานของ Gartner มองว่า การเติบโตของ EV ทั่วโลกไม่ได้มาจากความต้องการของผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว แต่มีการเปลี่ยนแปลงจาก แรงกดดันด้านกฎระเบียบ ที่ผู้ผลิตรถยนต์ต้องมีการพัฒนา EV เพื่อตอบโจทย์นโยบายด้านสิ่งแวดล้ม ทั้งการควบคุมคุณภาพอากาศและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขณะที่หลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณชัดเจนในการยุติยุครถเครื่องยนต์สันดาป (ICE) ด้วยการไม่อนุมัติรุ่นใหม่ เพื่อลด PM และ CO₂ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อม
ตัวเลข 116 ล้านคัน ตามการคาดการณ์ของ Gartner ในปี 2026 สะท้อนว่าโลกกำลังก้าวสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแท้จริง ตัวเลขจำนวนนนี้บอกได้ว่ารถไฟฟ้าอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันมากขึ้น สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งในด้านเทคโนโลยีและวิถีชีวิตของผู้คน
ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้ที่: car2day.com
