ครั้งแรกในรอบ 5 ปีของ GWM กับการแนะนำเครื่องยนต์สันดาปล้วนตอบโจทย์คนไทยด้วย GWM TANK 300 Diesel ขุมพลังใหม่ 2.4 ลิตร
ตั้งแต่เปิดตัวและราคาที่งาน Bangkok Motor Show 2025 ในราคาเริ่มล้านต้นๆมียอดจองในงานมากถึง 2,786 คันจากยอดจองทั้งหมดของค่าย 4,959 คัน
และทยอยส่งมอบตั้งแต่พฤษภาคมกว่า 1,000 คัน และมิถุนายนอีก 1,000 คัน รวมกัน 2,000 คัน นับเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความไว้ใจเชื่อใจของคนไทยทั้งประเทศที่มีต่อ GWM TANK 300 Diesel วันนี้ Car2Day จะมาเจาะลึกเจาะเทคโนโลยีดีเซล 2.4 ลิตร เจนเนอเรชันใหม่ และเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ที่ให้ทั้งสมรรถนะแรง ทรงพลัง เงียบ ประหยัดและคุ้มค่า
สำหรับสเปกเครื่องยนต์ดีเซลนี้เป็นดีเซลเทอร์โบแปรผัน 2.4 ลิตร รหัส GW4D24 (E24D) ให้กำลังถึง 184 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 480 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาทีสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 11 วินาทีโดยอัตราการบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 14 กิโลเมตรต่อลิตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ Eco sticker ในประเทศไทย) โดยเครื่องยนต์บล็อกนี้ผลิตที่ไทยไม่ได้นำเข้าจากจีนแต่อย่างใด
จุดเด่นของเครื่องยนต์บล็อกใหม่นี้คือแรงบิดเพิ่มขึ้นในรอบต่ำ แม้เพียง 1,000 รอบต่อนาที ก็ให้แรงบิดสูงในรอบต่ำถึง 260 นิวตันเมตร โดยให้สมรรถนะทรงพลังตั้งแต่รอบแรก “เหมือนเสียงกระซิบที่แฝงพลังระเบิด”
พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบอัจฉริยะที่ให้การตอบสนองฉับไวไม่มีหน่วงด้วยระบบ Smart Turbocharger มาพร้อม แอคทูเอเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ ตรวจจับรอบเครื่องยนต์และตอบสนองแบบ เรียลไทม์ เหยียบคันเร่งเบาหรือแรง ก็ ส่งแรงขับได้ทันที พร้อมแก้ปัญหา “เทอร์โบหน่วง” ที่มักพบในระบบเก่า
ออกแบบระบบอากาศใหม่ในส่วนของใบพัดเทอร์โบและช่องอากาศออกแบบใหม่ทั้งหมด เพิ่มประสิทธิภาพการอัดอากาศขึ้นประมาณ 20% โดยอากาศไหลเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้แม่นยำและสมบูรณ์ ช่วยให้การผสมเชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพสูงสุด ปลดปล่อยพลังได้เต็มที่ โดยเฉพาะในรอบต่ำและระบบหล่อเย็นขั้นสูงทั้ง Transmission Oil Cooler ช่วยระบายความร้อนน้ำมันเกียร์ และ Intercooler รักษาสมรรถนะในระยะยาว
เนื่องจากประเทศไทยมีอากาศร้อนตลอดปีทำให้ผู้ใช้รถกังวลเรื่องเครื่องยนต์ร้อนเกินไปทาง GWM คลายความกังวลกับคนใช้รถ GWM TANK 300 Diesel พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลเพื่อรองรับสภาพอากาศร้อนโดยเฉพาะด้วยระบบจัดการความร้อนขั้นสูงด้วยการติดตั้งพัดลมระบายความร้อนขนาด 850 วัตต์
มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ Off-Road Thermal Management Mode (ครั้งแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์) ช่วยป้องกันความร้อนสะสม ลดการดรอปสมรรถนะของเครื่องยนต์และเพิ่มความสามารถในการทำงานต่อเนื่อง มากขึ้นถึง 30% ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ มีเสถียรภาพในระยะยาว
เครื่องเงียบ แรงจัด ประหยัดจริงด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเริ่มจากเทคโนโลยีคอมมอนเรลเจเนอเรชันใหม่: ใช้ระบบ ฉีดเชื้อเพลิงแบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม จังหวะ / ปริมาณ / แรงดัน การฉีดอย่างแม่นยำ ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงาน เต็มประสิทธิภาพในทุกสภาวะ
ระบบคอมมอนเรลแรงดันสูงระดับ 2,000 บาร์ ฉีดเชื้อเพลิงเป็นละอองละเอียดสูง คล้ายเกลือโปรยบนขนมปัง ทำงานร่วมกับหัวฉีดแม่เหล็กไฟฟ้าความเร็วสูง ที่ฉีดได้หลายครั้งต่อรอบ ส่งผลให้เชื้อเพลิงผสมกับอากาศได้อย่างสม่ำเสมอเผาไหม้สมบูรณ์
ช่วยลดการปล่อยมลพิษทางไอเสียทั้เพิ่มความสบายในการขับขี่ และประหยัดน้ำมันอย่างเห็นได้ชัดและระบบปั๊มน้ำมันเครื่องแบบอัจฉริยะ (Variable Displacement Oil Pump) ปรับอัตราการไหลตามสถานการณ์แบบเรียลไทม์ที่รู้จักประหยัดพลังงานอย่างเหมาะสม โดย ความเร็วต่ำ→ ปั๊มส่งน้ำมันเพียงพอเพื่อหล่อลื่นและความเร็วสูง → ปั๊มลดกำลังเพื่อลดการสูญเสียพลังงาน
เหตุผลที่ทาง GWM พัฒนาระบบคอมมอนเรลแรงดันสูงฉีดเชื้อเพลิงเป็นละอองละเอียดระดับ 2,000 บาร์ นั้นเพื่อรักษาความสมดุลในการจ่ายเชื้อเพลิงและหัวฉีดไม่พังก่อนกำหนด
ด้านความเงียบนั้นทาง GWM ได้พัฒนาเทคโนโลยี NVH (Noise, Vibration, Harshness) เน้นความเงียบสงบภายในห้องโดยสาร GWM โดยมี “7 เทคนิคแห่งความเงียบ” ได้แก่
- การออกแบบลดแรงสั่นสะเทือนของท่อเชื้อเพลิงแรงดันสูง (High-Pressure Fuel Pipe Vibration Damping Design) ทิศทางและจุดยึดของท่อน้ำมันแรงดันสูงได้รับการออกแบบใหม่ให้เหมาะสมและมั่นคงยิ่งขึ้น ช่วยลดเสียงสะท้อนและแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการเปลี่ยนแรงดันของหัวฉีดและปั๊มเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ดีเซล เพิ่มความเงียบและความนุ่มนวลขณะขับขี่
- วัสดุดูดซับเสียงรอบระบบเชื้อเพลิง (Passive Noise Reduction) ใช้ฉนวนกันเสียงชั้นดีหุ้มบริเวณหัวฉีดและปั๊มเชื้อเพลิง เพื่อดูดซับเสียงที่เกิดจากการฉีดเชื้อเพลิงแรงดันสูง และลดเสียงคล้ายการกระแทกเบา ๆ ที่อาจได้ยินจากห้องโดยสาร ให้เสียงที่เงียบไม่รบกวนทั้งสมาชิกในบ้านและเพื่อนบ้านรอบข้าง
- การออกแบบระบบไทม์มิ่งที่ปรับปรุงใหม่ (Optimized Timing System Design) มีการออกแบบและปรับระบบไทม์มิ่งใหม่ทั้งสายพานและลูกรอกเพื่อลดเสียงรบกวนระหว่างทำงาน พร้อมติดตั้งฝาครอบเครื่องยนต์วัสดุผสม พลาสติกด้านบนช่วยยืดหยุ่น อะลูมิเนียมด้านล่างช่วยดูดซับเสียงสะท้อน โดยเฉพาะเสียงความถี่สูง เช่น ขณะขับในอุโมงค์หรือที่จอดรถใต้ดิน
- เพลาลูกเบี้ยวแบบขนานพร้อมเฟืองพิเศษ ลดเสียงกระแทกของกลไกภายใน (Parallel Camshaft Coupling with Anti-Backlash Gears) เครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ล่าสุดใช้เพลาขนานและเฟืองที่ออกแบบพิเศษ (Anti-Backlash Gears) เพื่อลดเสียงและแรงกระแทกภายใน จึงทำให้เสียงกลไกขณะเร่งเครื่องนุ่มนวลขึ้นกว่าเครื่องยนต์ดีเซลแบบทั่วไป
- เพลาสมดุลแบบใหม่ ติดตั้งด้านท้ายเครื่องยนต์เพื่อลดแรงสะเทือนจากการหมุน (Rear-End Gear Drive for Balance Shaft) เครื่องยนต์ดีเซลมักมีแรงสั่นสะเทือนจากการหมุนของเพลาข้อเหวี่ยง ซึ่งอาจส่งไปถึงพวงมาลัยหรือพื้นรถแก้ปัญหานี้ด้วยการติดตั้งเฟืองเพลาสมดุล (Balance Shaft) ไว้ด้านท้ายของเพลาข้อเหวี่ยง เพื่อควบคุมแรงสั่นให้สมดุลมากที่สุด ทำให้พวงมาลัยนิ่งและจับถนัดมือมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเกร็งมือหรือขยับมือบ่อย ๆ
- การออกแบบให้หลีกเลี่ยงการสั่นสะเทือนร่วมกันของชิ้นส่วน (Component Modal Frequency Avoidance) ออกแบบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ให้หลีกเลี่ยงความถี่สั่นสะเทือนซ้ำซ้อน ชิ้นส่วนอย่างเสื้อสูบ ฝาสูบ และข้อเหวี่ยงได้รับการออกแบบให้มีค่าความถี่ที่ต่างกัน เพื่อลดโอกาสการเกิดเสียงหรือแรงสั่นสะเทือนที่เสริมกันจนเกิดเป็นเสียงรบกวนในห้องโดยสาร เมื่อขับทางไกลต่อเนื่องเป็นชั่วโมง เสียงเครื่องยนต์จะคงที่ ไม่เกิดเสียงสั่นให้รู้สึกรำคาญหรือเวียนหัวได้
- ปั๊มน้ำมันเครื่องแบบขับเคลื่อนด้วยโซ่ภายใน (Internal Chain-Driven Oil Pump) ระบบขับปั๊มน้ำมันเครื่องถูกออกแบบให้ใช้โซ่ภายในเครื่องยนต์แทนสายพาน และติดตั้งไว้ด้านล่างโดยจุ่มอยู่ในน้ำมันเครื่อง ทำให้ลดเสียงแหลมคล้ายเสียงนกหวีดที่มักได้ยินในห้องโดยสาร เมื่อเปิดกระจกขณะขับผ่านซอยเงียบ ๆ หรือจอดคุยกับเพื่อนบ้าน จะไม่รู้สึกถูกรบกวนจากเสียงเครื่องยนต์ ทำให้บรรยากาศภายในรถยังคงเงียบ สบาย
เมื่อนั่งอยู่ภายในแม้จะวิ่งด้วยความเร็วถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ยังรู้สึกได้ถึงความสงบ ราวกับมีเพื่อนร่วมทางที่เงียบขรึมและสุขุม ขณะจอดนิ่งและเครื่องยังทำงาน ระดับเสียงอยู่ที่เพียง 41 เดซิเบล ใกล้เคียงกับเครื่องยนต์เบนซินที่ขึ้นชื่อเรื่องความเงียบ ถือเป็นการผสานระหว่างพลังแรงและความเงียบ ได้แบบสมดุลอย่างแท้จริง เพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสกับความเงียบได้ดียิ่งขึ้น
ยังมีระบบดรัมทดสอบเสียงรบกวนสำหรับรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ทำหน้าที่เสมือนโค้ชที่เข้มงวด คอยจำลองสภาพถนนสุดขั้วต่างๆอย่างแม่นยำ เพื่อปรับแต่งเสียงของตัวรถให้ลงตัวที่สุด ทำให้ไม่เพียงทรงพลัง แต่ยังเงียบสงบดั่งห้องโดยสารระดับพรีเมียม
ระบบส่งกำลังเป็น เกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9AT) ประสิทธิภาพการทำงานของเกียร์ด้วย อัตราทดเกียร์ต่ำ และมีช่วงเกียร์กว้างถึง 8.843 ช่วยให้เปลี่ยนเป็นเกียร์ 9 ได้ตั้งแต่ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงปรับการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับสภาพถนนและการขับขี่ ทำงานสอดคล้องกับเครื่องยนต์ ช่วยลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น
ขับลุยบนพื้นถนนลื่นได้อย่างมั่นใจ โดยทำงานร่วมกับแรงบิดสูงสุดจ 480 นิวตันเมตรเหมาะกับถนนลื่น เช่น พื้นเปียกในฤดูฝน พื้นทราย หรือดินนุ่ม และไม่ต้องเร่งคันเร่งแรง เนื่องด้วยเครื่องยนต์ส่งพลัง สม่ำเสมอไปยังล้อทั้ง 4 สมรรถนะที่ตอบสนองทุกจังหวะ การเปลี่ยนเกียร์ ราบรื่น ไม่มีสะดุด ลดความรู้สึก “หน่วง” หรือ “เฉื่อย” ของรถ และช่วยให้ผู้ขับ ผ่อนคลายมากขึ้น สามารถโฟกัสกับการควบคุมพวงมาลัยได้เต็มที่
การขับขี่ได้คล่องตัวแม้ในเส้นทางท้าทายประหยัดน้ำมันมากขึ้นด้วยแรงบิดสูงตั้งแต่รอบต่ำพร้อมรับมือสภาพการใช้งานหนัก ปีนเขา เดินทางไกล หรือใช้เครื่องยนต์หนักต่อเนื่องโดยไม่ลดทอนพลัง
ความทนทานจากการทดสอบเข้มงวดทุกนาทีตั้งแต่ Thermal Shock Test: ทดสอบสภาวะช็อกจากอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงสูงถึง 300 ชั่วโมง Full-Speed, Full-Load Test: ทดสอบและจำลองการทำงานหนักต่อเนื่องที่รอบสูงสุดและโหลดเต็ม 500 ชั่วโมง
Alternating Load Test: ทดสอบความทนทานต่อโหลดสลับไปมา นาน 650 ชั่วโมง Real-world Road & Climate Testing: ทดสอบบนถนน 76 รูปแบบทั่วโลก ครอบคลุมสภาพแวดล้อมสุดขั้วหลากหลายภูมิภาค ระยะทางรวมการทดสอบมากถึง 6 ล้านกิโลเมตร เทียบเท่าการขับรถรอบโลก 150 รอบ
ยังได้ถูกพิสูจน์และการันตีด้วยผู้ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเกือบ 2 ล้านคนในกว่า 170 ประเทศทั่วโลก รวมถึงเป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ ชิลี ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐเอมิเรตส์ ทำให้ GWM มั่นใจในคุณภาพเครื่องยนต์มอบการรับประกันเครื่องยนต์แบบไร้กังวลนานถึง 8 ปี หรือ 1,000,000 กิโลเมตร
และเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกนี้ผ่านมาตรฐาน EURO 5 ของไทยด้วยการใช้ EGR 2 ตัว ทั้งแบบ EGR แรงดันต่ำ และ EGR แรงดันสูง และใช้วิธีปิดกั้นตัว EGR แรงดันสูงบริเวณท่อหลังไอเสียในการปิดกั้นแรงดันและความร้อนของไอเสียสะสมไว้เพื่อเผาเขม่า
รวมถึงต้นทุนการดูแลรักษาต่ำ ค่าใช้จ่ายในการเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร เพียง 38,448 บาท มีกำหนดเข้ารับการเช็กระยะทุกๆ 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร เพื่อดูแลรักษาให้รถยนต์อยู่ในสภาพสมบูรณ์และพร้อมใช้งานเสมอ
อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น การบำรุงรักษานี้รวมถึงรายการตรวจสอบ และเปลี่ยนอะไหล่ที่ชัดเจนในแต่ละระยะทาง เช่น การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรองน้ำมันเครื่อง และการตรวจเช็กระบบต่างๆ
ที่สำคัญโดยในช่วงก่อน 80,000 กิโลเมตรแรก หรือปีที่ 4 ค่าใช้จ่ายในการเช็กระยะในแต่ละครั้งจะอยู่ที่ไม่เกิน 2,000 บาท หรือ 4,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับระยะทาง โดยช่วงการเช็กระยะที่ 80,000 กิโลเมตร เป็นระยะที่ต้องมีการเปลี่ยนอะไหล่และของเหลวชุดใหญ่ เช่น
- น้ำมันเบรก ราคา 333 บาท
- น้ำยาหล่อเย็น ราคา 2,016 บาท
- น้ำมันเกียร์ ราคา 2,700 บาท
- น้ำมันเฟืองท้าย ราคา 1,400 บาท
- ไส้กรองแอร์ ราคา 480 บาท
- สายพานไทม์มิ่งเครื่องยนต์ ราคา 1,835 บาท
โดยค่าบำรุงรักษาตามระยะทางตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร จะอยู่ที่เพียง 38,448 บาท หรือเฉลี่ยเพียงปีละประมาณ 7,700 บาท โดยไม่มีค่าแรงเพิ่มเติมในทุกระยะ พร้อมด้วยบริการที่ประทับใจจากทีมช่างเทคนิคที่ผ่านการอบรมตามมาตรฐานของ GWM (ราคาที่กล่าวมายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
การรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ ตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) เพื่อมอบความอุ่นใจสูงสุดให้กับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะใช้งานในเมืองหรือต่างจังหวัด ออนโรดหรือออฟโรด หากพบว่ามีชิ้นส่วนใดหรือระบบใดเสียหายภายใต้เงื่อนไขการรับประกัน
GWM พร้อมให้การดูแลอย่างเต็มที่โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม ครอบคลุมทั้งอะไหล่และการบริการโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ อุ่นใจ ไร้กังวลกับการใช้รถยนต์คันนี้ไปได้อย่างยาวๆ จึงเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่น่าสนใจและเด่นดังไม่แพ้เครื่องจากฟากญี่ปุ่น