หลังจากเปิดสเปก GWM HAVAL H7 เวอร์ชันปลั๊กอินไฮบริดกันไปแล้วคราวนี้มาถึงคิวของเวอร์ชันสันดาปที่ครั้งนี้เปิดสเปกและราคาจำหน่าย
GWM HAVAL H7 (GWM HAVAL Big Dog Plus เจนที่ 2) หน้าตาใหม่ไม่ต่างจากเวอร์ชันปลั๊กอินไฮบริดแต่ปรับรายละเอียดให้เหมาะสม
หล่อดุดัน
เริ่มที่กระจังหน้าใหม่ทรงใหม่ต่างจากรุ่นสันดาปกับตรา HAVAL ขนาดใหญ่ ไฟหน้า LED ทรงกลม พร้อมไฟ DRL LED ในโคมเดียวกันที่ลึกลับและมั่นคง ด้านข้างดุดันโค้งมนออกเป็นสองส่วนได้อย่างเหมาะเจาะทั้งกระจกมองข้างทรงสปูน คิ้วขอบล้อสีดำ ราวหลังคาสีเงินทรงกลมกลืนกับหลังคารถ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ไฟท้าย LED ออกแบบทรงกลมพร้อมเส้นแนวนอนขอบบน เพิ่มระดับการมองเห็นและสามารถขยายขอบเขตการมองเห็นได้มากขึ้นอีกด้วย พร้อมตรา GWM ขนาดใหญ่และกรอบป้ายทะเบียนทูโทนสีเดียวกับตัวรถขอบโครเมียม ล้ออัลลอยลายเท่ทูโทนขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/60 R19 และขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 235/65 R18 ติดตั้งคิ้วขอบล้อสีดำติดหมุดบริเวณขอบล้อ
ถึงแม้จะเปิดตัวตามหลังด้วยมิติตัวรถใหญ่กว่ารุ่น Big Dog เจนที่ 1 และ Cool Dog สร้างจากแพลตฟอร์ม LEMON ตั้งแต่
- ความยาว 4,705 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,908 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,780 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,810 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้นน้อยกว่า 200 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน 60 และ 61 ลิตร
ภายในทันสมัย
ด้วยแผงคอนโซลหน้ารูปทรงพิเศษเท่ถึงใจดุดันในโทนสีดำตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ โทนสีน้ำตาลเข้มฉูดฉาดและลายเส้นที่ไม่ตายตัว ตัดเย็บด้วยสีสันที่ตัดกัน แสดงถึงเสน่ห์ของความมั่นใจทุกพื้นที่ในรถ มาตรวัดดิจิทัลแบบ LCD ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมจอสัมผัสขนาดใหญ่แนวนอน 14.6 นิ้ว เชื่อมต่อ Wireless Apple CarPlay and Android Auto พร้อม Wireless phone charger พร้อมระบบปฏิบัติการ Coffee OS 3.0 รุ่นล่าสุดที่ให้ความเร็วในการตอบสนองคำสั่งเสียงดีขึ้นเป็น 250 มิลลิวินาที
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านทรงท้ายตัดแบบเดียวกับ GWM HAVAL H6 เวอร์ชันไทย เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา Dual-zone พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง มีจอ Head-up display พร้อมไฟสร้างบรรยากาศภายใน Ambient Light พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน พร้อมลำโพง 10 จุด เบาะนั่งสบายแบบ 5 ที่นั่งปรับคู่หน้าด้วยไฟฟ้าฝั่งคนขับปรับ 8 ทิศทางพร้อมความจำเบาะ 3 ตำแหน่ง อุ่นเบาะและดันหลัง lumbar support 2 ตำแหน่ง คนนั่งปรับ 4 ทิศทาง และพื้นที่เบาะหลังยังพับเก็บได้ถึง 1,362 ลิตรแต่ถ้าไม่พับเบาะมีพื้นที่ 483 ลิตร
ขุมพลังสันดาป 2 ความแรง
กับเบนซินเทอร์โบ VGT ที่ให้เลือกถึง 2 ความแรงตั้งแต่ขนาด 1.5 ลิตร รหัส GW4B15M ให้พลังแรง 154 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 275 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด DCT ขับเคลื่อนล้อหน้า และขนาด 2.0 ลิตร รหัส GW4N20A ให้กำลังสูงสุด 235 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 385 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 9 สปีด DCT เลือกได้ทั้งขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ
เร้าใจยิ่งขึ้นด้วยโหมดการขับขี่เลือกได้ถึง 5 โหมดทั้งโหมด ECO, Normal, Sport, Snow และ Auto โดยในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ เพิ่มมาอีก 4 โหมดรวมเป็น 9 โหมดทั้ง Mud, Sand, Grass, Gravel/Bump Road พร้อมความปลอดภัยรอบคัน Driver Assistance and Safety Systems มาครบทั้ง
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ Adaptive cruise control (ACC)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก Autonomous emergency braking (AEBI)
- ช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind-spot monitoring (BSD)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน Lane-keep assist (LKA)
- ตรวจจับอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver fatigue monitoring
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน Emergency lane-keep assist (ELK)
พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) ตรวจความดันลมยาง (TPMS) ช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนด้านหลัง (RCW) เซนเซอร์กะระยะการจอดรถหน้าและหลังฝั่งละ 4 จุดกล้องมองภาพรอบคัน และถุงลมนิรภัย 7 จุดรอบคัน และ กระจกนิรภัย 2 ชั้นสำหรับประตูรถยนต์ Double Glazed
ราคาขายอย่างเป็นทางการ 3 รุ่นย่อยเริ่มต้น 135,800-156,800 yuan หรือราว 609,000-699,000 บาท สำหรับรุ่นเครื่องยนต์สันดาปและยังเปิดราคาเป็นทางการของรุ่นปลั๊กอินไฮบริด Hi4 ขาย 2 รุ่นย่อย 173,800-183,800 yuan หรือราว 779,000-819,000 บาท
ที่มา CarNewsChina