พึ่งจะเปิดตัวสีใหม่สีฟ้า “So Blue” ที่ผ่านมาล่าสุดเพิ่มลุคใหม่ในสีขาว หลังคาดำสำหรับน้องเหมียวลุคใหม่ GWM ORA Good Cat MY2025
ORA Good Cat MY2025 สีขาวหลังคาสีดำ Hamilton White with Black Roof และใหม่ชุดแต่ง Black Package หลังคารถสีดำ กระจกมองทรงสปูนสีดำ และล้อสีดำตัดกับคาลิปเปอร์เบรกเหลืองพร้อมพร้อมยาง 215/50R18
ด้านนอกมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยด้วยด้านท้ายมีการสลับตำแหน่งโลโก้ด้านท้ายจาก ORA มาเป็น GWM ใหญ่โตเด่นสง่าบนฝาท้าย ส่วนโลโก้ ORA ไปอยู่ตำแหน่งเดิมของ GWM นอกนั้นคงเดิมทั้งไฟหน้าทรงกลมทรง Cat Eye แบบ LED พร้อม Daytime Running Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้วไฟท้ายแนวยาว LED ครอบทับกระจกหลังช่วยให้มองเห็นชัดเจนขึ้นท้ายรถที่เรียบง่ายและสปอยเลอร์หลังดีไซน์เก๋ไก๋ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ตัวรถมีขนาดใหญ่โตออกแบบมาอย่างลงตัวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ จากแพลตฟอร์ม GWM LEMON E PLATFORM มีมิติตัวรถ
- ความยาว 4,235-4,254 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,825-1,848 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,596 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,650 มิลลิเมตร
- ความสูงใต้ท้องรถ 145 มิลลิเมตร
ภายในรุ่น PRO กับ ULTRA มีสีภายในให้เลือกถึง 4 สี เริ่มที่ภายในสีเขียว-เทา สำหรับตัวรถสีฟ้าพร้อมหลังคาสีดำ (So Blue with Black Roof) กับ สีเขียวพร้อมหลังคาสีขาว (Verdant Green with Hamilton White Roof)
ภายในสีดำสำหรับสีขาวพร้อมหลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof) ภายในสีเขียว-เบจ สำหรับตัวรถสีเขียว (Pistachio Green) และภายในสีเบจ-น้าตาล สำหรับตัวรถสีเบจพร้อมหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige with Wisdom Brown Roof
จุดเปลี่ยนแปลงในรุ่นประกอบไทยเกียร์อัตโนมัติย้ายมาที่ก้านคอพวงมาลัยหรือเรียกว่าเกียร์คอช่วยในการปรับเปลี่ยนและควบคุมรถให้ง่ายขึ้น และย้ายสวิตช์ที่ปัดน้ำฝนไปรวมกับสวิตช์ไฟเลี้ยว นอกนั้นคงเดิมภายใต้แนวคิด “Intelligent Cockpit with Exquisite Craftsmanship” ด้วยหน้าจอ Interactive Double Screen หน้าจอพาดยาวบริเวณคอนโซลของตัวรถมีขนาด 17.25 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูง แบ่งออกเป็น
หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิตอล (Full TFT) ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอระบบมัลติมิเดียพร้อมระบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน ฟังเพลง วิดีโอ รองรับ Apple CarPlay และ Siri รองรับ Android Auto และ Google Assistant ระบบนำทางรองรับแอปพลิเคชั่นเพลง เช่น JOOX พร้อมลำโพง 4 จุดในรุ่น PRO และ 6 จุด ในรุ่น ULTRA
พร้อมวัสดุภายในห้องโดยสารให้สัมผัสที่สบาย โดยใช้วัสดุที่มีคุณภาพในการตกแต่งภายในด้วยดีไซน์ที่สวยงาม เบาะนั่งปรับด้วยระบบไฟพร้อม Welcome Seat ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้า-ออกจากรถได้อย่างง่ายดายและระบบเบาะนวดไฟฟ้า เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ ในรุ่น ULTRA เบาะหลังสามารถพับลงได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุดถึง 858 ลิตร
ระบบ Cockpit Cleaning System พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 ช่วยเปิดการไหลเวียนของอากาศจากภายนอกเพื่อระบายอากาศและช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร Wireless Charger จ่ายกระแสไฟฟ้าได้มากถึง 50 วัตต์ เพื่อการชาร์จที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เพิ่มช่องต่อ USB ประเภท TYPE A และ C สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า และประเภท TYPE A สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้าน และฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions) มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ เช่น ระบบความบันเทิงในรถยนต์ ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ และเทคโนโลยีสำหรับการขับขี่อันล้ำสมัย การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA)
ตอบโต้ด้วยเสียงอัจฉริยะผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) การสั่งการและควบคุมรถจากระยะไกล พร้อมฟังก์ชั่นอื่นๆทั้ง ฟังก์ชันการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่รถไฟฟ้า ฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล ฟังก์ชันด้านความปลอดภัย ที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล เช่น การแสดงตำแหน่งรถยนต์ การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ และการแสดงผลการตั้งค่าต่างๆ ของรถ เป็นต้น
มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร กับความจุแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) 57.70 kWh จากค่าย SVOLT ผลิตในไทย ให้ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทางวิ่งไกลต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเดียวกันคือ 480 กิโลเมตร ตามาตรฐาน NEDC
เทคโนโลยีที่อัดแน่นเปี่ยมประสิทธิภาพ รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 70 kW โดยชาร์จแบบเร็ว DC (0%–80%) เร็วขึ้นถึง 54 นาที และ DC (30%–80%) เร็วขึ้นถึง 38 นาที และการชาร์จแบบธรรมดาด้วยไฟฟ้ากระแสสลับด้วยการชาร์จไฟบ้านแบบ AC สูงสุด 6.6 kW เร็วขึ้นถึง 9 ชั่วโมง
พร้อมระบบขับขี่ทั้งหมด 6 แบบ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับได้เองตามปริมาณแบตเตอรี่ที่คงเหลือได้แก่ Standard, Sport, ECO, ECO+ , AUTO และ Presonal เฉพาะรุ่น GT พร้อมความสามารถการกู้คืนพลังงาน (Energy Recovery) ได้สามระดับ ได้แก่ น้อย, มาตรฐาน และมาก เพื่อการประหยัดพลังงาน และระบบจ่ายกระแสไฟ V2L (3300W) ระบบจ่ายกระแสไฟแก่อุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในทุกที่ที่เดินทาง เฉพาะรุ่น ULTRA
จัดเต็มด้วยระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย (Driver Assistance and Safety Systems) สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ L2+ เริ่มที่ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ทั้ง
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICA)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI)
- การเบรกฉุกเฉินความเร็วต่ำ ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
- ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK)
- ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
- การเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent Turn)
- ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP)
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
- ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM)
ความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง โครงสร้างตัวถัง ทำจากเหล็กกล้า IronBone™ สามารถดูดซับและลดแรงกระแทกเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลักถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง และระบบโทรหาเบอร์ฉุกเฉิน ช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ตรวจความดันลมยาง (TPMS) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว
ORA Good Cat MY2025 ผลิตจากโรงงานอัจฉริยะในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง โดยรุ่น PRO และ ULTRA ในราคาถูกลงกว่าเดิมดังนี้ รุ่น PRO ราคา 599,000 บาท (ถูกลง 200,000 บาท เดิม 799,000 บาท) และรุ่น ULTRA ราคา 699,000 บาท (ถูกลง 200,000 บาท เดิม 899,000 บาท) มีสีภายนอกทั้งหมด 5 สี ได้แก่
- สีใหม่สีขาวหลังคาสีดำ Hamilton White with Black Roof พร้อมชุดแต่ง Black Package
- สีฟ้าพร้อมหลังคาสีดำ (So Blue with Black Roof) พร้อมสีภายในสีเขียว สีเทา และภายในดำ พร้อมชุดแต่ง Black Package
- สีเขียว Pistachio Green พร้อมสีภายในสีเขียวและเบจ
- สีเบจหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige with Brown Roof) ภายในสีเบจและน้ำตาล
- สีเขียวหลังคาสีขาว (Verdant Green with White Roof) พร้อมสีภายในสีเขียวและเทา
ยังมาพร้อมกับโปรโมชันอีกมากมายถึง 30 มิถุนายน อาทิ ฟรี! ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นาน 1 ปีเต็ม ฟรี! ฟิล์มกรองแสง ลามิน่า รุ่น CM ONE และค่าจดทะเบียน ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) ตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 5 ปี ฟรี! บริการระบบตรวจสอบและสั่งการรถผ่านอินเทอร์เน็ต* (Telematic Service) พร้อมแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตภายในรถ (Internet in Vehicle) ระยะเวลา 3 ปี และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ารวมมูลค่าข้อเสนอสุดพิเศษ สูงสุดกว่า 304,900 บาท
ด้านการรับประกัน GWM มอบการรับประกันคุณภาพรถใหม่ ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และการรับประกันแบตเตอรี่ EV เป็นระยะเวลา 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร** (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) มอบความอุ่นใจให้ผู้ขับขี่ตลอดระยะเวลาการใช้งานได้อย่างครอบคลุม