หลังจากแนะนำหน้าใหม่ภายในใหม่ของน้องเหมียว GWM ORA Good Cat ไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรกในรอบ 4 ปี พร้อมสีใหม่จนชาวจีนอยากเป็นเจ้าของ
GWM ORA Good Cat น้องเหมียวมาดใหม่หน้าใหม่ปรับให้ดูดีมีชาติตระกูลในร่างเก๋งทรงกล่องแฮทช์แบ็ก 5 ประตูไซซ์คอมแพ็ค
ด้านนอกมีการเปลี่ยนแปลงเริ่มที่ด้านหน้าใหม่ด้วยกันชนหน้าออกแบบช่องระบายอากาศทรงสี่เหลี่ยมไส้ในแบบรังผึ้งสีเงิน พร้อมช่องระบายอากาศแนวตั้งทรงสีเหลี่ยมเพิ่มเติมในชุดกันชนหน้า ด้านท้ายมีการสลับตำแหน่งโลโก้ด้านท้ายจาก ORA มาเป็น GWM ใหญ่โตเด่นสง่าบนฝาท้าย ส่วนโลโก้ ORA ไปอยู่ตำแหน่งเดิมของ GWM เหมือนเวอร์ชันไทย พร้อมหลังคารถสีดำ กระจกมองทรงสปูนสีดำ และล้อสีดำตัดกับคาลิปเปอร์เบรกเหลืองพร้อมพร้อมยาง 215/50R18
อื้่นๆคงเดิมทั้งไฟหน้าทรงกลมทรง Cat Eye แบบ LED 40 ดวงภายในโคม พร้อม Daytime Running Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ส่องสว่างไกล 104 เมตร ไฟท้ายแนวยาว LED ครอบทับกระจกหลังช่วยให้มองเห็นชัดเจนขึ้นท้ายรถที่เรียบง่ายและสปอยเลอร์หลังดีไซน์เก๋ไก๋ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ตัวรถมีขนาดใหญ่โตออกแบบมาอย่างลงตัวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ
ทางด้านรุ่น GT มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่เน้นพละกำลังและความสปอร์ต มาพร้อมรูปลักษณ์ที่สะท้อนเอกลักษณ์และความเท่ของผู้ขับขี่อย่างมีสไตล์ตอบสนองการขับขี่ที่เร้าใจด้วยใหม่กระจกมองข้างทรงสปูนสีเดียวกับตัวรถจากเดิมสีเหลืองนอกนั้นคงเดิมทั้งกระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตลายคาร์บอนไฟเบอร์
ด้านหลังโดดเด่นด้วยสปอยเลอร์ดีไซน์โฉบเฉี่ยวพร้อมตราสัญลักษณ์ GT สีเหลือง ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว ขลิบเหลืองมาพร้อมกับดิสก์เบรกคาลิปเปอร์สีเหลือง ชุดแต่งสเกิร์ตหน้ากับหลัง และประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้าระบบแฮนด์ฟรี จากแพลตฟอร์ม GWM LEMON E PLATFORM
ภายในใหม่ด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านดีไซน์ใหม่คล้าย GWM HAVAL H6 เวอร์ชันไทยพร้อมจอใหม่แยกกัน 2 จอจากเดิมจอรวม เริ่มที่จอมาตรวัดความเร็ว Full TFT สีขนาด 10.25 นิ้วและจอสัมผัสใหม่ขนาด 14.6 นิ้ว อินเทอร์เฟซใหม่ฉับไวขึ้น
เกียร์อัตโนมัติย้ายมาที่ก้านคอพวงมาลัยหรือเรียกว่าเกียร์คอช่วยในการปรับเปลี่ยนและควบคุมรถให้ง่ายขึ้น และย้ายสวิตช์ที่ปัดน้ำฝนไปรวมกับสวิตช์ไฟเลี้ยว พร้อมโทนสีใหม่สีน้ำตาลและสีเขียว
หน้าจอระบบมัลติมิเดียพร้อมระบบสัมผัส เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน ฟังเพลง วิดีโอ รองรับ Apple CarPlay และ Siri รองรับ Android Auto และ Google Assistant ระบบนำทางรองรับแอปพลิเคชั่นเพลง พร้อมลำโพง 4 จุดและ 6 จุด
พร้อมวัสดุภายในห้องโดยสารให้สัมผัสที่สบาย โดยใช้วัสดุที่มีคุณภาพในการตกแต่งภายในด้วยดีไซน์ที่สวยงาม เบาะนั่งปรับด้วยระบบไฟพร้อม Welcome Seat ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้า-ออกจากรถได้อย่างง่ายดายและระบบเบาะนวดไฟฟ้า เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะหลังสามารถพับลงได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุดถึง 858 ลิตร
ระบบ Cockpit Cleaning System พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 ช่วยเปิดการไหลเวียนของอากาศจากภายนอกเพื่อระบายอากาศและช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร Wireless Charger จ่ายกระแสไฟฟ้าได้มากถึง 50 วัตต์ เพื่อการชาร์จที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เพิ่มช่องต่อ USB ประเภท TYPE A และ C สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า และประเภท TYPE A สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
ฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions) มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ เช่น ระบบความบันเทิงในรถยนต์ ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ระบบช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ และเทคโนโลยีสำหรับการขับขี่อันล้ำสมัย การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA)
ตอบโต้ด้วยเสียงอัจฉริยะผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) การสั่งการและควบคุมรถจากระยะไกล พร้อมฟังก์ชั่นอื่นๆทั้ง ฟังก์ชันการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่รถไฟฟ้า ฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล ฟังก์ชันด้านความปลอดภัย ที่สามารถสั่งการและควบคุมได้จากระยะไกล เช่น การแสดงตำแหน่งรถยนต์ การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ และการแสดงผลการตั้งค่าต่างๆ ของรถ เป็นต้น
มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อมแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) 143 171 และ 184 แรงม้า แรงบิด 210 220 และ 232 นิวตันเมตร วิ่งไกล 401 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 387 กิโลเมตร (NEDC)
และรุ่นวิ่งไกล 501 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 483 กิโลเมตร (NEDC) 143 และ 184 แรงม้า แรงบิด 210 และ 232 นิวตันเมตร
เทคโนโลยีที่อัดแน่นเปี่ยมประสิทธิภาพ รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) (30%–80%) เร็วขึ้นถึง 30 นาที และการชาร์จแบบธรรมดาด้วยไฟฟ้ากระแสสลับด้วยการชาร์จไฟบ้านแบบ AC สูงสุด 6.6 kW เร็วขึ้นถึง 8 ชั่วโมง
พร้อมระบบขับขี่ทั้งหมด 6 แบบ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับได้เองตามปริมาณแบตเตอรี่ที่คงเหลือได้แก่ Standard, Sport, ECO, ECO+ , AUTO และ Presonal เฉพาะรุ่น GT พร้อมความสามารถการกู้คืนพลังงาน (Energy Recovery) ได้สามระดับ ได้แก่ น้อย, มาตรฐาน และมาก เพื่อการประหยัดพลังงาน และระบบจ่ายกระแสไฟ V2L (3300W) ระบบจ่ายกระแสไฟแก่อุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในทุกที่ที่เดินทาง
จัดเต็มด้วยระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย (Driver Assistance and Safety Systems) สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติในระดับ L2+ เริ่มที่ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS
GWM ORA Good Cat หน้าใหม่ไมเนอร์เชนจ์เตรียมขายจีนเร็วๆนี้พร้อมสีใหม่สีเขียวมรกต สีเทา และ สีฟ้า SO BLUE แบบเดียวกับเวอร์ชันไทยเปิดราคาขายล่วงหน้าหรือ Pre-Sale เริ่ม 89,800-109,800 YUAN 3 รุ่นย่อย หรือราว 409,000-499,000 บาท และรุ่น GT 2 รุ่นเริ่ม 102,800-112,800 YUAN หรือราว 469,000-514,000 บาท
ที่มา Autohome