GWM TANK 300 รุ่นปี 2025 ที่ทาง GWM ตั้งใจสร้างเพื่อขายลุยเปิดตัวพร้อมขายอย่างเป็นทางการที่เมืองจีนเมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา
GWM TANK 300 รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2025 หรือ MY2025 หน้าตาเดิมปรับภายในใหม่รวมถึงระบบส่งกำลังใหม่และระบบอัจฉริยะที่เกี่ยวเนื่องทั้งด้านการขับขี่และความปลอดภัย
หน้าตาคงเดิมตั้งแต่กระจังหน้าขนาดใหญ่แนวนนอน 3 เส้น สีดำ Piano Black พร้อมโลโก้ TANK ไฟหน้า Intelligent LED ทรงกลมพร้อมไฟ LED Daytime คิ้วขอบล้อสีดำดุดัน หลังคาซันรูฟแบบเปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มาพร้อมราวหลังคาเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน
เสาอากาศ แบบ shark fin ที่เปิดประตู กระจกมองข้างตกแต่งสีเข้มทั้งหมดด้านท้ายดีไซน์ตั้งตรงพร้อมฝาท้ายขนาดใหญ่ห้อยยางอะไหล่ไว้ดูมีเอกลักษณ์ดีตามสไตล์ออฟโรดและไฟท้าย Vertical LED แนวตั้ง
และล้ออัลลอยให้เลือกทั้งขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง Continental Horse AT 265/65 R17 ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18
ครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงในส่วนภายในดูดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาตั้งแต่แผงคอนโซลหน้าดีไซน์เดิมเปลี่ยนใหม่ดีไซน์ใหม่ตั้งแต่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านท้ายตัด เดิม 3 ก้าน จอสัมผัสขนาดใหญ่แบบลอยตัวขนาด 14.6 นิ้ว มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Coffee OS 3 รุ่นที่ 3 เลือกใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 8155 สวิตช์ควบคุมการทำงานต่างๆย้ายขึ้นไปอยู่ใต้จอสัมผัสจากเดิมอยู่ใต้ช่องแอร์ทรงกลม และช่องแอร์เปลี่ยนมาเป็นทรง 6 เหลี่ยมแนวนอนแทนทรงกลม
ทางด้านคอนโซลเกียร์ออกแบบใหม่ย้ายเกียร์ไปอยู่ที่คอพวงมาลัยหรือที่เรียกกันว่าเกียร์คอ ปรับปรุงปุ่มการทำงานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ล็อคเฟืองท้าย ควบคุมความเร็วขณะออกตัวและลงทางลาดชัน ออกแบบใหม่เป็นปุ่มบิดขึ้น-ลงกับปุ่มกดใช้งานง่ายขึ้นรวมถึงออกแบบที่ชาร์จมือถือไร้สาย 2 ช่อง กำลังชาร์จ 50 W ลำโพงรอบคัน 12 จุดกำลังขับ 960 W ใหม่ พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน
พร้อมออปชันเดิมทั้งมาตรวัด Full LCD 12.3 นิ้ว พอร์ต USB ด้านหน้าและด้านหลังรวมถึงเพิ่มช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ากระแสสลับ AC ปลั๊กเสียบ 220 V กำลัง 2.2 kW
เบาะนั่งหุ้มหนัง NAPPA leather ตัดเย็บประณีต คู่หน้าปรับไฟฟ้าด้านคนขับ 8 ทิศทางและคนนั่งปรับ 4 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เพื่อความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงจากรถเบาะหลังตอนที่สองพับได้ 60/40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกของมากถึง 1,635 ลิตร เมื่อพับเบาะ
เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวา เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 และ Ionizer ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การชาร์จ Smart Phone สะดวกและรวดเร็ว ช่อง USB สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า/หลัง และสำหรับกล้องบันทึกภาพ ช่องจ่ายไฟสำรอง 220V แบบพร้อมเต้ารับสายไฟไฟสร้างบรรยากาศภายในมากถึง 64 สี Ambient light
ระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนด ทำงานร่วมกับกุญแจ Smart Key และ Push Start เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหากุญแจ
สำหรับเมืองจีนมีขุมพลังหลากหลายทั้ง เบนซินเทอร์โบล้วนขนาด 2.0 ลิตร GW4C20NT (E20CB) กำลังสูงสุด 227 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 387 นิวตันเมตรที่ 1,800-3,600 รอบต่อนาที และขุมพลังดีเซลเทอร์โบแปรผัน 2.4 ลิตร รหัส GW4D24 (E24D) ให้กำลังถึง 186 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 480 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที
เบนซินเทอร์โบปลั๊กอินไฮบริด Hi4-T ขนาด 2.0 ลิตร รหัส E20NB ตอบโจทย์การผจญภัยอย่างลงตัวพร้อมมอบประสบการณ์การผจญภัยที่มีสีสันให้ผู้ขับขี่ให้กำลัง 245 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,000 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์
จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า P2 กำลังสูงสุด 164 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตรเมื่อทำงานร่วมกันกับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 37.1 kWh โดยเมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร รองรับการลากจูงสูงสุด 2,000 กิโลกรัมด้วยการพ่วงลาก และ 750 กิโลกรัมกับการลากจูงทั่วไป วิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วน 105 กิโลเมตร (WLTC) และวิ่งไกลสุดทั้งระบบ 860 กิโลเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.7 วินาที
สามารถชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 24 นาที สูงสุด 20 kW และยังชาร์จกระแสสลับ AC ได้ สูงสุด 6.6kW ได้ 6.5 ชั่วโมง ประหยัดถึง 12 กิโลเมตรต่อลิตรตามมาตรฐาน WLTC
รองรับ V2L (Vehicle-to-load) ถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ของรถไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ รองรับการจ่ายโหลดสูงสุดเป็น 6 kW สามารถตอบสนองการทำงานพร้อมกันของเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด เช่น เตาแม่เหล็กไฟฟ้า เตาอบไฟฟ้า โปรเจ็กเตอร์ ฯลฯ และสามารถปล่อยพลังงานได้อย่างต่อเนื่องที่โหลดเต็มนานกว่า 7 ชั่วโมง (พลังงานจากปลั๊กที่ติดมากับรถ 3.3 kW)
ใหม่!!ในรุ่นเบนซิน 2.0 T มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Electronic Shifter ส่วนรุ่นอื่นๆยังเป็น 9 สปีดเช่นเดิม มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบเรียลไทม์อัจฉริยะ สามารถสลับโหมดได้ 3 โหมด ได้แก่ ขับเคลื่อนสองล้อ (2H สอดคล้องกับโหมดประหยัด) ขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (AWD) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ (4L) โดยมีการปรับอัตราทดเกียร์ 4L เพิ่มขึ้นเป็น 2.64 จากเดิม 2.48 สามารถลุยทางลาดชันได้ทันใจขึ้น
พร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 7 รูปแบบ อาทิ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทรายและโหมด 4L (สเปกจีนมาถึง 10 โหมด) พร้อมระยะต่ำสุดจากพื้น 224 มิลลเมตร และลุยน้ำลึกสูงสุด 700 มิลลิเมตร
เพื่อความต้องการของทุกสถานการณ์ด้วยล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อน
พร้อมโหมด crawl mode มีมุม approach angle หรือมุมเงย 33 องศา และมุม departure angle หรือมุมจาก 34 องศา Off-road Cruise Control เหมาะสำหรับถนนออฟโรดที่มีสภาพซับซ้อน
ความปลอดภัยรอบคันด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ทั้ง ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) ช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) ช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) ช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) ตรวจความดันลมยาง (TPMS)
GWM TANK 300 MY2025 มาพร้อมสีใหม่สีเหลืองทะเลทราย (Desert Yellow) พร้อมวินซ์ลากรถที่กันชนหน้า บันไดข้างยืดเข้า-ออกด้วยระบบไฟฟ้าและตะขอลากจูง เป็นออปชันเสริม
ขายจีน 4 รุ่นย่อยในราคา 199,800-216,800 YUAN หรือราว 935,000-1,015,000 บาท สำหรับรุ่นเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 2 รุ่นย่อย ส่วนรุ่นดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตร ราคาเดียวรุ่นเดียว 234,800 YUAN หรือราว 1,099,000 บาท และรุ่น Hi4-T ปลั๊กอินไฮบริดราคาเดียวรุ่นเดียว 249,800 YUAN หรือราว 1,169,000 บาท
ที้่มา AUTOHOME