หลังจากที่ GWM รุกตลาดส่งออกเต็มพิกัดเพิ่มกำลังการผลิตที่โรงงานจังหวัดระยองเดินหน้าผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับโลก
ล่าสุด GWM พร้อมส่ง GWM TANK 500 รุ่น HEV เอสยูวีรุ่นใหญ่ฟูลไฮบริดผลิตจาก Great Wall Motor Manufacturing (Thailand) อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ส่งไปขายที่มาเลเซีย ด้วยหน้าตาไม่ต่างจากสเปกไทย
ด้วยรูปทรงทรงพลังบึกบึน แกร่ง เรียบง่ายและหรูหราเป็นเอกลักษณ์ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในทุกมิติตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถเริ่มที่ด้านหน้าเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK ที่ลงตัวรับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรงไฟหน้า Intelligent LED ดีไซน์โดดเด่นด้วยระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติและฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow me home) พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอกหน้า LED บันไดข้างระบบไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชัน เปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด-ปิดประตู หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ เปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ราวหลังคา เสาอากาศแบบ shark fin ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/50 R20 จาก Continental CrossContact RX
ดีไซน์ด้านหลังมาพร้อมประตูท้ายเปิดบานเดียวใหญ่แบบ horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้าช่วยผ่อนแรง ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย พร้อมกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ได้อย่างลงตัว ไฟท้าย Vertical LED ดีไซน์แนวตั้ง มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED ให้ความสว่างชัดเจนเพื่อความปลอดภัยและสปอยเลอร์ท้าย ซึ่งช่วยในเรื่องแอร์โรไดนามิค มิติตัวรถขนาดกว้างขวาง ถูกออกแบบมาอย่างลงตัวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถ ใหญ่ที่สุดในรถระดับเดียวกัน มิติตัวรถตั้งแต่
- ความยาว 5,078 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,934 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,905 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 224 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,585-2,635 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 75 ลิตร
ภายในหรูหรากว้างสะดวกสบายใส่ใจในทุกรายละเอียดด้วยการตกแต่งด้วยวัสดุสี Black, Silver, Piano Black, Chromeการเชื่อมต่อของหน้าจอทั้ง 3 ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและปลอดภัย หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP5, Bluetooth, ระบบนำทาง, และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่างๆ
หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่พร้อมมาตรวัดดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า ลำโพง Infinity จำนวน 12 ลำโพง ระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระ และระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับไฟฟ้าปรับแบบ 4 ทิศทาง ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ที่พวงมาลัย ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient Light พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสี และเป็นจังหวะ ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้คุณเพลิดเพลิน นาฬิกาแบบคลาสสิก
เพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสารได้อย่างลงตัว เปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากรถ ระบบกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหากุญแจ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5และชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การชาร์จ Smart Phone สะดวกและรวดเร็ว
เบาะนั่งทั้ง 7 ที่นั่งหุ้มหนัง NAPPA ปรับไฟฟ้าคู่หน้าพร้อมระบบเบาะนวดและดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และ Welcome Seat เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ
เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศและเบาะระบายอากาศอีกระดับของความสบายด้วยที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 พร้อมพนักพิงปรับไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกด้วยตำแหน่งปรับพนักพิงบริเวณข้างประตูผู้โดยสารแถวที่ 2 และประตูท้าย พื้นที่ห้องโดยสารมีที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับเรียบ ช่วยเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ
ขุมพลังเบนซินเทอร์โบแปรผัน (VGT) Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร รหัส E20NA หรือ รหัส GW4N20 HEV ในภาคเครื่องยนต์ได้ 244 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,000 รอบต่อนาที กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้า พร้อมแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตันเมตร แและแบตเตอรี่ความจุ 1.76 kWh
ให้กำลังรวมมากถึง 346 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 648 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ DHT 9 สปีด รองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายพร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 11 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดอัตโนมัติ และโหมดออฟโรด ได้แก่ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทราย โหมดพื้นหิน โหมด4L โหมด4H โหมดพื้นหิมะ และโหมดเชี่ยวชาญ
มาพร้อมระบบสะเทือนหน้าแบบอิสระดับเบิ้ลครอสอาร์มและระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ ให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนและนั่งสบายเพื่อตอบสนองการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง และยังสามารถลุยน้ำที่ระดับความลึก 800 มิลลิเมตร เพรียบพร้อมไปด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดอันชาญฉลาดและล้ำสมัย ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกการขับขี่ไม่ว่าจะเป็น
– ล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Front & Rear Electric Differential Locks) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดของยานพาหนะเมื่อเผชิญกับทางลาดชัน โคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อนอื่น ๆ ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม
- ช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road (Offroad Cruise Control) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน ระบบจะควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกโดยอัตโนมัติให้รถวิ่งด้วยความเร็วต่ำและความเร็วสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้ขับขี่ไม่เสียสมาธิและเพิ่มความปลอดภัยจากการควบคุมรถบนสภาพถนนที่ซับซ้อน
- ตรวจจับความลึกของน้ำ (Wading Depth Detection) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน ระบบจะประเมินความลึกของระดับน้ำและแสดงผลของระดับน้ำประกอบภาพรถบนหน้าจอกลาง เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เมื่อขับผ่านสภาพถนนที่มีน้ำท่วมขัง
- แสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent) ทันทีที่เปิดฟังก์ชัน ระบบจะจดจำข้อมูลของพื้นที่รอบเส้นทางการขับขี่ของกล้องรอบตัวรถและสร้างภาพเสมือนแบบ 360 องศา จากมุมมองด้านบนของตัวรถ ในลักษณะแบบโปร่งใสเห็นพื้นผิวถนนด้านล่าง และแสดงภาพด้านหน้าของรถ ช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบถึงสภาพถนนใต้ท้องรถ เพิ่มความปลอดภัยและประสบการณ์การขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น
มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยมากมายให้ทุกการเดินทางปลอดภัยไร้กังวล ได้แก่
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA)
- ช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP)
- ช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA)
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (MEB)
- ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA/ RCTB)
- ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
- ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK)
- ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA)
- ช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM)
- ช่วยลงทางลาดชัน (HDC)
- ช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA)
- ช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW)
- ตรวจความดันลมยาง (TPMS)
จัดเต็มไปด้วยฟังก์ชันอัจฉริยะ (Intelligent Functions) ยกระดับประสบการณ์การใช้งานของผู้ขับขี่อย่างครบวงจรในทุกมิติ แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยียนตกรรมไม่ว่าจะเป็น การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA)
การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) และ การควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชันของรถยนต์ผ่าน GWM Application แม้ในขณะผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ เช่น การควบคุมระบบปรับอากาศ การล็อกและปลดล็อกประตู การค้นหารถยนต์ การปิดหน้าต่าง การปิดซันรูฟ การควบคุมระบบระบายความร้อนของเบาะ การแสดงตำแหน่งรถยนต์ การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ และระบบตรวจสอบสถานะอื่น ๆ
GWM TANK 500 เปิดตัวที่มาเลเซียในราคาเริ่มต้น 328,800 RM หรือราว 2,529,000 บาท มีสีภายในมีทั้งสีดำ และสีภายนอกทั้งหมด 4 สีส่วนสี ดังนี้
- สีดำ Sun Black
- สีเทา Crystal Gray
- สีเทา Ayers Gray
- สีขาว Hamilton White