ในที่สุด Honda ไทยเป็นประเทศที่ 2 ต่อจากอเมริกาเปิดตัว Honda Civic รุ่นปรับโฉมเจนที่ 11 ปรับโฉมครั้งแรกในรอบ 2 ปีในรหัส FE
Honda Civic สเปกไทยมาด้วยกันถึง 3 รุ่นย่อยมีให้เลือกทั้งรุ่น e:HEV ฟูลไฮบริด 2 รุ่น และรุ่น VTEC Turbo 1 รุ่น อัปลุคดีไซน์ความสปอร์ตพรีเมียมที่เฉียบคมยิ่งขึ้น เท่ และทันสมัย
ภายนอก Exterior
หรูหรามากยิ่งขึ้นชัดเจนด้วยโลโก้ H Mark ในชุดกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมแบบรังผึ้ง กันชนหน้าทรงสปอร์ตออกแบบใหม่เสริมสเกิร์ตสุดหล่อในชุดกันชนหน้าพร้อมช่องระบายอากาศแบบรังผึ้งไร้ไฟตัดหมอกหน้า LED พร้อมคิ้วใต้กันชนหน้าส่วนกลาง พร้อมชุดไฟท้าย LED ทรงเดิม โดยในรุ่น EL+Turbo มาในออปชันใหม่ด้วยไฟท้ายแบบ LED รมดำ สไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัวพร้อมกันชนหลังทรงสปอร์ตกับท่อไอเสียคู่ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลายใหม่ลายเดียวกับรุ่น e:HEV EL+ พร้อมยาง 215/50R17 ไฟหน้า Projector พร้อมไฟ Daytime พร้อมกรอบไฟหน้าตกแต่งสีดำ กระจกมองข้างทรงสปูนสีเดียวกับตัวรถ มีมือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ และเสาอากาศแบบครีบฉลาม
ทางด้านรุ่น e:HEV EL+ สปอร์ตโดดเด่นด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าสไตล์สปอร์ตออกแบบใหม่พร้อมคิ้วชายล่างใต้กันชนสีเดียวกับตัวรถ ใหม่ ไฟท้ายแบบ LED รมดำ สไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัว โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้าทั้งด้านหน้าและหลัง และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED กระจกมองข้างทรงสปูนสีเดียวกับตัวรถ มีมือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟท้ายแบบ LED รมดำ สไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัว เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลายเดียวกับรุ่น EL+ Turbo
ส่วนรุ่น e:HEV RS ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมเอกซ์คลูซีฟรอบคัน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าสไตล์สปอร์ตออกแบบใหม่พร้อมสัญลักษณ์ RS ล้อลายสปอร์ตขนาด 18 นิ้ว Matte Black ดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ต พร้อมยาง 235/40R18 ไฟหน้า LED ตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED กระจกมองข้างทรงสปูนสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย และ ท่อไอเสีย พร้อมปลอกท่อไอเสีย มิติตัวรถเช่นเดิมตั้งแต่
- ความยาว 4,681 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,802 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,415 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,733 และ 2,734 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 127 และ 128 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,319-1,429 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 40 และ 47 ลิตร
ภายใน Interior
ออกแบบเน้นที่การสร้างความรู้สึกที่สดใหม่ ส่งมอบความสปอร์ตที่สบายตา สะดวกสบายเมื่อเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยมในทุกผิวสัมผัส เริ่มที่ วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ (รุ่น EL+ และ e:HEV EL+) ใหม่! เบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระ ใหม่! แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดพร้อมไฟส่องสว่างด้านคนขับและ ผู้โดยสารด้านหน้า กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ (รุ่น e:HEV EL+)
เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางทุกรุ่นย่อย และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง (รุ่น e:HEV EL+) ใหม่!ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง (รุ่น EL+และ e:HEV EL+) พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง แบบ 3 ก้านมัลติฟังก์ชัน เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว เบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และ Auto Brake Hold ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto และลำโพง 8 ตำแหน่ง (รุ่น EL+ และ e:HEV EL+) เชื่อมต่อชีวิตเหนือระดับ ด้วยหลากหลายฟังก์ชันและเทคโนโลยีล้ำสมัยครบครันด้วยใหม่! Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว โดยติดตั้งครั้งแรกอย่าง Google Assistant, Google Maps และแอปอื่น ๆ อีกมากมายเช่น YouTube Music, Spotify
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) ควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) ช่องเชื่อมต่อ USB Type C จำนวน 4 ช่อง ช่องหน้า 2 ช่องและด้านหลัง 2 ช่อง อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) (รุ่น e:HEV EL+) และยกระดับชีวิตให้สมาร์ตขึ้นไปอีกขั้นกับ Honda CONNECT เชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงาน ในทุกรุ่น ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) (รุ่น e:HEV EL)
ยกระดับความสปอร์ตภายในห้องโดยสาร รุ่น e:HEV RS เบาะที่นั่งลายใหม่ Prime smooth ด้วยวัสดุเบาะหนังกลับและหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง อีกทั้งตกแต่งแผงคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านข้างสีแดงสไตล์สปอร์ต ไฟส่องสว่างตกแต่งแผงประตูคู่หน้าและที่เท้า แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา
ใหม่! ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง ใหม่! แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดพร้อมไฟส่องสว่างด้านคนขับและ ผู้โดยสารด้านหน้า กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ช่องอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) พร้อม Honda Smart Key Card
สมรรถนะ Performance
มาแบบ Full Hybrid e:HEV ด้วยรหัส LFB1 2.0 ลิตร พร้อมระบบ i-MMD Direct Injection Atkinson-Cycle ให้กำลังในภาคเครื่องยนต์ 141 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 182 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) ให้กำลัง 184 แรงม้าที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 315 นิวตันเมตรที่ 0-2,000 รอบต่อนาที และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน 72-cell เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวม 203 แรงม้า ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 96 กรัมต่อกิโลเมตร มอบความแรงเกินคาด ประหยัดเกินใคร ให้คุณใช้ชีวิตได้อิสระ พาคุณไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมัน 1 ถัง
พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ โหมด EV Drive Mode, โหมด Hybrid Drive Mode และโหมด Engine Drive Mode พร้อมการขับขี่ด้วยสวิตช์ Drive Mode ที่เลือกได้ตามสไตล์ 4 โหมด ได้แก่ ECON Mode, Normal Mode ในรุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV เพิ่ม Sport Mode ตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ และใหม่ Individual Mode ปรับตั้งค่าการขับขี่เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะและความต้องการในแต่ละไลฟ์สไตล์ โดยสามารถเลือกรูปแบบการทำงานของระบบส่งกำลัง พวงมาลัย และเสียงเครื่องยนต์ และพิเศษสำหรับรุ่น e:HEV RS สามารถเลือกรูปแบบสีของมาตรวัดได้อย่างอิสระ
เบนซินเทอร์โบ VTEC พัฒนาระบบอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้นในระบบ Turbo Charger กับขนาด 1.5 ลิตร รหัส L15BG ให้กำลัง 178 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 240 นิวตันเมตรที่ 1,700-4,500 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 17.2 กิโลเมตรต่อลิตร อีกทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ตามสไตล์ 2 โหมด ได้แก่ ECON Mode และ Normal Mode
ความปลอดภัย Safety
มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพและให้มาทุกรุ่นย่อย โดยมีการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
- เตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
- เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยล้ำสมัย อาทิ ใหม่!เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และหลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS) ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda Lane Watch) ช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
เตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder) และไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) ช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) เสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (AVAS) และอุปกรณ์อุดการรั่วซึมของยางชั่วคราว (TPRK)
Honda Civic รุ่นปรับโฉม มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่
- ใหม่! สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) (Canyon River Blue Metallic) (เฉพาะรุ่น EL+ และ e:HEV EL+)
- สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (Ignite Red Metallic) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
- สีขาวแพลทินัม (มุก) (Platinum White Pearl) เพิ่ม 10,000 บาท
- สีดำคริสตัล (มุก) (Crystal Black Pearl) เพิ่ม 6,000 บาท
- สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) (Meteoroid Gray Metallic)
- สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) (Lunar Silver Metallic)
เปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของ ซีวิค ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 – 22 สิงหาคม 2567 ณ โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ พร้อมรับฟรี! บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท เมื่อจองและรับรถ ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 31 ตุลาคม 2567* โดยประกาศราคาและเปิดจำหน่ายในวันที่ 23 สิงหาคม เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสเป็นครั้งแรกที่บูธในงาน Big Motor Sale 2024 ตั้งแต่ 23 สิงหาคม-1 กันยายน มีให้เลือกถึง 3 รุ่นย่อย
- รุ่น e:HEV RS ราคาประมาณการ 1,23X,XXX บาท
- รุ่น e:HEV EL+ ราคาประมาณการ 1,09X,XXX บาท
- รุ่น EL+ ราคาประมาณการ 1,03X,XXX บาท