หลังเปิดตัวพร้อมกันทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาสำหรับ Honda CR-V e:FCEV รุ่นแรกของค่ายที่นำขุมพลังไฮโดรเจนไฟฟ้าเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของ
ล่าสุดทางญี่ปุ่นเปิดราคาเป็นที่เรียบร้อยโดยเป็นราคาแบบเช่าซื้อกับทางรัฐบาลสนนราคาอยู่ที่ 8,094,900 yen หรือราว 1,879,000 บาท โดยแบ่งเป็นการเช่าแบบ 2-6ปี สำหรับ Honda CR-V e:FCEV
ภายนอก Exterior
นำพื้นฐานของ CR-V เจเนอเรชันที่ 6 ปรับเปลี่ยนตัวตนดีไซน์ให้ต่างด้วยการปรับหน้าตาให้ต่างเริ่มที่กระจังหน้าออกแบบให้เล็กลงกว่าเดิมพร้อมตรา H และปีกของกระจังหน้าซ้ายขวาออกแบบครอบทับชุดไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential ในโคมอย่างแยบยล รับกับกันชนหน้าออกแบบใหม่มีช่องระบายอากาศใหญ่กว่าเดิมและลูกเล่นดีไซน์ที่ออกแบบอย่างกลมกลืน กระจกมองข้างทรงสปูน ไฟท้ายแบบ LED รมดำ ขาว พร้อมคิ้วส่วนบนสีดำเข้มติดตราอย่างหรู สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย
ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close) เสาอากาศครีบฉลาม ล้อมกรอบด้วยคิ้วขอบล้อสีดำด้านทั้งสี่ด้าน ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60R18 ยางติดรถเป็นยี่ห้อ Hankook’s “KINERGY GT” กับขนาดตัวรถใกล้เคียงตั้งแต่
- ความยาว 4,805 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,865 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,690 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,010 กิโลกรัม
ภายใน Interior
เหมือนกันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียมใช้วัสดุคุณภาพสูงและความอเนกประสงค์ด้วยชุดตกแต่งภายในลายอะลูมิเนียมปัดเงาและสีดำ Piano Black เบาะหนังสีดำ พวงมาลัมัลติฟังก์ชันสามก้านหุ้มหนังสีดำ ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient Light) ที่ได้รับการติดตั้งในหลายตำแหน่ง อาทิ ถาดคอนโซลกลาง แผงประตูหน้าและหลัง และที่วางแก้ว ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมปุ่มดันหลังปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางพร้อมบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat) เบาะคนนั่งปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายพร้อมพื้นที่สัมภาระท้ายที่กว้างขวาง เบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Sliding) เลื่อนและแยกพับแบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย และสามารถปรับพับเบาะด้านหน้าและด้านหลัง (Long Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาวติดตั้งระนาบเดียวกับชุดเบาะหลังและที่ครอบถัง
เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์กับหลากหลายเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทั้ง ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า ลำโพงคุณภาพ เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย Android Auto รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่ง (USB Type-C 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 1 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง) พรีเมียมกับลำโพงรอบคัน 12 จุด จาก BOSE ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร PLASMACLUSTER ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา แบบ i-Dual Zone ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ไฟอ่านหนังสือด้านหลัง LED แบบสัมผัสและที่ต่างจากเวอร์ชันไทยกับคันเกียร์แบบคันโยกกลายมาเป็นเกียร์ใช้แบบกดปุ่มหรือ Shift By Wire แทน
สมรรถนะ Performance
ขุมพลังใช้ถังเชื้อเพลิงไฮโดรเจนมีความจุถึง 4.3 กิโลกรัม แรงดัน 10,000 psi ถึง 2 ถัง ระบบเซลล์เชื้อเพลิงกับชุดขับเคลื่อนที่ผสานรวมเข้าด้วยกันกับขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้าที่ 4,501-9,028 รอบต่อนาที แรงบิด 310 นิวตันเมตรที่ 0-3,500 รอบต่อนาที พร้อม Plug In Hybrid สามารถชาร์จที่บ้านหรือตามสถานที่ชาร์จได้ พร้อมชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มีความจุ 17.7 kWh และเครื่องยนต์ไฮโดรเจนไฟฟ้า Fuel Cell Module ที่พัฒนาร่วมกับ General Motors 125 แรงม้า ทาง ฮอนด้า เคลมว่ารถคันนี้วิ่งไกลสุด 621 กิโลเมตรต่อการเติมไฮโดรเจนหนึ่งครั้ง และวิ่งไกลในโหมดไฟฟ้า 61 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
สนุกกับการขับขี่ด้วยโหมดทั้งหมดสี่โหมดทั้งโหมด Normal, Eco, Snow และ Sport และโหมดไฟฟ้ามี 4 โหมดทั้งโหมด AUTO, EV, SAVE และ CHARGE ยังสามารถเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าโดยการจ่ายไฟฟ้าออกมาใช้หรือ V2L กับที่เสียบปลั๊กมีกระแสไฟฟ้า 110V โหลดไฟฟ้าได้ 1,500 Kw นอกจากนี้ตัวถังรถออกแบบโครงสร้างตัวรถเพิ่มความแข็งแรงขึ้น 10% และทนต่อการบิดตัว 9% ช่วงล่างพื้นฐานเดียวกับเวอร์ชันสันดาปแต่ปรับในส่วนโช้คอัพ เหล็กกันโคลง และค่าสปริง
ความปลอดภัย Safety มาครบด้วย Honda Sensing ไม่ว่าจะเป็น
- เตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก Collision Mitigation Brake (CMBS)
- ป้องกันการเหยียบคันเร่งโดยไม่ตั้งใจขณะเดินหน้า Erroneous start suppression function
- ป้องกันการเหยียบคันเร่งโดยไม่ตั้งใจขณะถอยหลัง False rear start prevention function
- ช่วยเบรกระยะสั้น Near-field Collision Mitigation Brake (CMBS)
- ช่วยหักหลบคนเดินถนน Pedestrian Accident reduction steering
- เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road departure prevention
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำช่วงรถติด Adaptive cruise control (ACC) with traffic congestion tracking function
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System (LKAS)
- เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ Preceding Vehicle Departure Notification Function
- อ่านป้านจราจร Sign Recognition Function
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติขณะรถติดแบบแปรผัน Traffic Jam Assist
- เตือนมุมอับสายตา Blind Spot Information
- สัญญาณกะระยะการจอดรถ Parking Sensor System
- ช่วยหยุดรถขณะถอยหลัง Reverse Exit Support
จากความช่ำของในการพัฒนาขุมพลังไฮโดรเจนมากว่า 20 ปี กับเครื่องยนต์ไฮโดรเจน Honda ตั้งเป้าจะทำให้ยานยนต์ทุกรุ่นในอนาคตเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และ Honda CR-V e:FCEV เป็นรุ่นที่ห้าของค่ายต่อจากต้นแบบ Honda Odyssey ปี 1998, Honda FCX ในปี 2002, Honda FCX Clarity ในปี 2008 และ Honda Clarity Fuel Cell ตั้งแต่ปี 2015-2021 ผลิตที่โรงงานผลิตรถยนต์ในเมืองแมรีส์วิลล์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา โดยมีสีภายนอก 2 สี ทั้ง สีขาว Platinum White Pearl สีเทา Meteoroid Gray Metallic
ที่มา Carwatch