More

    Honda Odyssey อัปเดตใหม่ ขายญี่ปุ่นต่อปีที่ 12 นำเข้าจีน ราคาที่พุ่ง สวนทางออปชั่น

    ในขณะที่โลกหมุนไปไกล แต่ Honda Odyssey เวอร์ชั่นญี่ปุ่น ยังคงยืนหยัดทำตลาดต่อด้วยการเปิดตัวรุ่นปี 2026 แม้จะเป็นการนำเข้าจากประเทศจีนมาขายในบ้านเกิด และมีอายุอานามลากขายมานานถึง 12 ปี แต่การไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้กลับสร้างคำถามให้แฟนๆ เพราะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นถึง 286,000 เยน (ประมาณ 66,000 บาท) ทั้งที่ความเปลี่ยนแปลงนั้นมีเพียงน้อยนิด

    Honda Odyssey

    มีอะไรใหม่ในรุ่นปี 2026?

    ต้องบอกว่าต้อง “จ้อง” กันนานหน่อยครับสำหรับความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้:

    • สีตัวถังใหม่: เพิ่มสี Diamond Dust Pearl (ขาวมุกประกายน้ำแข็ง) เฉพาะในรุ่น Black Edition ที่จะมาพร้อมการตกแต่งด้วยโครเมียมรมดำและล้ออัลลอยสีดำเงาขนาด 18 นิ้ว
    • ม่านบังแดดหลัง: เพิ่มม่านบังแดดแบบมือดึง (Manual Sunshades) ที่กระจกประตูหลัง ซึ่งเดิมทีเป็นออปชั่นเสริมราคาประมาณ 27,500 เยน (6,300 บาท) แต่ตอนนี้ใส่มาให้เป็นมาตรฐาน (แล้วบวกราคาเพิ่มหลักหมื่นบาท)
    • ขุมพลังเดิม: ยังคงใช้ระบบ Hybrid e:HEV เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 181 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้าเหมือนเดิมเป๊ะ

    Honda Odyssey

    ส่องราคาและสถานการณ์ในตลาด

    ราคาจำหน่ายของ 2026 Odyssey e:HEV ในญี่ปุ่นพุ่งขึ้นไปอยู่ที่:

    • 5,086,400 – 5,450,500 เยน (ประมาณ 1,170,000 – 1,250,000 บาท)

    Honda Odyssey Honda Odyssey

    เมื่อเทียบกับคู่แข่งในพิกัดเดียวกันหรือใกล้เคียง:

    • Toyota Alphard: เริ่มต้นที่ประมาณ 5,100,000 เยน (1,173,000 บาท) ซึ่งในราคาที่สูสีกัน Alphard ให้ภาพลักษณ์ที่สดใหม่กว่ามาก
    • Nissan Elgrand: มีข่าวลือว่ารุ่น All-new ดีไซน์ล้ำจะเปิดตัวในช่วงฤดูร้อนปี 2026 ซึ่งอาจจะกลายเป็นจุดจบของ Odyssey ในตลาดนี้ได้เลย

    เสียงสะท้อนจากโชว์รูม: “ขายยาก”

    สื่อญี่ปุ่นอย่าง Creative Trend รายงานว่า กระแสตอบรับของ Odyssey รุ่นนี้ค่อนข้างซบเซา ดีลเลอร์บางแห่งเผยว่าตั้งแต่ประกาศเปิดตัวรุ่นปี 2026 มาเดือนกว่าๆ เพิ่งมียอดจองไปเพียง คันเดียว” เท่านั้น

    ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?

    เหตุผลหลักคือตัวรถขาดฟีเจอร์ระดับพรีเมียมที่รถ MPV ยุคนี้ควรมี เช่น ระบบปรับอากาศแยก 4 โซน, หลังคา Panoramic Sunroof, ระบบระบายอากาศเบาะ (Seat Ventilation), หน้าจอ Head-up Display หรือพวงมาลัยอุ่น ซึ่งคู่แข่งส่วนใหญ่จัดเต็มมาให้หมดแล้ว

    สำหรับสาวก Honda ในญี่ปุ่นที่มองว่า Odyssey แพงเกินไป ยังพอมีทางเลือกที่ย่อมเยากว่าอย่าง Step WGN ที่เริ่มต้นเพียง 770,000 บาท หรือ Freed โฉมใหม่ที่เริ่มต้นแค่ 600,000 บาท ซึ่งดูจะคุ้มค่ากว่าในชั่วโมงนี้

    Source: Carscoops

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts