ตลอด 3 ปีที่ Honda STEPWGN เจนที่ 6 ที่ชาวญี่ปุ่นไว้วางใจและเป็นรุ่นที่คนไทยอ้อนวอนอยากให้มาขายไทยอย่างเป็นทางการเสียที
ล่าสุดเปิดตัวรุ่นปี 2025 หรือ MY2025 สำหรับ Honda STEPWGN ด้วยการเพิ่มรุ่นย่อยเพิ่มทางเลือกถึง 2 รุ่น
เริ่มที่รุ่นย่อยใหม่ AIR EX มาพร้อมออปชันเน้นความสบายและเหนือชั้นกว่ารุ่น AIR ด้วยประตูท้ายไฟฟ้าพร้อมบันทึกตำแหน่งการเปิดฝาท้ายได้ ระบบอุ่นเบาะคู่หน้า เบาะนั่งตอนที่ 2 มีที่รองขา และเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิ 3 โซน ทั้งคนขับ คนนั่งและด้านหลัง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง ที่ชาร์จ USB Type-C ทุกที่นั่ง และ เตือนมุมอับสายตา หรือ Blind Spot Information
ทางด้านรุ่น PREMIUM LINE BLACK EDITION รุ่นท็อปสุดตกแต่งพิเศษเน้นความเข้มด้วยของดำเสริมหล่อตั้งแต่ชุดกระจังหน้าและล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 205/55 R17 รวมถึงกรอบกระจกสีดำ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวทรงสปูนสีดำ และที่เปิดประตูแบบดึงก้านสีดำช่วยทำให้รถดูหรูหราและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวยิ่งขึ้น
แม้จะเพิ่มมา 2 รุ่นย่อยแต่หน้าตายังคงเดิมเริ่มที่ไฟหน้า LED แบบ L-Shape พร้อมไฟเลี้ยว dynamic turn signals แบบ LED เข้ามาด้วยผสมผสานกับกระจังหน้าโครเมี่ยมแบบ Satin-chrome ความพิเศษของตัวรถคือพื้นที่ชานต่ำในส่วนประตูสไลด์กับประตูท้ายสะดวกในการขึ้นลงและขนของได้ดีขึ้นกว่าเดิมและไฟท้าย LED แนวยาว และล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 16 พร้อมยาง 205/60 R16 และ 17 นิ้วพร้อมยาง 205/55 R17
มิติตัวรถตั้งแต่ความยาว 4,800-4,830 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,750 มิลลิเมตร ความสูง 1,840-1,855 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,890 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,710-1,840 กิโลกรัม และความจุถังน้ำมัน 52 ลิตร
ภายในคงเดิมตามบุคลิกของแต่ละรุ่นทั้งวยห้องโดยสารที่ใหญ่และกว้างกว่าเก่าแบบ 3 ตอนทั้ง 7 หรือ 8 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งตอนที่ 2 ปรับเอนได้พร้อมที่วางแขนและเลื่อนได้ทรงคล้ายเบาะนั่ง VIP ในรุ่น 7 ที่นั่ง พร้อมตอน 3 ที่สามารถปรับพับได้เพิ่มพื้นที่ในการโดยสาร แถมตัวเบาะสามารถกันเปื้อน กันคราบสกปรกได้ทำความสะอาดง่ายแบบ Fabtech คอนโซลหน้าใหม่ทันสมัยสไตล์ Civic FE โดยเฉพาะช่องแอร์ลายรังผึ้งพร้อมมาตรวัดดิจิทัลขนาด 10.2 นิ้ว และจอสัมผัสขนาดใหญ่ 11.4 นิ้ว ถาดอเนกประสงค์ พร้อมโทนการตกแต่งสีเข้มและสีอ่อนให้เลือก
ขุมพลังมีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน e:HEV แบบ Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson cycle รหัส LFA-H4 กำลังสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิด 175 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมมากสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 315 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT
เครื่องยนต์เบนซิน VTEC Turbo รุ่น L15C ขนาด 1.5 ลิตร 150 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 203 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,600 – 5,000 รอบต่อนาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT เลือกได้ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ Real Time เฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ VTEC Turbo สำหรับพ่อบ้านขาซิ่งที่ไม่เอาถ่านมาเกี่ยวข้องพร้อมระบบความปลอดภัย “Honda Sensing” เต็มระบบมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้ง
- เตือนการชนด้านหน้ากับตรวจจับคนเดินถนนด้วยกล้องและเรดาร์ Collision Mitigation Braking System (CMBS)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System (LKAS)
- เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning (RDM with LDW)
- ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติและช่วยขับขี่อัตโนมัติในขณะการจราจรหนาแน่น Adaptive Cruise Control (ACC) with Traffic Jam Following (TJF)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ Traffic Jam Assist (TJA)
- ตรวจสอบจุดอับสายตา Blind Spot Monitor (BSM)
- เตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System (RDM)
- ตรวจจับเส้นแบ่งเลนและจดจำป้ายจราจร Sign recognition function
- ช่วยหักหลบพวงมาลัยป้องกันชนคนเดินทางเท้า Pedestrain Accident Reduction Steering
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto high beam (AHB)
- ไฟหน้าอัจฉริยะช่วยปรับไฟสูง-ต่ำแบบแยกอิสระซ้าย-ขวาโดยอัตโนมัติ มีรถกำลังสวนทางมาหรือมีรถยนต์ด้านหน้า Adaptive Driving Beam (ADB)
- สัญญาณกะระยะการจอด Parking sensor system
- ป้องกันการเหยียบคันเร่งผิดพลาดทั้งเดินหน้าและถอยหลัง Forward & Backward Start Prevention Function
โดย 2 รุ่นย่อยใหม่ของ Honda STEPWGN MY2025 เสริมทัพจากเดินมีเพียง 4 รุ่นย่อยทั้งรุ่น AIR, SPADA, SPADA Premium Line และรุ่น SPADA Welfare ทาง Honda ญี่ปุ่น เริ่มเปิดรับพรีออเดอร์จากตัวแทนจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่เผยราคาจำหน่ายซึ่งจะเผยในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
ที่มา Carwatch