หลังจากที่ ISUZU UTE และ Walkinshaw Automotive ซุ่มพัฒนาปิกอัพเวอร์ชันโหดกว่าตอบโจทย์ชาวออสเตรเลียกับ ISUZU D-MAX Blade ล่าสุดพร้อมแล้วที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียที
ล่าสุดเว็บรถยนต์ CAREXPERT เผยแพร่ภาพแรก Official อย่างเป็นทางการกับการเห็นในส่วนด้านหน้าด้วยสติ๊กเกอร์คาดฝากระโปรงลายใหม่รวมถึงชุดไฟหน้า ไฟหน้า Bi-LED พร้อม Multifunctional Daylight ทำหน้าที่ทั้ง Daylight ไฟหรี่ และไฟเลี้ยวที่ย้ายมาอยู่ในโคมเดียวกันโดยโชว์ดักคอไว้ก่อนพบตัวจริง
ภายนอก Exterior
ISUZU D-MAX Blade นำรุ่น 4 ประตูขับเคลื่อน 4 ล้อคาดว่าเป็นรุ่น LS-M X-RIDER มาดัดแปลงมาปรับช่วงล่างตั้งแต่โช้คอัพยันสปริงแถมความสูงของตัวรถเพิ่มขึ้นเป็น 26.5 มิลลิเมตรสำหรับด้านหน้าและ 29 มิลลิเมตรสำหรับด้านหลังแล้วหน้าตายังเปลี่ยนเริ่มที่ล้ออัลลอย 6 ก้านคู่สีดำขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางลุยจากค่าย GOODYEAR รุ่น Wrangler DURATRAC RT ขนาด 275/65R17
พัฒนาซุ้มล้อใหม่ให้ใหญ่ขึ้น บันไดข้างทรงท่อนเหล็กสีดำ และสปอร์ตบาร์แท่งสีดำพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED สติ๊กเกอร์คาดรถออกแบบใหม่พร้อมสติ๊กเกอร์ Blade กับตราอักษร ISUZU D-MAX สีดำท้ายรถ
หนำซ้ำหน้าตาอาจเปลี่ยนไปจากชุดกระจังหน้าแนวนอนแบบเขี้ยวซ่อนรูป 2 ชั้น ดีไซน์เอกลักษณ์พร้อมตรา ISUZU ขนาดใหญ่ ตะขอลากรถใต้กันชนหน้าสีแดง
บนพื้นฐานหน้าตาเดิมทั้งดีไซน์ใหม่ฝากระโปรงจดกันชนหน้าลงตัวกับชุดกันชนหน้าดีไซน์เป็นหนึ่งเดียวกับกระจังหน้ามีช่องระบายอากาศทรงหกเหลี่ยมลายรังผึ้งพร้อม Air Curtain นวัตกรรม Aerodynamic ลดแรงต้านอากาศ ไฟตัดหมอกหน้า LED กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ฝาท้ายใหม่ดีไซน์รูปตัว H พร้อมสปอยเลอร์ในตัวกระบะท้าย ไฟท้ายแบบ Triple-ARMOUR LED และกุญแจล็อกที่ฝาท้าย
ภายใน Interior
ภายในถึงข้อมูลยังไม่มีการเปิดเผยเรื่องภายในคาดว่ามีการปรับบุคลิกในแบบ Blade พร้อมยกออปชันมาจากรุ่นปกติทั้งชุดมาตรวัดเรืองแสงใหม่พร้อมจอขนาดใหญ่ 4.2 นิ้ว แบบ MID
แสดงผลได้หลายฟังก์ชันพร้อมระบบแสดงองศามุมปีนไต่ ลาดเอียง ทิศทางการเลี้ยวของล้อทำงานผ่านจอสัมผัส Infotainment Display ขนาด 8 นิ้ว รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay
มี Charging Socket แบบ USB-C และ USB-A ชาร์จได้รวดเร็วทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง เบาะคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง มีปุ่มดันหลังและเบาะคนนั่งด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง แผงควบคุมเครื่องปรับอากาศปุ่มหมุนแบบ Full Mode Control พร้อมทิศทางลม 5 ตำแหน่งรวมตำแหน่งไล่ฝ้ากระจกหน้าและระบบเสียงรอบทิศทาง 6 ลำโพง
สมรรถนะ Performance
แน่นอนว่ายังคงใช้ขุมพลังเดิมด้วยดีเซลเทอร์โบแปรผันไฟฟ้า E-VGS Turbo รุ่น 4JJ3-TCX ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูง 450 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที
พร้อมเทคโนโลยีตัวกรองเขม่าไอเสียในเครื่องยนต์ดีเซล DPD (Diesel Particulate Diffuser) ลดเขม่าและฝุ่นขนาดเล็กจากการเผาไหม้ จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม REVTRONIC ขับเคลื่อนสี่ล้อ Part-Time Terrain Command พร้อม Diff-Lock ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า
พร้อม Rough Terrain Mode ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ เบรกให้เหมาะสมเพื่อให้สามารถผ่านอุปสรรคไปได้ ทำงานได้ทั้ง 2H, 4H และ 4L พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า
ความปลอดภัย Safety
ด้วย IDAS (ISUZU’s Intelligent Driver Assistance System) เวอร์ชัน 4 เวอร์ชันใหม่ทำงานด้วยกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera แม่นยำกว่ากล้องเดี่ยวแบบ Mono Camera ทั่วไป ตรวจจับเส้นถนนและวัตถุด้านหน้ารถแบบ Real Time มีมุมมองกว้างและแม่นยำกว่าเดิม พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake)
- ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติอัจฉริยะ IACC (Intelligent Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
- อ่านป้ายจราจร TSR (Traffic Sign Recognition)
- ช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC (Trailer Sway Control)
- จำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISL (Intelligent Speed Limter)
- แจ้งเตือนการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Assist)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในสภาวะฉุกเฉิน ELK (Emergency Lane Keeping)
- เตือนการชนด้านหน้าและหยุดรถอัตโนมัติ FCW & AEB (Front Forward Collision Warning & Autonomous Emergency Brake)
- เตือนเมื่อออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วคราวในกรณีเผลอเหยียบคันเร่งโดยไม่ได้ตั้งใจ MAM (Mis Acceleration Mitigation)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Auto High Beams)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินขณะกำลังเลี้ยว TA (Turn Assist)
พร้อมออปชันความปลอดภัยพื้นฐานอัพเกรดใหม่ทั้ง Welcome light ไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร และ Welcome Headlight ไฟหน้ารถทั้งคู่จะเปิดอัตโนมัติ เมื่อเข้าใกล้รถ ในระยะ 2 เมตร และกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะการจอดเลี้ยวตามโค้ง
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน BSM (Blind Spot Monitoring) เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) เบรก ABS กระจายแรงเบรก EBD ควบคุมการทรงตัว ESC ป้องการลื่นไหล TCS ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control) เปิดไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Stop Signal)
สัญญาณเตือนการจอด Parking Aid System พร้อมเซนเซอร์กะระยะ 8 จุดรอบคัน ตัดการทำงานของ BSM และ RCTA แบบอัตโนมัติในกรณีลากจูง ถุงลมนิรภัยรอบคัน 8 จุด รวมถุงลมนิรภัยคั่นกลางระหว่างเบาะหน้ากับใต้เข่าคนขับ Crash Unlock ปลดล็อกประตูอัตโนมัติ เมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน และตรวจวัดลมยาง Tyre Pressure Monitoring System (TPMS)
ราชาสายลุยน้องใหม่พร้อมจะถล่มคู่แข่งอยู่หมัดไม่ว่าจะเป็น Toyota Hilux GR Sport Ford Ranger Raptor และ Nissan Navara Pro-4X Warrior จากสำนัก Walkinshaw Automotive เคยฝากผลงานเด็ดทั้ง HSV Colorado Sports Cat, Mitsubishi Triton Xtreme และ Volkswagen Amarok W-Series เตรียมเปิดตัวในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้
ที่มา CarExpert