ถ้าจะกล่าวถึงรถปิกอัพที่ผู้ใช้รถทั้งประเทศรับรู้ถึงความแข็งแกร่ง ทรหด สมบุกสมบัน ซึ่งเป็นคุณสมบัติข้างต้นของ ISUZU D-MAX
จุดเริ่มต้นของปิกอัพสมบูรณ์แบบเกิดขึ้นที่ประเทศไทยที่แรกของโลกพร้อมกับทาง อีซูซุ มอเตอร์ (ประเทศญี่ปุ่น) ตัดสินใจย้ายไลน์การประกอบปิกอัพจากญี่ปุ่นมาที่เมืองไทยและมอบหมายให้ ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ถ่ายทอดกลยุทธ์การทำตลาดในไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในนาม ตรีเพชรมาร์เก็ตติ้งสคูล ปูทางให้ผู้จำหน่ายทั่วโลกได้รู้จักมากขึ้น ด้วยไลฟ์สไตล์ชีวิตที่เปลี่ยนไปตามบริบทสังคมทำให้ปิกอัพยุคนี้มีตัวตนแตกต่างจากยุคก่อนอย่างสิ้นเชิงและถ้าจะพูดถึงปิกอัพยอดนิยมที่ครองใจชาวไทยต้องมีชื่อ ISUZU D-MAX เป็นอันดับตั้นๆที่คนไทยเลือกใช้งานขอมาย้อนอดีตกับความสำเร็จของ ISUZU D-MAX 3 เจเนอเรชันว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เริ่มกันที่
- ISUZU D-MAX รหัส i-190 ปี 2002-2011
22 พฤษภาคม 2002 ภาพจำต่างๆของความเป็น มังกรทอง ดราก้อนอายส์ ได้หายไปจากความคิดของคนไทย เมื่อปิกอัพสมบูรณ์แบบระดับโลก ปรากฏตรงหน้ากับการเปลี่ยนแปลงแบบใหม่หมด ถึงแม้จะมีทาง General Motors มาร่วมพัฒนาก็ตาม สำหรับคำว่า D-MAX มีที่มาดังนี้โดย คำว่า D: สุดยอดแห่งความสมบูรณ์แบบ MAX : สุดยอดแห่งความยอดเยี่ยม จึงรวมมาเป็นคำว่า D-MAX สุดยอดรถปิกอัพสมบูรณ์แบบระดับโลก ช่วงแรกจะขาย 3 รูปแบบทั้งแบบ Spacecab แค็บตอนครึ่ง Spark ตอนเดียว และ Rodeo ขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้งขนาด 3.0 ลิตร ดีเซลเทอร์โบ 4JH1-T Max 120 แรงม้าที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 245 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบ/นาที ควบคุมหัวฉีดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบอมตะนิรันดร์กาลขนาด 2.5 ลิตร รุ่น 4JA1-T MAX 79 แรงม้าที่ 3,900 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 176 นิวตันเมตรที่ 1,800 รอบ/นาที พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด MAXMATIC จนสร้างประวัติศาสตร์ กับ ยอดขายร้อนแรง ดีแมคซ์ ฟีเวอร์ 10 วันแรก 10,000 คันในไทย
ในช่วงเดือนสิงหาคม ปีเดียวกัน สมทบทางเลือกหวัง เจาะกลุ่มครอบครัว กลุ่มรักการผจญภัย และขยายฐานกลุ่มลูกค้ารถเก๋งให้หันมาซื้อปิกอัพมากขึ้นด้วยแนะนำรุ่น 4 ประตู CAB4 ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ในช่วงนั้นออพชั่นเด่นๆที่สามารถเรียกเสียงความฮือฮาได้อย่างดีทั้ง ระบบช่วงล่างหน้าแบบปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริงในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อมาตรฐาน ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนี่ยน เพื่องานบรรทุก รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้ระบบควบคุมเปลี่ยนการขับเคลื่อนแบบกดปุ่ม (เดิมเป็นคันเกียร์พิเศษหรือเกียร์ฝาก) ด้วยระบบไฟฟ้าในชื่อ Touch-On-The-Fly โช้กอัพแก๊ส แชสซีส์ แบบประกอบซ้อน 3 ส่วน ไฟหน้า HID Xenon ปรับระดับความสูงต่ำได้ถึง 4 ระดับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า กับ ระบบเบรก ABS พร้อม EBD และยังเป็นเจนสุดท้ายของปิกอัพ ISUZU ที่รุ่นยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้ช่วงล่างหน้าแบบปีกนก 2 ชั้น พร้อมทอชั่นบาร์แท่งยาวๆก่อนเจนต่อๆมาจะใช้แบบ คอยล์สปริง
1 ปีต่อมา (12 กันยายน 2003) แนะนำรุ่นยกสูงขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่เป็นการนำความหล่อของรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ถอดชุดเกียร์ทรานเฟอร์ออกไป พร้อมแต่งหน้าแต่งตาให้มีสีสันตามสไตล์ปิกอัพยกระดับสำหรับคนเหนือระดับในชื่อ Hi-Lander ออกมาแล้ว และเป็นจุดเริ่มต้นให้ปิกอัพอื่นๆได้ทำตามกัน พร้อมกับการเปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่ในหน้าเดิมตกแต่งเพิ่มข้าวของมากขึ้น ทั้งไฟตัดหมอกหน้า บันไดข้าง ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ เพิ่มแถบกรอบแสงสีเขียวในกระจกหน้ารถ (Sunband) เพิ่มรุ่น Cab SX ทางเลือกแห่งความสบายด้วยกระจกไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อกและพวงมาลัยพาวเวอร์ปรับระดับได้ รวมถึงปรับช่วงล่างในรุ่น 4 ประตู Cab 4 ให้มีความนุ่มนวลดุจรถเก๋ง Flex-Plus Suspension แถมยังฉลองยอดขาย 1 ปี 100,000 คัน และยังเปิดต่างประเทศด้วยการส่งออกไปยัง 100 กว่าประเทศ
6 ตุลาคม 2004 ISUZU D-MAX ครั้งนี้ปรับครั้งใหญ่ ทั้งหน้าใหม่ หัวใจใหม่ Super Commonrail สายพันธุ์แท้กับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ 3.0 ลิตร 4JJ1-TC 146 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 294 นิวตันเมตรที่ 1,400-3,400 รอบ/นาที พร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด MAXMATIC II โดยมาแทนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร รุ่น 4JH1-T MAX โดยต้นปี 2558 (16 กุมภาพันธ์) แนะนำเครื่องใหม่ 2.5 ลิตร รหัส 4JK1-TC 116 แรงม้าที่ ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 280 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,200 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ออกมา โดยทั้งสองขนาดผ่านมาตรฐานไอเสีย EURO 3 และยังจำหน่ายเครื่องอมตะ 2.5 ลิตร 4JA1-T Max พร้อมกับปรับหน้าตาใหม่ด้วยกระจังหน้าทรงหน้าย้อยรับกับกันชนหน้าทรงสปอร์ต ล้ออัลลอยลายลายหลายก้านและหกก้านในรุ่นยกสูง และขับเคลื่อน 4 ล้อ ภายในปรับเล็กน้อย โดยเฉพาะชุดมาตรวัดความเร็ว เพื่อรับกับรุ่นเครื่องยนต์ใหม่
ช่วงปลายปี 2005 (16 กันยายน) เปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่เพิ่มความสูงของตัวรถรุ่นยกสูงและขับเคลื่อน 4 ล้อทั้ง 2 ประตู และ 4 ประตู เพิ่มจากเดิม 25 ซม.ปรับลุกส์ด้วยกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถพร้อมไฟเลี้ยว LED กล่องใส่แว่นตาพร้อมไฟอ่านแผนที่ขนาดใหญ่ เครื่องเล่นวิทยุเทป CD แบบ 2 DIN พร้อมกุญแจและรีโมทแบบ Keyless Entry ส่วนในรุ่น 4 ประตู Cab4 ตัวท็อป เพิ่มระบบ Immobilizer ป้องกันการสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยกุญแจปลอม และใช้ขุมพลังเครื่อง Super Commonrail ทั้ง 2.5 และ 3.0 ทุกรุ่นทุกแบบและตัดเครื่องยนต์ดีเซลอมตะ 4JA1-T Max ออกจากสารระบบ
หลังจากนั้นมาเปิดตัวรุ่นใหม่ของโลก ปรับปรุงครั้งใหญ่สไตล์ Big Minor Change ปรับหน้าตาใหม่หมด ภายในใหม่ ในร่างเดิมเมื่อ 9 สิงหาคม 2006 หล่อด้วยไฟหน้า Projector ทรงข้าวหลามตัด เด่นที่ไฟเลี้ยว ไฟหลัก และไฟสูงอยู่ในโคมเดียวกัน ไฟท้ายแบบมัลติรีเฟลกเตอร์แบบสีใส Clear Lens และสีเข้ม Smoke Lens และสคู๊ฟบนฝากระโปรงดีไซน์ Built-In ภายในติดตั้งมาตรวัดเรืองแสง Super Vision พร้อมเครื่องเล่น CD MP3 ดีไซน์ทรงกลมทั้งช่องแอร์ ปุ่มควบคุมต่างๆรวมถึงโลโก้พวงมาลัย และยังเพิ่มรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 Ddi i-TEQ ในรุ่น Hi-Lander 2 ประตูและ 4 ประตู และรุ่น Rodeo LS โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะอยู่ที่ขุมพลังใหม่ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลรหัส 4JJ1-TCX พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน VGS Turbo 3.0 ลิตร 163 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 360 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด MUX และ 333 นิวตันเมตรที่ 1,600-3,2000 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด MAXMATIC III ทำตลาดควบคู่กับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TC 146 แรงม้า กับ 2.5 ลิตร รหัส 4JK1-TC 116 แรงม้า
หนึ่งปีถัดมา มาพร้อมคุณค่าแห่งทองคำ และครบรอบ 5 ทศวรรษ ของการดำเนินธุรกิจในไทยยอดผลิต 2 ล้านคัน กับการแนะนำรุ่น Gold Series ที่สุดแห่งคุณค่าระดับทอง เมื่อ 1 ตุลาคม 2007 จุดเด่นตรงที่โลโก้ ISUZU สีทองที่กระจังหน้า ด้านท้าย และพวงมาลัย พร้อมออพชั่นใหม่ๆทั้ง เสาอากาศแบบสั้น กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ปรับ-พับไฟฟ้า ชุดแต่งกันชนหน้า เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ไฟเบรกดวงที่ 3 สีขาวแบบ LED และกุญแจพร้อมรีโมทในตัว Integrated Key พร้อมแนะนำรุ่นยกสูง 4 ประตู เครื่องยนต์ 3.0 VGS Turbo และวันที่ 11 มีนาคม 2551 แนะนำรุ่น Hi-Landerและ Rodeo LS 2 ประตู เครื่องยนต์ 3.0 VGS Turbo และ Spacecab SLX SMART 2.5 เป็นอีกทางเลือก
จนรุ่น Platinum ออกจำหน่ายเมื่อ 15 ตุลาคม 2008 หล่อสปอร์ตขึ้นตั้งแต่กระจังหน้าดีไซน์โครเมี่ยมแบ่งตัวตนตามเอกลักษณ์แบบลายเขี้ยว ล้ออัลลอยลาย 6 ก้านคู่ 16 นิ้ว ครั้งแรกในวงการรถปิกอัพกับเครื่องเล่น DVD 2IN จาก Kenwood 6.1 นิ้ว ติดกล้องมองหลัง ติดตั้งมาตรวัดความเร็วและรอบเครื่องยนต์ในรุ่นตอนเดียว Spark พร้อมชุดแต่งโครเมี่ยมที่ไฟตัดหมอก คอนโซลเกียร์ ช่องแอร์ และลำโพง แนะนำรุ่น SMART คุ้มค่าที่คราวนี้มาถึง 3 รุ่น ทั้ง Spacecab SLX, Cab 4 SLX และ Hi-Lander 2 ประตู
จนในปี 2009 (17 กันยายน 2009) นำทางรวยด้วยรุ่น Super Platinum สปอร์ตหรูหราด้วยล้ออัลลอยลาย 6 ก้านคู่สีทูโทนปัดเงา 16 นิ้ว ชุดแต่งกันชนหน้า พร้อมโทนสีภายในแบบ ดำ-เบจ, ดำล้วนและสีเทาเข้ม นอกจากนี้ระบบความบันเทิงจาก Kenwood มาพร้อมระบบนำทางอัจฉริยะ i-GENII พร้อมกล้องมองหลังครั้งแรกในวงการรถปิกอัพ
17 กุมภาพันธ์ 2010 กำเนิดปิกอัพไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ด้วยรุ่น X-Series ตกแต่งด้วยโทนสีดำแดง อันเป็นเอกลักษณ์ ทั้ง 2 ประตูและ 4 ประตู ทั้งในรุ่น Spacecab SLX Speed, Hi-Lander, LS 4WD จำหน่ายเฉพาะเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ตอบโจทย์สิงห์รถปิกอัพที่อยากมีแนวทางการแต่งรถเป็นของตัวเองและส่งท้ายกับ โมเดลรหัส i-190 ด้วยรุ่น Super Titanium ปรับลุคเข้มกว่าเดิมด้วยชุดโครเมี่ยมทั้งกรอบประตูและคิ้วชายล่าง มาตรวัดเรืองแสง Super Vision สีส้ม เพิ่มกล้องหน้ารถ เพื่มความสะดวกในการจอดรถ และปรับรุ่น X-Series เร้าใจสปอร์ตขึ้น พร้อมรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดในรุ่น Hi-Lander 4 ประตู เครื่องยนต์ 3.0 VGS Turbo เปิดตัวในวันที่ 23 กันยายน 2010 และสิ้นสุดอายุขัยเจนนี้ยาวนานตลอด 9 ปี
- ISUZU D-MAX รหัส RT-50 2011-2019
29 กันยายน 2011 เปิดตัวเจเนอเรขั่นที่ 2 ดีไซน์ใหม่หมดดุจรถไฟหัวกระสุนตัวรถที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อน พร้อมแนะนำรุ่น Spacecab แบบแค็บเปิดได้ แถมเป็นจุดเริ่มต้นของสปอร์ตออฟโรดในชื่อรุ่น V-Cross ปิกอัพขับเคลื่อน สี่ล้อ ถึงแม้ในปีนั้นมีเหตุการณ์ใหญ่น้ำท่วมก็ตามแต่ก็ไม่ทำให้กระแส ดีแมคซ์ ฟีเวอร์สั่นคลอนสามารถกวางยอดจองสูงถึง 15,000 คัน นับตั้งแต่จำหน่าย 3 วันแรก พร้อมทั้งลาขาดโรงงานเก่าที่ระยองย้ายมาอยู่ที่โรงงานของอีซูซุเองที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อทำการส่งออกและรองรับการผลิตในประเทศไทย โดยมีขุมพลัง Super Commonrail ให้เลือกถึง 3 ขนาดตั้งแต่เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 2.5 ลิตร 4JK1-TCX 136 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 320 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผัน 3.0 ลิตร รหัส 4JJ1-TCX แรงสุดเพิ่มจากเดิมถึง 177 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,800 รอบ/นาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดพร้อมระบบ Rev-Tronic และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร รหัส 4JK1-TC 116 แรงม้าที่ ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 280 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,200 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด จำหน่ายเช่นเดิม
ช่วงปลายปี 2012 แนะนำรุ่น X-Series ปิกอัพแต่ง ที่งานนี้ขายแค่รุ่น 2.5 VGS เท่านั้น และยังเปิดตัวรุ่นปรับปรุง MY2013 มาพร้อมความหรูด้วย เสาอากาศแบบครีบฉลาม เครื่องเล่น DVD 7 นิ้วใหม่ ISUZU Media Solutions พร้อมระบบนำทางแบบ Built-In จากเดิมเป็น KENWOOD และกุญแจ Genius Entry (ในรุ่น X-Series) หนึ่งปีถัดมา (22 พฤศจิกายน 2556) เปิดตัวรุ่น Super Daylight ติดตั้งไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Daytime Running Light วางในตำแหน่งไฟตัดหมอกทรงกลม พร้อมทั้งส่งรุ่นขวัญใจกรมป่าไม้อย่าง Spark ตอนเดียวขับเคลื่อน 4 ล้อ และเครื่องยนต์ 3.0 VGS ขับเคลื่อน 2 ล้อ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการกำลังเป็นพิเศษ และยังเพิ่มออพชั่นความสบายด้วยระบบกุญแจ Genius Entry และปุ่ม Push Start และเสาอากาศครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถ พร้อมเพิ่มถุงลมนิรภัยคู่หน้าตั้งแต่รุ่น Z, L, S, B และ Chassis Cab) (เปิดตัว 29 กันยายน 2014)
นวัตกรรมเปลี่ยนโลกปิกอัพ ISUZU D-MAX Blue Power เกิดขึ้นเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2015 ฉีกภาพลักษณ์เดิมของปิกอัพซีซีสูงๆด้วยการตามเทรนด์ Downsizing กับขนาดใหม่เล็กสุดในวงการปิกอัพขนาด 1.9 Ddi Blue Power ลิตร “ที่สุด” กำลังเครื่องยนต์สูงสุด ประหยัดน้ำมันสูงสุด และค่ามลพิษต่ำสุด แรงสุด150 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที ในรหัส RZ4E-TC จับคู่กับเกียร์ 6 สปีดทั้งเกียร์ธรรมดา Genius Sport Shift และเกียร์อัตโนมัติ พร้อมระบบโอเวอร์ไดรฟ์ 2 ตำแหน่งในเกียร์ 5 และ 6 และได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นจนกวาดยอดขายสูงจนปรากฎการณ์ที่สื่อมวลชนไทยเรียกว่า “ปรากฏการณ์ อีซูซุบลูเพาเวอร์” ด้วยยอดขายกว่า 200,000 คันในเวลาไม่ถึง 2 ปี ผ่านบทพิสูจน์ความทนทานที่ไม่เคยทำมาก่อน กับเส้นทางจากไทย-ลาว-จีน (อุรุมชี) ระยะทาง 5,755 กม. วิ่งทั้งวันทั้งคืนไม่ดับเครื่องยนต์ ผจญกับอุปสรรคต่างๆนานาแต่ก็สามารถถึงจุดหมาย ณ เมืองอุรุมชี อย่างปลอดภัย มาพร้อมกับการปรับโฉมเป็นครั้งแรกและการกลับมาของไฟตัดหมอกหน้าหลังหายไปตอนยุค Super Daylight พร้อมไฟหน้า Projector และไฟ Daytime ในโคมเดียวกันไฟท้าย LED ล้ออัลลอยดีไซน์แกร่ง 18 นิ้ว และ 16 นิ้ว ภายในใหญ่สุดด้วยจอสัมผัส 8 นิ้ว หน้าปัด Super Vision แบบ 3D สวยสง่า พร้อมหน้าจอสี MID กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะ Lane Guide ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA
ปี 2016 นอกจากจะเปิดตัวสปอร์ตออฟโรดเท่อย่าง ISUZU D-MAX V-Cross MAX พลังดี…เปลี่ยนโลก รวมถึงเปิดรุ่น MY2017 เพิ่มระบบ HDC (Hill Descent Control) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ Cruise Crontrol ไฟหน้า Projector พร้อมวงกลมสีเงิน Silver Ring และเป็นการกลับมาของเครื่องเล่น DVD พร้อมจอสัมผัส KENWOOD Built-in Navigator ขนาด 7 นิ้ว และยอดการผลิตในไทยครบ 4 ล้านคันแล้ว ก้าวสำคัญของ ตรีเพขรอีซูซุเซลส์ กับการบุกตลาดอาเซี่ยนด้วยการขยายธุรกิจการจัดจำหน่ายรถไปยังประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และราชอาณาจักรกัมพูชา
เมื่อการฉลองการดำเนินธุรกิจในไทยเดินทางมาถึง 60 ปี ฉลองยิ่งใหญ่พร้อมการเปิดตัวรุ่นปรับโฉมครั้งที่ 3 กับ ไฟหน้า Bi-LED ส่องสว่างใหม่ล่าสุด พร้อม Multifunctional Daylight เติมเต็มความสว่างชัดเจนยิ่งขึ้น ปรับระดับสูงต่ำได้ถึง 4 ระดับ ล้ออัลลอย 18 นิ้วลายเข้ม ตกแต่งภายในด้วยวัสดุผิวสัมผัส Soft Touch ฝาปิดคอนโซลกลาง คิ้วคอนโซลเหนือหน้าปัด และเหนือกล่องเก็บของ พร้อมสัญลักษณ์ D-MAX หรือ V-Cross ที่คอนโซลหน้า พร้อมเครื่องเสียงจอสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว ISUZU iConnect Built-in Navigator พร้อมระบบ Air Mirroring รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับสมาร์ทโฟน ผ่าน Wi-Fi Dongle พร้อมจุดเชื่อมต่อ USB เสียงกระหึ่มสมจริงรอบทิศทางด้วย SURROUND SOUND SYSTEM สูงสุดถึง 8 ลำโพง และ Roof Speaker ลำโพงพิเศษบนเพดาน และในรุ่น X-Series เพิ่มรุ่น Speed Cab 4 ออกจำหน่าย และด้วยความเป็นขีดสุดแห่งนวัตกรรมเปลี่ยนโลก สร้างปรากฎการณ์อีกครั้งด้วยยอดจองภายในงาน 60 ปีทองอีซูซุ 8 ชั่วโมง 1 พันคัน ซึ่งไม่เคยมีปิกอัพยี่ห้อไหนทำได้ถึงขนาดนี้
19 ตุลาคม 2018 สั่งลาด้วยรุ่นพิเศษ Hi-Lander STEALTH โดยชื่อ STEALTH ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบินรบ STEALTH มีความแข็งแกร่ง ดุดัน ล้ำสมัยเหนือระดับ ดุดันในทุกองศาจากชุดแต่ง ดีไซน์พิเศษ มีให้เลือกทั้งรุ่น 2 ประตูและ 4ประตู เลือกได้ทั้งดีเซลเทอร์โบแปรผัน RZ4E-TC 1.9 ลิตร 150 แรงม้า และ 4๋JJ1-TCX 3.0 ลิตร 177 แรงม้า
พร้อมปรับลุคใหม่สปอร์ตออฟโรด V-Cross MAX ติดตั้งกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ พร้อมกล้องบันทึกภาพวิดีโอด้านหน้าขณะขับขี่ และปรับรุ่น Hi-Lander ปกติด้วยล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลายหรูและกันชนหลังใหม่ไม่เหมือนใคร และโฉมนี้เป็นโฉมสุดท้ายที่ได้พัฒนากับทาง General Motors ก่อนจะไปจับมือกับทางเพื่อนร่วมชาติอย่าง Mazda
- All New ISUZU D-MAX 2019-ปัจจุบัน (RG-01)
ประเทศไทยเป็นที่แรกของโลกอีกครั้งกับพลานุภาพพลิกโลก เจเนอเรชั่นที่ 3 สำหรับ All New ISUZU D-MAX เมื่อ 19 ตุลาคม 2019 (รอบสื่อมวลชน 11 ตุลาคม 2019) ปิกอัพที่เหนือกว่าคำว่าปิกอัพพร้อมตัวตนที่โดดเด่นกว่า ภายใต้แนวคิด BOLD, EMOTIONAL and SMART ตัวรถใหม่หมด แพลตฟอร์มใหม่หมด กับพลังใหม่ 3.0 ลิตร 190 แรงม้า ภายใต้รหัสใหม่ 4JJ3-TCX พร้อมเทอร์โบแปรผันไฟฟ้า E-VGS Turbo ให้แรงบิดมากสุด 450 นิวตันเมตร และ เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร GEN2 พัฒนาใหม่ 150 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร รวมถึงออพชั่นใหม่ๆครั้งแรกในวงการกับ กระจกบังลมหน้าแบบ IR Cut ช่วยกรองรังสีอินฟราเรด ป้องกันรังสี UVA และ UVB ช่วยลดอุณหภูมิในห้องโดยสาร ระบบกรองอากาศเข้าห้องโดยสาร ดักฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM 2.5 และ Remote Start Engine สามารถสั่งสตาร์ทรถได้ด้วยการกดรีโมท
ในปี 2563 เพิ่มรุ่น X-Series และรุ่น S เกียร์อัตโนมัติ ออกจำหน่าย เมื่อ 14 ตุลาคม 2021 เปิดตัวรุ่นปรับโฉมครั้งแรกของการจำหน่ายเจนนี้มา 2 ปี ภายใต้สโลแกน MY NEW ID และเมื่อ 1 ตุลาคม 2019 ยอดจำหน่ายรวมของรถ ISUZU ในประเทศไทยสูงกว่า 4 ล้านคัน และล่าสุดในปี 2021 ยอดการผลิตในไทยครบ 5 ล้านคันแล้ว
เกือบ 20 ปี ที่ ISUZU D-MAX โลดแล่นบนท้องถนนเมืองไทยในฐานะรถปิกอัพที่ขายดีที่สุดและความเป็นรถปิกอัพที่คุ้มค่าในการใช้งาน พลังแรง ประหยัดน้ำมันดีไซน์ที่ถูกใจเหล่าประชาคมอีซูซุทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดีไม่แปลกที่คว้ายอดขายอันดับ 1 มายาวนานจนไม่มีใครสามารถล้มแชมป์ปิกอัพได้จนถึงทุกวันนี้
ขอขอบคุณ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด