กัมพูชาเป็นประเทศที่ 2 ต่อจากไทยและเป็นการตัดหน้าออสเตรเลียสำหรับ ISUZU MU-X อเนกประสงตค์หรู 7 ที่นั่งรุ่นไมเนอร์เชนจ์
สำหรับทางกัมพูชาคาดว่าจำหน่ายรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อรุ่นเดียวด้วยหน้าตาคล้ายกับรุ่น Ultimate เวอร์ชันไทยสำหรับ ISUZU MU-X ไมเนอร์เชนจ์
ดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกจดภายในเริ่มที่ภายนอกปรับใหม่ตั้งแต่ฝากระโปรงหน้าออกแบบเส้นสายหนาลงตัวพร้อมกระจังหน้าเขี้ยวสองชั้น ดีไซน์ใหม่ Dynamic Grille หรูหราด้วยวัสดุสีดำ Titanium Carbide ขอบสีเงิน โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้า Bi-LED แบบ Dynamic Blade มีไฟ Daytime แบบ LED ในตัวโคมไฟหน้า เร้าใจด้วยชุดกันชนหน้าใหม่! แบบ Fighter Jet ดุดันพร้อม Air Curtain เพิ่มประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ พร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED
สอดรับกับเส้นสายด้านข้างอันเป็นเอกลักษณ์ เติมอารมณ์สปอร์ตด้วยเสาอากาศครีบฉลาม ราวหลังคาบิ๊วอินสีดำดีไซน์กลมกลืนกับหลังคา กระจกมองข้างไฟเลี้ยว LED ปรับ-พับด้วยไฟฟ้า บันไดข้าง สบายยิ่งกว่าด้วยฝาท้าย Smart Tailgate เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าทำงานร่วมกับระบบ Step Sensor และหยุดเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้วยระบบ Jam Protection
พร้อมชุดกันชนหลังทรงเดิมออกแบบลิ้นสปอยเลอร์หลังใหม่ไฟท้าย LED ใหม่!แบบ Dynamic Blade พร้อมผสานดีไซน์สปอร์ตของชุดไฟท้ายด้วยเส้น Embrace Line และไฟตัดหมอกหลัง ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ Dynamic Turbine ขนาด 20 นิ้ว สี Magnetite II พร้อมดีเทลก้านแม็กแบบ 3D พร้อมยาง 265/50 R20
ขนาดตัวรถมีขนาดใหญ่ขึ้นตั้งแต่ความยาว 4,860 มิลลิเมตร (เพิ่มความยาว 10 มิลลิเมตร) ความกว้าง 1,870 มิลลิเมตร ความสูง 1,875 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,855 มิลลิเมตร ความสูงจากใต้ท้องรถ 235 มิลลิเมตร และความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร
ภายในมาพร้อมออปชันทันสมัยตั้งแต่ มาตรวัดเรืองแสง Integrated MID 7 นิ้ว เชื่อมต่อข้อมูลกับจอสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้วรองรับการใช้งานทั้งระบบเชื่อมต่อไร้สายทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay แสดงผลหลายฟังก์ชันทั้งแสดงองศามุมปีนไต่ ลาดเอียง ทิศทางการเลี้ยวของล้อ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ที่หน้าจอ Integrated MID และ Infotainment Display ลุยได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น พร้อมลำโพง 8 จุด พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านดีไซน์ใหม่ปรับได้ 4 ทิศทาง เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold
เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์หลัง Charging Station รองรับการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าหลากหลาย ทั้ง USB Fast Charger Type C และช่องต่อ DC 12V
ภายในห้องโดยสารด้วยโทนสี Truffle Brown – Black ให้ความรู้สึกอบอุ่น High Class เบาะ 7 ที่นั่ง ดีไซน์ใหม่! สี Truffle Brown ที่นั่งสบายเหนือกว่า โอบรับสรีระ ด้วยวัสดุ Cool Max ช่วยลดการสะสมความร้อน คอนโซลดีไซน์ใหม่! สี Truffle Brown-Black พรีเมี่ยมด้วยวัสดุ Piano Black – Satin Silver
เบาะนั่งปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางสำหรับคนขับพร้อมดันหลัง พร้อมเบาะนั่งตอนที่ 2 ปรับเอนได้ถึง 22 องศา พับได้ 60/40 แบบพับม้วนเดียวจบและเบาะนั่งตอน 3 สบายพับได้แบบ 50/50 พร้อมพื้นที่สัมภาระด้านท้ายมากถึง 311 ลิตร และพับเบาะตอน 3 มีพื้นที่ความจุมากถึง 1,119 ลิตร และเมื่อพับตอน 2 กับตอน 3 ด้วยกันจะมีพื้นที่ความจุมากถึง 2,138 ลิตร มากที่สุดในรถระดับเดียวกัน
ฟังก์ชันเอาใจคนรักความสะดวกสบายด้วยกุญแจรีโมท ISUZU Genius Entry สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วย Remote Engine Start เฉพาะรุ่น Ultimate และใช้เปิด-ปิดประตูท้ายไฟฟ้า กระจกบังลมหน้าแบบ IR Cut ช่วยกรองรังสีอินฟราเรด ป้องกันรังสี UVA และ UVB ช่วยลดอุณหภูมิในห้องโดยสาร
ไฟส่องสว่างในห้องโดยสารเปิดอัตโนมัติ เมื่อเข้าใกล้รถในระยะ 2 เมตร Welcome Light ล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเดินออกห่างจากตัวรถเกินระยะ 3 เมตร Walk Away Auto Lock เปิดไฟส่องสว่างได้นาน 30 วินาที หลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ระบบกรองอากาศเข้าห้องโดยสาร สามารถดักฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM2.5
โดยสเปกกัมพูชาตัดไฟสร้างบรรยากาศสีขาว White Ambient Light และ Dome Light หรูมีระดับ กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ และเบาะนั่งฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
ขุมพลังเดิมด้วยเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผันไฟฟ้า E-VGS ขนาด 3.0 รุ่น 4JJ3-TCX กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic
ขับเคลื่อนสี่ล้อ Part Time Terrain Command สวิตช์เปลี่ยนการขับเคลื่อนจาก 2 ล้อเป็น 4 ล้อ พร้อม Rough Terrain Mode ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ เบรกให้เหมาะสมเพื่อให้สามารถผ่านอุปสรรคไปได้ ทำงานได้ทั้ง 2H, 4H และ 4L
ลุยน้ำได้สูงสุด 800 มิลลิเมตร พร้อมช่วงล่างคอยล์สปริงทั้ง 4 ล้อ ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone และเหล็กกันโคลง ช่วงล่างด้านหลังแบบ 5-Link Suspension พร้อมเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย ISUZU MATRIX SAFETY INTELLIGENCE ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ทำงานด้วยกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera แม่นยำกว่ากล้องเดี่ยวแบบ Mono Camera ทั่วไป ตรวจจับเส้นถนนและวัตถุด้านหน้ารถแบบ Real Time มีมุมมองกว้างและแม่นยำกว่าเดิมด้วยเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคันมีทั้ง
ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attention Assist) ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go, เตือนการชนด้านหน้าอัตโนมัติ FCW (Front Forward Collision Warning) หยุดรถอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Brake) เตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDWS (Lane Departure Warning System) ช่วยเบรกฉุกเฉินขณะกำลังเลี้ยว TA-AEB (Turn Assist with Autonomous Emergency Braking)
ควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Automatic High Beam) เบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน MCB (Multi-Collision Brake) ตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง MSL (Manual Speed Limiter) ตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM (Pedal Misapplication Mitigation) แจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
เซนเซอร์ช่วยจอดรถยนต์ Parking Aid System รวม 8 จุด ทำงานร่วมกับกล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะ Lane Guide เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน BSM (Blind Spot Monitoring) และช่วยเตือนขณะถอย RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
ความปลอดภัยพื้นฐานให้มาทุกรุ่นทั้งดิสก์เบรกสี่ล้อพร้อมระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ABS (Anti-Lock Brake System) พร้อมเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) กระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-Force Distribution) ป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว TCS (Traction Control System) ควบคุมการทรงตัวขณะขับขี่ ESC (Electronic Stability Control) ควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC (Trailer Sway Control) ลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก BOS (Brake Override System)
ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control) ถุงลมนิรภัยรอบคัน 6 ตำแหน่งโครงสร้างห้องโดยสาร Ultra-High Tensile และกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ให้ภาพคมชัดแบบ 3D พร้อมมุมมองใต้ท้องรถ ISUZU MU-X รุ่นปรับโฉมใหญ่ “THE NEXT PEAK” จำหน่ายแล้วที่กัมพูชาในราคา 65,500 $
ทางด้านเมืองไทยตลอดปี 2024 ทำยอดขายไม่ถึง 600,000 คันทำได้เพียง 578,201 คัน ลดลงจากปี 2023 ถึง 25.5% แบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่งรวมเอสยูวีทำได้ 359,921 คัน ส่วนตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ทำได้ 218,280 คัน ทางด้านเดือนธันวาคม 2024 ทำได้ 58,305 คัน ลดลงจากปี 2023 ถึง 14.7% แบ่งเป็นตลาดรถยนต์นั่งรวมเอสยูวีทำได้ 37,960 คัน ส่วนตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ (รถปิกอัพ รถพีพีวี และรถบรรทุก) ทำได้ 20,345 คัน
สำหรับ ISUZU เองตลอดปี 2024 ทำยอดขายรวมได้ 85,582 คัน เป็นอันดับที่ 2 ของยอดขายรวม ลดลงจากปี 2023 ถึง 43.7% แบ่งเป็นรถปิกอัพ 61,580 คัน ส่วนแบ่งตลาด 37.7% ลดลงจากปี 2023 ถึง 46.7% จากยอดขายรถปิกอัพ 163,310 คัน ลดลงจากปี 2023 อยู่ที่ 38.3% อยู่อันดับที่ 2
ทางด้านตลาดรถพีพีวีทำได้ 13,014 คัน ส่วนแบ่งตลาด 35.3% ลดลงจากปี 2023 ถึง 37.6% กอดคอครองอันดับ 1 ร่วมกับ Toyota ด้วยตัวเลขและส่วนแบ่งเท่ากัน จากยอดขายรวม 36,844 คัน ลดลง 38.9% และรถบรรทุก 10,988 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 60.6% จากยอดขายรวม 18,126 คัน ครองอันดับที่ 1
ทางด้านเดือนธันวาคม 2024 ทำยอดขายรวมได้ 8,153 คัน เป็นอันดับที่ 2 ของยอดขายรวม ลดลงจากปี 2023 ถึง 20.6% แบ่งเป็นรถปิกอัพ 5,434 คัน ส่วนแบ่งตลาด 37.8% ลดลง 30.1% จากยอดขายรถปิกอัพ 14,373 คัน ลดลง 26.5% อยู่อันดับที่ 2 ทางด้านตลาดรถพีพีวีทำได้ 1,893 คัน ส่วนแบ่งตลาด 42.1% ลดลง 43.4% กลับมาเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มรถพีพีวีอีกครั้งหลังเสียแชมป์เมื่อเดือนพฤศิจกายน 2024 จากยอดขายรวม 4,495 คัน ลดลง 0.3% และรถบรรทุก 826 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 55.9% จากยอดขายรวม 1,477 คัน ครองอันดับที่ 1 ในกลุ่มรถบรรทุก