เป็นรถยนต์อีวีที่ร้อนแรงที่สุดในไทยสำหรับ JAECOO 5 EV ด้วยออปชันครบและราคาน่าคบจนตลาดแตก ล่าสุดออสเตรเลียเปิดราคาขายแล้ว
โดยรวมของ JAECOO 5 มีความคล้ายกับ Land Rover หรือ Range Rover พอสมควรในงานด้านดีไซน์ทั้งคัน
ภายนอกเรียบง่าย
ด้วยแถบแนวนอนติดตั้งไฟ LED ที่ด้านหน้าติดตรา JAECOO แบบทึบในรุ่นอีวี และกระจังหน้าแนวตั้งติดตราโลโก้ในรุ่นสันดาป พร้อมไฟหน้า LED รับกับกันชนหน้าดีไซน์เหลี่ยม ด้านข้างมาพร้อมราวหลังคาบิ๊วอิน หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ
กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถพร้อมไฟเลี้ยว LED รูปตัว C ที่เปิดประตูดึงก้าน ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้วที่หุ้มด้วยยาง Continental พร้อมยาง 235/55 R18 และขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 245/45 R19 และไฟท้าย LED แนวยาวพร้อมกันชนหลังทรงเท่และสปอยเลอร์หลังด้วยมิติตัวรถตั้งแต่
- ความยาว 4,380 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,860 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,650 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,620 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 150 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,710 กิโลกรัม
ภายในเน้นหรูหรา
ด้วยแผงคอนโซลหน้าพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้าน หุ้มด้วยหนังพร้อมตะเข็บสี แผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 8.88 นิ้ว ระบบข้อมูลความบันเทิงแบบจอสัมผัสแนวตั้งขนาด 13.2 นิ้ว รองรับ Android Auto & Apple Carplay แบบไร้สาย ระบบเสียง 8 ลำโพง พร้อมที่ชาร์จมือถือไร้สาย ปุ่ม Push Start พร้อมกุญแจรีโมท Keyless Entry สามารถล็อกและปลดล็อกรถอัตโนมัติเพียงเดินเข้าใกล้หรือเดินออกจากรถในระยะไกล เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold
มีไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารหรือ Ambient Light เครื่องปรับอากาศแยกส่วนอุณหภูมิซ้าย-ขวา กันฝุ่น PM 2.5 ช่องเสียบ USB 2 จุด ทั้ง Type A และ Type C เบาะนั่งหุ้มวัสดุกึ่งหนังแท้คู่หน้าปรับไฟฟ้า สามารถพับได้ในส่วนของเบาะหลัง 60:40 มีพื้นที่สัมภาระมากถึง 1,284 ลิตร และ 480 ลิตรในตอนไม่พับเบาะ
ขุมพลังไฟฟ้าล้วน
ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 211 แรงม้า แรงบิด 288 นิวตันเมตรพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 58.9 kWh วิ่งไกลต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 402 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 473 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 174 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มีชาร์จ 2 แบบทั้งชาร์จกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 28 นาทีด้วยกำลังชาร์จ 130 kW ชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 10.3 kW ภายใน 7 ชั่วโมง พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมดทั้ง ECO Normal และ Sport
พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ โดยด้านหน้าเป็นอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังเป็นอิสระมัลติลิงก์ ออกแบบมาเพื่อรองรับน้ำหนักทั้งตัวแบตและน้ำหนัก พร้อมพวงมาลัยไฟฟ้า EPS (Electronic power steering) ปรับน้ำหนักได้ 3 รูปแบบ พร้อมระบบชาร์จกลับในตัว (Regenerative Braking) 3 ระดับ และรองรับ V2L
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS)
ทำงานร่วมกับเรดาร์คลื่นระดับมิลลิเมตร 2 ระบบ และระบบเรดาร์คลื่นมิลลิเมตรระยะไกล 1 ระบบ แม่นยำเต็มรูปแบบมากถึง 17 ระบบ
- เตือนการชนด้านหน้า FCW (Front Forward Collision Warning)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Brake)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ELK (Emergency Lane Keeping)
- เตือนการออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning System)
- ป้องกันการออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control)
- ช่วยเหลือการขับขี่ในสภาพความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- รักษารถให้อยู่กลางเลน ICA (Integrated Cruise Assist)
- ตรวจสอบจุดอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ช่วยเหลือเพื่อเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- เตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Collision Alert)
- ช่วยเบรกขณะถอยหลัง RCTB (Rear Cross Traffic Braking)
- เตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
- เตือนเมื่อเปิดประตู DOW (Door opening safety reminder)
- จำกัดความเร็ว Speed Limit Information Function (SLIF)
- ช่วยเหลือความเร็วอัจฉริยะ Speed Control Assist (SCF)
- ตรวจจับความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ Driver Monitoring System (DMS)
ออปชันความปลอดภัยพื้นฐานทั้งเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยเบรก ช่วยเบรก BA (Brake Assist) ช่วยเบรกฉุกเฉิน EBA (Emergency Brake Assist) ลดกำลังขับเคลื่อนเพื่อช่วยเบรก BOS (Brake Override System)
ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist System) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control) ควบคุมการทรงตัว ESP (Electric Stability Program System) ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ถุงลมนิรภัยรอบคัน เตือนการคาดเข็มขัดหน้า-หลัง กล้องมองภาพรอบคันแบบ 360 องศา Surround View Monitoring และเซนเซอร์ช่วยจอดรถด้านหน้า-หลัง ถุงลมนิรภัยรอบคัน 7 จุด
เบื่องต้น JAECOO 5 EV ขายรุ่นย่อยเดียว $36,990 เป็นราคารวมค่าจดทะเบียนและภาษีถนน On-Road หรือราว 769,000 บาท มี 4 สี ทั้งสีขาว Arctic White /สีดำ Carbon Black/สีฟ้า Stormy Blue และสีเทานม Stone Grey
ที่มา Carexpert
และจากเหตุการณ์การส่งมอบรถที่ล่าช้าจากท่าเรือแหลมฉบังมายังตัวแทนจำหน่ายโดยขณะนี้ JAECOO 5 EV กว่า 3,000 คัน ได้เดินทางถึงท่าเรือแหลมฉบังเรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการทยอยส่งมอบไปยังผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ แต่เนื่องด้วยข้อจำกัดด้านการขนส่งในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้กระบวนการส่งมอบเกิดความล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ OMODA&JAECOO จึงออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ว่า
“ขออภัยในความล่าช้าในการส่งมอบรถ และขอยืนยันว่าบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าและมาตรฐานการดูแลลูกค้าเป็นอันดับแรก ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้เพิ่มกำลังการส่งมอบเป็นประมาณ 500 คันต่อวัน เพื่อเร่งกระบวนการส่งมอบ
