แบรนด์ลูกในเครือ CHERY อย่าง OMODA&JAECOO เตรียมเผยรถใหม่อีกรุ่นต่อจาก JAECOO 5 EV นั่นคือ JAECOO 6T พี่น้องของ JAECOO 6 และ CHERY V23
JAECOO 6T หรือ iCAR 03T สายลุยฝาแฝด JAECOO 6 EV ทำตลาดเมืองอย่างเต็มรูปแบบและชอบความแตกต่างที่ชัดเจนโดดเด่นในยามโลดแล่นบนท้องถนน
จุดต่างจาก JAECOO 6
นั่นคือหน้าตาที่เปลี่ยนไปจากเดิมตั้งแต่บังโคลนหน้าซ้าย-ขวาดีไซน์เหลี่ยมหนาและบึกบึนกว่า พร้อมช่องระบายอากาศแนวตั้ง ออกแบบกระจังหน้าทรงทึบใหม่ ออกแบบกันชนหน้าใหม่กลมกลืนกับชุดบังโคลนหน้าพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED ช่องระบายอากาศแนวตั้งข้างๆชุดไฟหน้า บังโคลนหลังดีไซน์หนาขึ้นกลมกลืมกับบังโคลนหน้า กันชนหลังใหม่ พร้อมกล่องขนาดเล็กลงเก็บสัมภาระในตำแหน่งเดียวกับที่ห้อยยางอะไหล่สไตล์รถลุยยุค 90
ทุกอย่างยกมาจาก JAECOO 6 ทั้งไฟหน้าดีไซน์ยูคว่ำประกบด้วยชุดไฟหน้า LED แบบ Matrix Adaptive ขนาดเล็ก มีไฟแนวตั้งแบบ DRL LED สองข้างรับกับกันชนหน้าสีดำเข้ม ด้านข้างมีความคล้ายกับ Land Rover Defender นอกจากบังโคลนใหม่แล้วยังมีที่เปิดประตูเรียบเนียนกับตัวรถ
หลังคารถสีดำพร้อมราวหลังคาและดีไซน์เสา A-D เน้นความเหลี่ยมและหนักแน่นสร้างความโดดเด่นและดุดันให้กับตัวรถ ไฟท้าย LED แนวตั้งพร้อมฝาท้ายเปิดบานใหญ่แบบเปิดด้านข้างและปิดด้วยระบบดูดไฟฟ้า และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 245/55 R19
ตัวรถมีขนาดใหญ่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับ JAECOO 6 ทรงกล่อง 5 ประตูจากแพลตฟอร์ม i-MS Platform โดยโครงสร้างตัวรถแบบเหล็กและอะลูมีเนียม ตั้งแต่
- ความยาว 4,380 มิลลิเมตร (เดิม 4,406 มิลลิเมตร)
- ความกว้าง 1,916 มิลลิเมตร (เดิม 1,910 มิลลิเมตร)
- ความสูง 1,741 มิลลิเมตร (เดิม 1,715 มิลลิเมตร)
- ฐานล้อ 2,715 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 1,817-1,914 กิโลกรัม
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 200 มิลลิเมตร (เดิม 195 มิลลิเมตร)
ภายในคล้าย JAECOO 6
แต่ปรับเล็กน้อยเริ่มที่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน เปลี่ยนมาใช้โลโก้ตัวอักษรแทนตัว i ออกแบบหนังสัมผัสใหม่รูปตัวยูที่แผงคอนโซลหน้า นอกนั้นเดิมๆทั้งคอนโซลหน้าทรงถึกสี่เหลี่ยมพร้อมออปชันเด่นทั้ง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านทรงท้ายตัด มาตรวัดดิจิทัล LCD ลดขนาดมาเป็น 9.2 นิ้วจากเดิม 10.25 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้วประมวลแม่นยำด้วยชิฟ Qualcomm Snapdragon 8155 ห้องโดยสารนั่งสบายพร้อมไฟสร้างบรรยกาศในห้องโดยสารหรือ Ambient Light
มาพร้อมกับเบาะนั่งฟังก์ชันเพิ่มเติมมากมายระดับเฟิร์สคลาสที่ช่วยเพิ่มความสะดวกอาทิ ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะที่นั่ง (Memory seat) ระบบรองน่องปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง (4-Way Electric Leg support) และระบบปรับอุณหภูมิของเบาะที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าของรถ ที่สามารถช่วยระบายอากาศเพิ่มความสบายขณะขับขี่ในทุกสภาพอากาศ รองรับการขับขี่ออฟโรดด้วยวัสดุภายในที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและให้ความรู้สึกสบายสำหรับผู้ขับขี่
ภายในส่วนกลางบริเวณที่พักแขน (Armrest) ที่มีพื้นที่จัดเก็บของภายในมากมาย พร้อมทั้งยังถูกออกแบบมาให้ช่วยลดความรู้สึกของระยะห่างระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้าอีกด้วย แผงประตูยังมีการออกแบบที่กระชับมั่นคง ด้วยมือจับประตูไฟฟ้าแบบซ่อนด้วยสีทูโทนที่เรียบหรู สวิตช์กระจกอิเล็กทรอนิกส์และมือจับประตูภายในที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านความปลอดภัยไปพร้อมกับความฉลาดล้ำของผู้ขับขี่รุ่นใหม่ พร้อมลำโพง 12 จุดรอบคันจาก Infinity ในรุ่น 4WD และ PIONEER 8 จุดในรุ่น 2WD
ขุมพลังไฟฟ้า
ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Qida Permanent magnet Motor พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP จาก CATL ความเร็วสูงสุด 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 80 จาก 30%-80% ในเวลาเพียง 0.5 ชั่วโมง และกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kW จากความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 69.77 kWh
มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 184 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลสุด 520 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC หรือ 502 กิโลเมตร (NEDC) โหมดการขับขี่ ECO, Normal, Sport
กับ รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่เพิ่มมอเตอร์ล้อหน้าเข้ามา 95 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตร ผสมกับมอเตอร์ล้อหลัง 184 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกัน ให้กำลังรวม 279 แรงม้า แรงบิด 385 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ในระยะเวลา 6.5 วินาที วิ่งได้ไกลสุด 501 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC หรือ 483 กิโลเมตร (NEDC)
พร้อมโหมดการขับขี่ ECO, Normal, Sport, Snow ,Mud, Sand ในระบบ iWD intelligent electric 4-wheel drive สำหรับสเปกไทยคาดว่านำรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อมาจำหน่าย ความปลอดภัย Safety พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ไม่ว่าจะเป็น
- เตือนการชนด้านหน้าและหยุดรถอัตโนมัติ FCW & AEB (Front Forward Collision Warning & Autonomous Emergency Brake)
- เบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน MCB (Multi-Collision Brake)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (TRAFFIC JAM ASSIST)
- เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน BSM (Blind Spot Monitoring)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS (Lane Keep Assist System)
- ช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (EMERGENCY LANE KEEPING ASSIST)
- อ่านป้ายจราจร TSR (Traffic Sign Recognition)
- เตือนก่อนเปิดประตูรถ DOW (Door Open Warning)
- ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go
- เตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDWS (Lane Departure Warning System)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน จำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISL (Intelligent Speed Limter)
- ช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- กล้องมองภาพรอบคัน
- ถุงลมนิรภัยรอบคันพร้อมถุงลมนิรภัยคั่นกลางระหว่างเบาะหน้ากับใต้เข่าคนขับ
JAECOO 6T เตรียมขายไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2025 พร้อมกับ CHERY V23 CHERY TIGGO7 CHS CHERY TIGGO8 CHS และ JAECOO 5EV