Jaguar กล่าวว่า จะยุติการผลิตผลิตภัณฑ์ทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ยกเว้น F-Pace SUV การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถือเป็นก้าวต่อไปที่ดีสำหรับ Jaguar ผู้บริหารระดับสูงกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจาก “ผลกำไรที่แทบจะเป็นศูนย์” อนาคตของแบรนด์นี้คือรถยนต์ไฟฟ้า
Rawdon Glover เป็นกรรมการผู้จัดการของ Jaguar เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมนี้มานานกว่า 11 ปี และเคยทำงานที่ Volkswagen และ Seat มาก่อน เขามีความรู้เรื่องรถยนต์เป็นอย่างดีและชื่นชมแบรนด์ Jaguar อย่างมาก
เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนแปลงนี้กับ Motortrend เขากล่าวว่า “ผมคิดว่ามันเหมือนกับการพาเรากลับไปยังจุดเริ่มต้นของ Jaguar” นั่นหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ดูเหมือนว่าแบรนด์นี้จะมุ่งเป้าไปที่ผู้ซื้อที่มีฐานะร่ำรวยซึ่งมีประสบการณ์ในการขายระดับไฮเอนด์ “การพยายามขายแบบปริมาณมากไม่ได้ผล” Glover ยอมรับ Jaguar เสนอรถยนต์ 5 รุ่นในปีนี้ และทั้งหมดเริ่มต้นที่หรือต่ำกว่า 77,900 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.74 ล้านบาท
Glover กล่าวว่ารถยนต์รุ่นใหม่จะมี “ความโดดเด่นอย่างมาก” จนถึงจุดที่อาจทำให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งรถยนต์จะต้องเป็นที่ต้องการอย่างมาก… ไม่มีใครอยากได้รถยนต์ไฟฟ้าราคา 100,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3.52 ล้านบาท เพียงเพราะว่ามันเป็นรถยนต์ไฟฟ้า” ซึ่งนั่นก็สมเหตุสมผลดี บริษัทหลายแห่งพยายามและมักจะประสบปัญหาในการขายรถยนต์ราคาสูงโดยไม่คำนึงถึงประเภทระบบขับเคลื่อน
“คาดหวังสิ่งที่แปลกใหม่กว่าที่คุณคาดหวังจากเรา” เขากล่าวต่อ รถยนต์ใหม่คันแรกซึ่งเราอาจได้เห็นก่อนสิ้นปีนี้คือรถรุ่น GT สี่ประตู ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญพอสมควร เนื่องจากรถยนต์ SUV มักขายได้เร็วกว่า Glover กล่าวว่าแบรนด์ตัดสินใจเช่นนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าจะส่งมอบภาษาการออกแบบใหม่ในรูปแบบที่แท้จริงที่สุดก่อน
ประสบการณ์การซื้อและขายกำลังจะเปลี่ยนไปเช่นกัน คาดว่า Jaguar จะเพิ่มระดับให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เมื่อการเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้น ราคาจะสูงขึ้น แต่หวังว่านั่นหมายถึงความสัมพันธ์กับลูกค้าจะคุ้มค่าและมากกว่านั้น และในที่สุดแบรนด์ก็จะกลับมามีกำไรอีกครั้ง
Source: Carscoops
