นับตั้งแต่ SsangYong เปลี่ยนเจ้าของเปลี่ยนแบรนด์มาเป็น KGM มา 2 ปี ทิศทางการทำตลาดชัดเจนขึ้นเน้นเอสยูวีกับกระบะล่าสุดออกมาแล้วกับ KGM MUSSO
KGM MUSSO กระบะ Ladder Frame ไซซ์กลางพัฒนามาจากโครงการ Q300 ในร่างกระบะ 4 ประตู ท้าชนกับคู่แข่งร่วมชาติอย่าง KIA TASMAN และ 3 ตัวตึงกระบะขายดีทั่วโลกอย่าง ISUZU D-MAX Toyota HILUX และ Ford Ranger
ภายนอกสไตล์แกร่ง
ตั้งแต่ดีไซน์ฝากระโปรงหน้าบึกบึนเล่นระดับ พร้อมตราอักษร MUSSO บนขอบฝากระโปรงหน้ามาพร้อมไฟ DRL แบบ LED รูปตัวยูคว่ำ ลากยาว ซ้าย-ขวา และตรงกลางที่รับกับกระจังหน้า 5 ช่อง พร้อมไฟหน้า LED โคมเล็กแต่ดุดัน เสริมด้วยไฟตัดหมอกหน้า LED รับกับกันชนหน้าติดตั้งการ์ดเสริมขนาดใหญ่
ด้านข้างเท่ด้วยหลังคาซันรูฟ ราวหลังคา เสาอากาศครีบฉลาม บ่งบอกถึงรถกระบะยุคใหม่เน้นอเนกประสงค์ และการตกแต่งเน้นโหดด้วย กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ที่เปิดประตูดึงก้าน คิ้วช่องระบายอากาศบริเวณประตูคู่หน้า บันไดข้าง คิ้วขอบล้อสีดำหน้า-หลัง ลงตัวกับชุดคิ้วชายล่างประตูพร้อม
กระทะล้อและล้ออัลลอยมีหลายดีไซน์และหลายขนาดตั้งแต่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 235/70R 17 ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 255/60R18 และ 20 นิ้ว พร้อมยาง 255/50R20 ไฟท้าย LED แนวตั้ง ติดตรา KGM ขนาดใหญ่ปั้มนูนในชุดฝากระบะท้ายกันชนหลังขึ้นรูปกลมกลืนกับตัวรถ ภายในกระบะมีจุดยึดสัมภาระเพิ่ม และแผ่นปูกระบะ
ตัวรถใหญ่อาจใกล้เคียงกับรุ่นเดิมและมีให้เลือกทั้ง ฐานล้อสั้น และ ฐานล้อยาว โดยรุ่นฐานล้อยาวจะได้กระบะท้ายที่มีความยาวประมาณ 1,600 มิลลิเมตร รองรับน้ำหนักบรรทุกประมาณ 500–700 กิโลกรัม ส่วนรุ่นปกติความยาวกระบะท้ายจะอยู่ที่ 1,300 มิลลิเมตร เท่ากับรุ่นเดิม ทั้ง 2 ขนาดมีความกว้างภายในกระบะ 1,570 มิลลิเมตร ความสูงภายในกระบะ 570 มิลลิเมตร
ภายในครบครัน
แต่ข้อมูลที่หลุดมาก่อนหน้านั้นให้ครบทั้งหน้าจอสัมผัสตรงกลางขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto เบรกมือไฟฟ้า จอแสดงผลระบบปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาแบบดิจิทัล และมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล โทนสีภายในมีตั้งแต่ สีดำเข้มสำหรับรุ่นพื้นฐาน สีน้ำตาลอ่อนหรือสีน้ำตาลกาแฟสำหรับรุ่นกลางจนถึงท็อป
นอกนั้นคาดว่าให้มาตามมาตรฐานค่าย KGM ทั้ง เครื่องปรับอากาศกันฝุ่น PM 2.5 พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านแบบท้ายตัด Double D-cut พร้อมระบบอุ่นพวงมาลัย และ Paddle Shift เบาะนั่งหนังสังเคราะห์สัมผัสนุ่มปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางสำหรับคนขับและ 6 ทิศทางสำหรับคนนั่ง
ดันหลังปรับไฟฟ้า 2 ทิศทาง พร้อมอุ่นเบาะและเบาะเย็น พร้อมเบาะนั่งด้านหลังมีที่ท้าวแขนและที่วางแก้วในตัวพับได้แบบ 60:40 ปรับเลื่อนได้ พร้อมอุ่นเบาะ ไฟสร้างบรรยากาศภายใน Ambient Light ที่ชาร์จมือถือไร้สาย กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ ช่องเสียบ USB Type-C
ขุมพลังดีเซล
เป็นดีเซลเทอร์โบแปรผันขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 202 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,400-2,800 รอบต่อนาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และ 441 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาทีในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด จาก AISIN พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง Normal/ Sport และ Winter
ให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ Part Time พร้อมระบบล็อกเฟืองท้าย ความสามารถในการลากจูงอยู่ที่ 3,000-3,500 กิโลกรัม โดยเครื่องยนต์ดีเซลนี้อาจอัพพลังให้แรงขึ้นกว่าเดิม ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ แมคเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังแบบมัลติลิงค์ และแหนบลีฟสปริงให้เลือก
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS
- เตือนมุมอับสายตาครอบคลุมทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และ ด้านหลัง Blind Spot Detection (BSD)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันอัจฉริยะ Intelligent Adaptive Cruise Control (IACC)
- ช่วยเหลือความเร็วอัจฉริยะ Intelligent Speed Assist (ISA)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย Rear Cross Traffic Collision Assist (RCCA)
- ช่วยเตือนขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Warning (RCTA)
- ช่วยเปลี่ยนเลน Automatic Lane Change
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Auto Emergency Braking (AEB)
- ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน Multi-Collision Brake (MCB)
กล้องมองภาพรอบคัน ถุงลมนิรภัยรอบคัน 8 จุด ล็อกประตูรถอัตโนมัติ (Active Walk Away) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Assist Control) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control) ไฟส่องสว่างนำทาง (Follow-Me-Home Light)
ควบคุมการส่ายส่วนพ่วงท้าย Trailer Sway Control (TSA) ควบคุมการทรงตัว Electronic Stability Control (ESC) และวัดแรงดันลมยาง Tire Pressure Monitor System (TPMS) ป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD ช่วยเบรกฉุกเฉิน EBA
เบื่องต้น KGM MUSSO เตรียมขายเกาหลีใต้ช่วงต้นปี 2026 และขายอย่างเป็นทางการก่อนปลายปี ส่วนออสเตรเลียเปิดตัวกลางปี 2026
ที่มา Carexpert
