Honda มีอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ล่าสุดได้มีกระแสว่าวันที่ 23 ก.ค. นี้ ไทยฮอนด้า จะมีเปิดตัวโมเดลใหม่ในประเทศไทย
ล่าสุดมีอีกหนึ่งกระแสข่าวลือ ที่น่าสนใจว่า วันที่ 23 ก.ค. นี้ Honda จะมีการแถลงข่าวนโยบายปี 2024 พร้อมทั้งเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ แน่นอนว่าประเด็นที่น่าสนใจในครั้งนี้ก็ คือ จะมีการเปิดตัวโมเดลใหม่พร้อมกัน 2 รุ่น แต่จะเป็นสองรุ่นไหนที่มีโอกาสขายไทยมาดูกันได้เลย
Stylo 160
อย่างที่หลายๆ คนทราบกันดีว่า Stylo 160 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ใช้การออกแบบพื้นฐานเดียวกันกับ Giorno+ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่มีความใกล้เคียงเคียงกัน แต่ส่วนที่ต่างกันชัดเจนนั่นก็ คือ ขุมกำลังหลักเป็นเครื่องยนต์ eSP+ ขนาด 160 ซี.ซี. 4 วาล์ว ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ให้พละกำลัง 15.3 แรงม้า ที่ 8,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 13.8 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบต่อนาที ซึ่งในจุดนี้เองที่ทำให้เหล่าผู้ขับขี่ชาวไทยที่ชื่นชอบสกู๊ตเตอร์ดีไซน์ย้อนยุคจำนวนไม่น้อยหันมาให้ความสนใจกับการมาของ Giorno+ ในพิกัด 160 ซี.ซี.
CB350RS
CB350RS อีกหนึ่งแนวทางเลือกใหม่ที่อาจมาเติมเต็มช่องว่างของผลิตภัณฑ์กลุ่มคลาสสิก สานต่อตำนาน CB350 ในช่วงปลายยุค 60s หนึ่งในรุ่นที่ขายดีของค่ายปีกนก ซึ่งจะมาพร้อมความโดดเด่นด้วยถังน้ำมันอันเป็นสัญลักษณ์ความคลาสสิคแบบดั้งเดิม มาผสมผสานคุณสมบัติที่ทันสมัย ด้วยไฟหน้าทรงกลมรูปทรงคลาสสิกพร้อมไฟ LED รอบคัน และจะใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 348cc. สูบเดี่ยว 4 จังหวะ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด PGM-Fi ระบายความร้อนด้วยอากาศ พละกำลังสูงสุดที่ 20.7 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 30 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ 5 สปีด มีระบบ Assist Slipper Clutch
EM1 e:
EM1 e: สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นแรกของฮอนด้า สู่ท้องตลาดยุโรปเป็นที่แรก ก่อนขยายตลาดมาทางฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่อินโดนีเซียในช่วงปลายปี 2023 จัดว่าเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับความโดดเด่นด้วยขนาดเล็ก กระทัดรัด มาพร้อมด้วยดีไซน์ที่ล้ำสมัย ในสไตล์มินิมอล ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุด 1.7 กิโลวัตต์ (ประมาณ 2.3 แรงม้า) และมีแรงบิดสูงสุดถึง 90 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 48 กม./ชม. ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน Honda Mobile Power Pack น้ำหนัก 10.3 กก. ความจุ 50.3 โวลต์ ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่จะใช้เวลาหกชั่วโมงในการชาร์จจากแบตเตอรี่หมดจนเต็ม และ 160 นาทีจาก 25% เป็น 75%
Forza 750
บิ๊กสกู๊ตเตอร์ระดับพรีเมียมที่เหล่าไบค์เกอร์ชาวไทยหลายคนเฝ้าคอยการวางจำหน่าย มาพร้อมการออกแบบภายนอกในดีไซน์ของพรีเมียมสกู๊ตเตอร์ และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีเสริมความสะดวกสบาย ใช้แพลตฟอร์มเครื่องยนต์ 2 สูบ ขนาด 750 ซี.ซี. SOHC 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุดที่ 57.7 แรงม้าที่ 6,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 69 นิวตันเมตร 4,750 รอบต่อนาที พร้อมด้วยระบบคันเร่งไฟฟ้า Throttle By Wire และระบบ HSTC ที่ปรับได้ 3 ระดับ และสิ่งที่เป็นจุดเด่นที่สุดของโมเดล คือ ชุดเกียร์ DCT ที่สามารถขับขี่ได้ทั้งแบบออโต้และสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส
CB1000 Hornet
CB1000 Hornet สปอร์ตเน็กเก็ตไบค์รุ่นเรือธงในตระกูล Hornet ซึ่งจะเข้ามาทำตลาดแทนที่โมเดล Neo-Sport Cafe และเพื่อให้สอดคล้องกับ CB750 Hornet และ CB500 Hornet ที่นำเสนอผ่านแนวคิดผสมผสานความลงตัวของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกับรูปแบบงานดีไซน์ที่เหนือกาลเวลา โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ปีกข้างบนถังน้ำมันเชื้อเพลิง มีโครงเฟรมสปาร์คู่แบบใหม่ที่ดูคล้ายกับของ 750 Hornet และไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED คู่ มาพร้อมด้วย เครื่องยนต์ 4 ลูกสูบเรียงขนาด 998 ซีซี 4 จังหวะ DOHC 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ถูกปรับจูนให้มีกำลังสูงสุด 147.5 แรงม้า
อย่างไรก็ตามในลิสต์รุ่นมอเตอร์ไซค์ที่คาดว่ามีโอกาสจะอยู่ใน 2 โมเดลใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 23 ก.ค. นี้ แต่ก็เป็นเพียงแค่การคาดการณ์เท่านั้น สุดท้ายแล้วก็คงต้องอดใจรอกันอีกสักนิดก็จะได้รู้กันว่าจะเป็นรุ่นไหน!
ติดตามข่าวสารยานยนต์ : car2day.com
Page Facebook : Car2Day
Youtube : youtube.com/@Car2day