ทำตลาดมานานถึง 6 ปีในฐานะคู่กัด BMW 5 Series Mercedes-Benz E-Class สำหรับ LEXUS ES เจเนอเรชันที่ 7 ในรหัส XZ10
ล่าสุดเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยเป็นการปรับโฉมเล็กน้อยปรับครั้งที่ 2 ของ LEXUS ES หลังปรับโฉมครั้งแรกไปตั้งแต่เมษายน 2021
จะเห็นได้ว่ามีการปรับในส่วนของด้านหน้าเริ่มที่ชุดกันชนหน้าออกแบบดีไซน์เดิมมุมซ้าย-ขวาของกันชนออกแบบคิ้วกรอบโครเมียมรูปตัว L ใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมชุดไฟหน้า LED ประกอบด้วยไฟหน้า 3-Eye LED กับไฟ Daytime Running Light รูปตัว L ออกแบบใหม่โดยหางของโคมไฟหน้านั้นเป็นรูปตัว L สีขาว กระจังหน้าขนาดใหญ่ทรง Spindle Grill โดยไส้ในออกแบบใหม่เป็นลายเพชรแนวนอน
กระจกมองข้างทรงสปูน ที่เปิดประตูดึงก้านด้านท้ายทรงเดิมแต่ออกแบบไฟท้าย LED ใหม่ให้ดูดีขึ้นกว่าเดิมลาทีกับโลโก้รูปตัว L เปลี่ยนมาใช้ตัวอักษร LEXUS แทน ส่วนล้ออัลลอยเป็นลายใหม่ขนาดเดิมตั้งแต่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/55 R17 ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/45R18 และขนาดใหญ่ 19 นิ้ว 235/40 R19 จากพื้นฐาน TNGA-K
ภายในก็ปรับด้วยเช่นกันเริ่มที่ชุดจอสัมผัสขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเป็น 14 นิ้ว จากเดิม 12.3 นิ้ว รวมถึงยกเลิกปุ่มการใช้งานเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาและปุ่มที่เกี่ยวเนื่องทั้งปุ่มอุ่นเบาะและปุ่มเบาะเย็นไปไว้ในจอสัมผัสเป็นที่เรียบร้อยเพื่อดูเรียบง่ายไม่เกะกะสายตามาตรวัดดิจิตอลเต็มรูปแบบ TFT 7 นิ้ว
หรูด้วยภายในสีขาว Snowy Night White หรือสีแดง Tanzanite Snow Night แบบทูโทนได้ การปรับแต่งภายในที่เสร็จสมบูรณ์ตกแต่งด้วยสีเงิน Lance Moon Ridge
พร้อมออปชันภายในเดิมทั้งจอสัมผัสสามารถรองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto รวมถึงอัพเกรด Data Communication Module (DCM1) โมดูลที่เกี่ยวเนื่องกับข้อมูลของตัวรถทำให้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทในรถได้ผ่านทางแอป Lexus Link รวดเร็วขึ้นโดยเป็นแอปสำหรับแจ้งสถานะตัวรถสั่งล็อกหรือปลดล็อกรถได้ผ่านทางสมาร์ทโฟนได้เต็มรูปแบบ
ใส่ที่วางแก้วข้างคันเกียร์ไว้สองจุดแทนระบบสั่งงานด้วยเสียง Hey Lexus สั่งเปิดเครื่องปรับอากาศและระบบความบันเทิง ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สายอยู่ตำแหน่งหลังคันเกียร์ในชุดคอนโซลเกียร์ บนพื้นฐานคอนโซลหน้าทรงเดิม จอแสดงผลเหนือแผงหน้าปัด head-up display
ที่ชาร์จไร้สาย Wireless Charger และลำโพง ระดับพรีเมี่ยมรอบทิศทางจาก Mark Levinson 17 จุด และ 10 จุด เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ช่องเชื่อมต่อ USB Type-C ไฟสร้างบรรยากาศที่มีให้เลือก 64 สี 14 รูปแบบเครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมระบบฟอกอากาศ nanoe™ X
ขุมพลังคงเดิมกับรุ่น ES300h ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Hybrid 2.5 ลิตร รุ่น A25A-FXS VVT-iE 178 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิด 221 นิวตันเมตรที่ 3,600-5,200 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า แรงบิด 202 นิวตันเมตรและแบตเตอรี่แบบ นิคเกิล-เมทัลไฮไดร (Ni-MH) เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้าสูงสุด 218 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
ยังมีเบนซินล้วนทั้งขนาด 2.0 ลิตร รุ่น M20A-FKS VVT-iE 173 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิด 206 นิวตันเมตรที่ 4,600-5,000 รอบต่อนาทีในรุ่น ES200 และขนาด 2.5 ลิตร รุ่น A25A-FKS VVT-iE 207 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิด 247 นิวตันเมตรที่ 4,600-5,000 รอบต่อนาทีในรุ่น ES250 ทั้งคู่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift-CVT
พร้อมระบบช่วงล่างหลังดับเบิ้ลวิชโบน ช่วยให้เกาะถนนและทรงตัวเป็นเยี่ยม แต่ยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวลในการขับขี่และความปลอดภัย Lexus Safety System Plus 2.5 ไม่ว่าจะเป็น
- เตือนการชนด้านหน้าพร้อมเบรกอัตโนมัติ Pre-Collision System (PCS)
- ช่วยบังคับเลี้ยวฉุกเฉิน Emergency Steering System (ESS)
- ปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ Adaptive High Beam (AHB)
- ควบคุมระยะห่างและความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control System (ACC)
- เตือนรถออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ Lane Departure Alert (LDA)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลนอัจฉริยะ Intelligent Lane Tracking (LTA)
- เตือนจุดมุมอับสายตา Blind Spot Monitoring (BSM)
- เตือนขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- ช่วยเบรกขณะถอยหลัง Parking Support Brake (PKSB)
- ถุงลมนิรภัย 10 จุดรอบคัน
LEXUS ES รุ่นปรับโฉมประเดิมขายจีนที่แรกในราคาเริ่มต้น 299,900-488,900 YUAN หรือราว 1,445,000-2,355,000 บาท ขาย 4 รุ่นย่อยส่วนไทยมาช่วงปี 2025
ที่มา Motor 1