นับตั้งแต่ปี 1989 ที่ LEXUS LS เก๋งใหญ่ของค่ายฟาดฟันคู่แข่งจากยุโรปมายาวนานจนได้รับการตอบรับอย่างดีจากเหล่าผู้บริหารที่ชื่นชอบ
ล่าสุด เล็กซัส ญี่ปุ่นเปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่หรือ MY2026 สำหรับ LEXUS LS ในร่างเจเนอเรชันที่ 5 รหัส XF50
หน้าเดิมพร้อมสีใหม่
จากการปรับโฉมครั้งแรกในปี 2020 ยังใช้หน้านี้มาจนถึงปัจจุบัน พร้อมสีใหม่ 2 สี ทั้ง สีขาว “White Nova Glass Flake” ซึ่งเป็นสีสะอาดตา และ สีน้ำเงิน “Deep Blue Mica” ซึ่งผสานความสดใสเข้ากับความแวววาวอันล้ำลึก
หล่อเดิมตั้งแต่ไฟหน้า LED แบบ three-bulb พร้อมมุมไฟเลี้ยวสีรมดำ พร้อมไฟ L-shaped DRLs ในโคมเดียวกัน กระจังหน้าทรง Spindle Grill รับกับชุดกันชนหน้าดีไซน์เท่ ชุดโครเมี่ยมชายล่างประตู ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย LED กันชนหลังเสริมคิ้วโครเมี่ยมและลิ้นสปลอยเลอร์หลังสีเข้ม กับล้ออัลลอยลายขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 245/50 RF19 และ ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 245/45 RF20 จากพื้นฐาน TNGA GA-L ตั้งแต่
- ความยาว 5,235 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,900 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,450 มิลลิเมตร
- ฐานล้อยาว 3,125 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรวม 2,585 – 2,725 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 82 ลิตร
ภายในเพิ่มความสบาย
เพิ่มออปชันเบาะนั่งคู่หน้าและหลังแบบอุ่นเบาะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมคอนโซลกลางในชุดแผงคอนโซลด้วยจอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมการตกแต่งหรูพรีเมี่ยมแบบ Nishijin & Haku ตัดเย็บเบาะนั่งแนวลึกลวดลายสามเหลี่ยมเพิ่มความสะดวกสบาย เพิ่มความประณีตขึ้นอีกระดับ หน้าปัดแสดงการทำงานของรถยนต์ก็ถูกปรับใหม่ให้ดูโฉบเฉี่ยวกว่าเดิม คันเร่ง, เบรก และที่พักเท้าก็ใช้เป็นชิ้นอลูมิเนียม เสริมความดูแข็งแรงให้เพิ่มมากกว่าเดิม
มาตรวัดความเร็วดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้วที่ปรับมาตั้งแต่รุ่น MY2024 พร้อมเครื่องเสียงคุณภาพ Mark Levinson QLI ระบบเสียงสามมิติ 16 ช่องทาง พร้อม ลำโพง 23 จุด พร้อมใช้สมาร์ทโฟนเป็นกุญแจดิจิทัลได้พร้อมหน้าจอด้านหลังเบาะคู่หน้าขนาด 11.6 นิ้ว จะให้คุณเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่น ทั้งยังเพลิดเพลินไปกับวิดีโอ ดนตรี และสื่อบันเทิงที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือได้โดยใช้ Miracast หรือ DLNA (Digital Living Network Alliance)
ปรับอุณหภูมิอัจฉริยะ สามารถตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้นั่งแต่ละคน ด้วยเซนเซอร์วัดแสงอินฟราเรด ปรับความสบายให้เหมาะสมกับผู้นั่งโดยทันที เบาะนั่งตอนหน้าไฟฟ้าปรับ 28 ทิศทาง ออกแบบมาเพื่อรองรับสรีระทุกส่วนของร่างกายอย่างพอดี เบาะรองไหล่ช่วยเสริมการขับขี่ สร้างความรู้สึกให้เป็นหนึ่งเดียวกับรถ ส่วนเบาะนั่งตอนหลังควบคุมด้วยไฟฟ้าปรับ 22 ทิศทาง และพนักวางขาไฟฟ้า
ควบคุมด้วยไฟฟ้าใช้มอเตอร์ผสานกับระบบนิวเมติก สามารถสูบลมเข้าออกถุงลมเพื่อปรับองศาเก้าอี้ได้ในทุกมุม เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดเบาะนั่งหลังด้านซ้ายสามารถปรับพื้นที่วางขาสูงสุดได้ถึง 1,020 มิลลิเมตร พร้อมนวดผ่อนคลายพร้อมฟังก์ชันกดจุดแบบร้อน ใน่สวนเบาะที่นั่งด้านหลังซ้ายและขวา และมี Automatic Rear Seat Reclining เมื่อไม่มีผู้โดยสารนั่งเบาะหลัง ระบบจะปรับเอนเบาะสอดคล้องกับการเข้าเกียร์ ทั้งยังปรับเบาะให้ต่ำลงเพื่อให้ผู้ขับขี่มองกระจกหลังได้ทัศนวิสัยกว้างขึ้น
ขุมพลัง V6
มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD เริ่มที่เครื่องยนต์เบนซิน 3.5 ลิตร V6 รหัส V35A–FTS เทอร์โบคู่ Twin turbochargers ให้กำลังสูงสุด 421 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,600–4,800 รอบต่อนาที ในรุ่น LS500
ขุมพลังเบนซิน Hybrid V6 3.5 ลิตร รหัส 8GR–FXS ให้กำลังถึง 299 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิด 356 นิวตันเมตร ที่ 5,100 รอบต่อนาที ในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว รุ่น 2NM ให้กำลังถึง 179 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกันได้กำลังสูงถึง 359 แรงม้า คู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด Multi Stage Hybrid System ในรุ่น LS500h
พร้อมช่วงล่างถุงลมควบคุมด้วยไฟฟ้า ปรับความสูงของรถที่ปรับเป็นแบบ Normal และ High ได้แล้ว ยังมีโหมด Access จะช่วยยกตัวรถขึ้นอัตโนมัติเมื่อผู้โดยสารต้องการขึ้นหรือลง ทำให้การเข้าออกเป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ในรุ่น F Sport MY2026 ปรับเปลี่ยนในส่วนคาลิปเปอร์เบรกเป็นสีแดงสปอร์ต พร้อมโลโก้สีเงินที่ดูมีสไตล์และหรูหรา
มรดกงานวิศวกรรมจากรุ่น MY2024 ก็มาด้วยในรุ่นนี้ทั้งระบบควบคุมการเลี้ยวที่ล้อหลังของรถ Dynamic Rear Steering (DRS) ให้มาทุกรุ่น ติดตั้งแถบรองรับหม้อน้ำของรถด้วยวิธีการยึดช่วงล่างของรถทั้งด้านหน้า-หลัง เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวรถ ลดการสั่นสะเทือนของรถด้วยการชิ้นส่วนของยางที่ยึดท่อไอเสียรถ พร้อมระบบ Teammate ช่วยควบคุมรถขณะการจราจรติดขัด และช่วยจอดรถขณะผู้ขับอยู่ห่างจากตัวรถและมีระบบเก็บข้อมูลภาพจากกล้องหน้าและกล้องหลังและในรุ่น LS 500h มีระบบจ่ายไฟให้อุปกรณ์ภายนอกในกรณีฉุกเฉิน
ความปลอดภัย Lexus Safety System+
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบเรดาร์ Dynamic Radar Cruise Control (ACC)
- แจ้งเตือนป้ายจราจรในรถยนต์ Road Sign Assist (RSA)
- แจ้งเตือนการล่าช้าของรถ Departure Delay Notification (TMN)
- ช่วยเหลือการขับขี่เชิงรุก Proactive Driving Assist (PDA)
- ป้องกันก่อนการชน Pre-Collision System (PCS) รองรับคนเดินเท้า (กลางวัน/กลางคืน) และนักปั่นจักรยานจากกลางวันเป็นกลางคืน และรถจักรยานยนต์ (กลางวัน)
- ช่วยบังคับเลี้ยวฉุกเฉินพร้อมระบบบังคับเลี้ยวอัตโนมัติ Emergency Steering Support with Active Steering
- ช่วยเตือนขณะเดินหน้า Front Cross Traffic Alert (FCTA)
- ตรวจจับพฤติกรรมผู้ขับขี่ Driver Monitor Integration
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Automatic Emergency Braking (AEB)
- ปรับไฟสูง-ต่ำ อัจฉริยะ Intelligent High-Beam System
- ช่วยเตือนจุดบอดช่วยเตือนขณะถอยรถ Blind Spot Monitor (BSM)
- ช่วยเตือนขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
- ถุงลมนิรภัยรอบคันมีถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
LEXUS LS MY2026 เปิดขายแล้วที่ญี่ปุ่น 16 รุ่นย่อย 4 เกรดทั้งรุ่น EXECUTIVE รุ่น Version L รุ่น F SPORT และรุ่น I package เริ่มต้น 12,330,000-17,730,000 YEN หรือราว 2,665,000-3,819,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยแต่ถ้ารวมภาษีแล้วราคาจะอยู่ที่ 8,749,000-12,529,000 บาท
ที่มา Carwatch















